อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก แม่โพสต์เตือน อย่าให้ใครหอมลูก ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้

lead image

อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก คุณแม่ท่านหนึ่งได้โพสต์ภาพลูกน้อยเป็นผื่นแดงอักเสบที่แก้ม พร้อมเตือนแม่ๆ อย่าให้ใครหอมลูกหรือจุ๊บลูกเด็ดขาด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แก้มยุ้ยๆ ของเบบี๋มักทำให้ผู้ใหญ่ใจละลาย โดยเฉพาะญาติผู้ใหญ่ ยิ่งเห็นก็ยิ่งเอ็นดู อยากเข้าใกล้ อยากสัมผัส อยากหอมแก้มสักฟอดใหญ่ๆ เพื่อแสดงความรัก แต่รู้หรือไม่ว่า การแสดงความรักด้วยการหอมแก้มแบบนี้อาจนำมาซึ่งอันตรายต่อลูกน้อยโดยที่เราคาดไม่ถึง บทความนี้จะย้ำเตือนถึง อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก ที่ทุกคนควรตระหนักและให้ความสำคัญค่ะ

หลายคนอาจจะเคยได้ยินแม่ๆ เตือนกันอยู่บ่อยๆ ว่า อย่าให้ใครหอมลูก ไม่ใช่เพราะหวง หรืออนามัยเกินไป แต่เพราะการหอมแก้มลูกน้อย อาจเป็นอันตรายกับเด็กน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องเกินจริง และไม่มีแม่คนไหนอยากให้เกิดกับลูกของเรานั่นเอง

 

และนี่ก็เป็นอีกเคสหนึ่ง ที่เกิดขึ้นจริง คุณแม่ท่านหนึ่งใช้ชื่อเฟซบุ๊คว่า Ja Ja ได้โพสต์ภาพลูกน้อยวัย 4 เดือน เป็นผื่นแดงอักเสบที่แก้ม พร้อมเตือนแม่ๆ อย่าให้ใครหอมลูก หรือจุ๊บลูกเด็ดขาด ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้ 

โดยคุณแม่ได้โพสต์ข้อความว่า

อยากมาเตือนเเม่ๆทุกๆคนนะคะ อย่าให้ใครหอมหรือจุ๊บลูกเด็ดขาด ไม่งั้นจะเป็นเหมือนบ้านนี้ค่ะ พอลูกเป็นมาไม่มีใครมาถามหรือมาดูเลยค่ะ ลูกเเพ้เครื่องสำอางที่มาติดหน้าเวลาโดนหอม กับปากผู้ใหญ่ที่ไม่สะอาด เตือนว่าอย่าจุ๊บก็มาด่ามาว่าหวงลูกเกินไป พอเป็นไม่มาดูสักคน  ตอนนี้น้องดีขึ้นเเล้วค่ะ พาไปหาหมอมา”

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ทีมงาน theAsianparent ได้พูดคุยกับคุณแม่เพิ่มเติม คุณแม่เล่าว่า น้องเริ่มเป็นผื่นแดงที่แก้มช่วงประมาณอายุได้ 3 เดือน แต่เป็นเเค่ผื่นเล็กๆ มาเริ่มลามใหญ่ใกล้จะ 4 เดือน คุณแม่จึงพาไปหาหมอ ตอนแรกคิดว่าน้องจะเป็นเริมหรือเปล่า แต่คุณหมอบอกว่าเป็นผื่นอักเสบจากการเเพ้สารเคมีค่ะ หลักๆ จากเครื่องสำอางและปากที่สกปรก ซึ่งคุณแม่รักษามาเป็นเดือนแล้ว น้องเป็นๆ หายๆ คุณหมอให้ยาตัวใหม่มาทา ตอนนี้ก็ดีขึ้น

อยากเตือนผู้ใหญ่ที่ห็นแก้มยุ้ยๆ ของเด็กแล้วอดใจไม่ไหวว่า ขอความกรุณางดหอมแก้มเด็กๆ เพราะ การหอมแก้มเด็กๆ อาจทำให้เด็กป่วยได้ เด็กเล็กยังมีภูมิต้านทานไม่แข็งแรง อาจติดเชื้อโรคจากผู้ใหญ่ได้ง่าย แม้ว่าผู้ใหญ่อาจจะดูแข็งแรงดี แต่ก็อาจเป็นพาหะนำโรคโดยไม่รู้ตัว

ขอบคุณเรื่องราวจากคุณแม่ Ja Ja ที่แชร์เรื่องราวอุทาหรณ์ในครั้งนี้ หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่คุณแม่ทุกท่านในการดูแลลูกน้อยให้ห่างไกล อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก เช่นนี้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

อันตรายจากการหอมแก้มเด็ก

การหอมแก้มลูกน้อย อาจดูเหมือนเป็นการแสดงความรักที่ไร้พิษภัย แต่ความจริงแล้วแฝงไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กทารกที่มีภูมิต้านทานต่ำ เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น

  • ไวรัส RSV: ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงในเด็กเล็ก เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม
  • โรคเริม: เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้มีตุ่มพองใสขึ้นตามริมฝีปาก ซึ่งเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสได้
  • ไข้หวัดใหญ่: โรคติดต่อทางเดินหายใจ ที่ทำให้มีไข้สูง ปวดเมื่อยตามตัว
  • โรคมือ เท้า ปาก: โรคติดเชื้อไวรัสที่พบบ่อยในเด็กเล็ก ทำให้มีไข้ และมีตุ่มแดงที่มือ เท้า และในปาก
  • โรคเฮอร์แปงไจน่า: เกิดจากเชื้อไวรัส ทำให้มีแผลในปากและคอ เจ็บคอ กลืนลำบาก

นอกจากเชื้อโรคต่างๆ แล้ว ผิวของเด็กทารกยังบอบบาง แพ้ง่าย อาจระคายเคืองจากน้ำลายของผู้ใหญ่ หรือแม้แต่เครื่องสำอางที่ติดอยู่บนใบหน้า ทำให้เกิดผื่นแดง คัน หรือผิวหนังอักเสบจากการแพ้สารเคมีได้ ยิ่งไปกว่านั้น การถูกหอมแก้มโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต อาจทำให้ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่สบายตัว และอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านอารณ์และจิตใจในระยะยาวได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

4 วิธีแสดงความรัก ความเอ็นดูต่อเด็ก โดยไม่ต้องสัมผัสตัว

การแสดงความรักต่อเด็กทารกนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธีโดยไม่ต้องสัมผัสตัวเด็ก เพราะการสัมผัสนั้น นอกจากเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรคแล้ว ยังอาจทำให้เด็กๆ รู้สึกไม่ปลอดภัยได้อีกด้วย มาดูกันค่ะว่า วิธีแสดงความรักต่อเด็กทารกโดยไม่ต้องสัมผัสตัว มีอะไรบ้าง

  1. ใช้คำพูดและน้ำเสียง

  • ทักทายด้วยความอบอุ่น: เช่น “สวัสดีจ๊ะหนู วันนี้เป็นยังไงบ้างเอ่ย” “ยิ้มหวานเชียวนะ” “โตขึ้นเยอะเลย”
  • ชมเชย: “หนูเก่งจังเลย” “น่ารักจังเลยลูก”
  1. ใช้ภาษากาย

  • ยิ้ม: ยิ้มให้เด็กๆ บ่อยๆ แม้เด็กเล็กๆ จะยังไม่เข้าใจความหมาย แต่ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกดีๆ
  • สบตา: การสบตาแสดงถึงความสนใจ และทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น
  • โบกมือทักทาย: เป็นการแสดงความยินดี และสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดี
  • ทำท่าทางประกอบ: เช่น เล่นจ๊ะเอ๋ ทำหน้าตาตลกๆ
  1. เล่นกับเด็ก

  • เล่นของเล่น: เช่น เขย่าโมบาย ชี้ชวนดูของเล่นสีสันสดใส
  • อ่านหนังสือภาพ: ช่วยพัฒนาการทางภาษาและการเรียนรู้
  • ร้องเพลง: ร้องเพลงกล่อมเด็ก หรือเพลงที่เด็กๆ ชอบ
  1. มอบของขวัญ

  • ของเล่น: เลือกของเล่นที่เหมาะสมกับวัย และปลอดภัย
  • เสื้อผ้า: เลือกเสื้อผ้าที่เนื้อผ้านุ่มสบาย ใส่แล้วไม่ระคายเคืองผิว
  • หนังสือ: หนังสือภาพ นิทาน เป็นของขวัญที่ส่งเสริมพัฒนาการ

การแสดงความรักด้วยความจริงใจ แม้ไม่ต้องสัมผัสตัว แต่ก็สามารถทำให้เด็กรู้สึกอบอุ่น มั่นคง และปลอดภัยได้

 

 

วิธีปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เมื่อมีคนอยากเข้ามาหอมแก้มลูก

ความรักและความปรารถนาดี อาจมาในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม การหอมแก้ม อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพลูกน้อย พ่อแม่ต้องปกป้องลูก ด้วยการปฏิเสธอย่างสุภาพ ลองทำตามวิธีต่อไปนี้ค่ะ

1. อธิบายเหตุผลด้วยความเข้าใจ 

บอกเหตุผลตรงๆ ด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ อ่อนโยน แต่หนักแน่น เช่น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • “ขอบคุณนะคะที่เอ็นดูน้อง แต่ช่วงนี้น้องยังเล็ก ภูมิต้านทานยังไม่ค่อยแข็งแรง กลัวน้องจะไม่สบายค่ะ”
  • “ขอโทษนะคะ ช่วงนี้โรค RSV กำลังระบาด หมอแนะนำว่าไม่ควรให้ใครหอมแก้มน้องค่ะ”
  • “น้องแพ้ง่ายค่ะ กลัวว่าน้องจะแพ้น้ำลาย หรือเครื่องสำอาง แล้วเป็นผื่นขึ้น”

2. ยิ้มแย้ม แต่อ่อนโยนและหนักแน่น

ท่าทาง น้ำเสียง และสีหน้า เป็นสิ่งสำคัญ ควรยิ้มแย้ม แต่แสดงออกถึงความหนักแน่น ให้ผู้ใหญ่รับรู้ว่าเราจริงจังกับเรื่องนี้

3. เสนอทางเลือกอื่น

เพื่อไม่ให้ผู้ใหญ่รู้สึกเสียหาย ควรเสนอทางเลือกอื่นในการแสดงความรัก เช่น

  • “โบกมือทักทายน้องแทนได้ไหมคะ”
  • “ยิ้มหวานให้น้องได้นะคะ”
  • “เล่นจ๊ะเอ๋กับน้องก็ได้นะคะ”

4. ยกตัวอย่าง

บางครั้งการยกตัวอย่าง อาจทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจได้ง่ายขึ้น เช่น

  • “เพื่อนหนู ลูกเค้าติด RSV ต้องเข้าโรงพยาบาล น่าสงสารมากเลยค่ะ หนูเลยกังวล”
  • “ลูกพี่สาวหนู เป็นเฮอร์แปงไจน่า แผลในปากเยอะเลย กินอะไรก็ไม่ได้ หนูเลยไม่อยากให้น้องเป็นแบบนั้น”

 

 

วิธีป้องกันลูกจากการถูกหอมโดยไม่ได้ขอ

หลายครั้งที่ลูกน้อยอาจถูกจู่โจมโดยไม่ได้ขอ คุณแม่อาจป้องกันได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

  1. อุ้มลูกไว้ การอุ้มลูกไว้แนบอก เป็นการแสดงออกถึงการปกป้อง และเป็นการป้องกันทางกายภาพ ไม่ให้ผู้ใหญ่เข้าถึงตัวลูกได้ง่ายๆ
  2. เบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทำท่าจะเข้ามาหอม อาจเบี่ยงเบนความสนใจ เช่น หยิบของเล่นมาเล่นกับลูก ชวนลูกคุย หรือ หันหน้าหนี
  3. ตั้งกฎ บอกกฎกับคนในครอบครัว และคนใกล้ชิด ว่าไม่ควรหอมแก้มลูก และขอความร่วมมือในการช่วยดูแล

 

แม้ว่าการปฏิเสธญาติผู้ใหญ่จะเป็นเรื่องยาก แต่ก็ต้องกล้าที่จะพูด กล้าที่จะแสดงออกอย่างชัดเจน เพื่อสุขภาพของลูกน้อย อย่าปล่อยให้ความเกรงใจ มาทำให้ลูกต้องเจ็บป่วย เพราะสุดท้ายแล้ว คนที่ต้องดูแล ต้องเหนื่อย ต้องคอยกังวล ก็คือคุณพ่อคุณแม่เอง “กันไว้ดีกว่าแก้” แน่นอนค่ะ

 

ที่มา : เรื่องเด็กๆ by หมอแอม

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อุทาหรณ์ โรคเริมในเด็ก ใครจะคิด ลูกน้อยติดเริม จนเกือบตาบอด เพราะจูบของแม่

เมื่อลูกติดเริมจากพ่อ ใครจะคิด โรคนี้แค่จูบ ลูกก็ป่วยรุนแรงได้นะ

วิธีปฏิเสธคนมาขออุ้มลูก พูดอย่างไรไม่ให้เสียความรู้สึก