ผ่าคลอดเจ็บไหม? แม่ท้องกลัวเจ็บ เลือกผ่าคลอดดีไหม?

lead image

ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดในการคลอดลูก ทำให้คุณแม่หลายคนเลือกที่จะผ่าคลอด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงมีคำถามว่า  'ผ่าคลอดเจ็บไหม' บทความนี้มีคำตอบ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความกังวลเรื่องความเจ็บปวดในการคลอดลูก ทำให้คุณแม่หลายคนเลือกที่จะผ่าคลอด แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังคงมีคำถามว่า  ‘ผ่าคลอดเจ็บไหม‘ หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังมองหาวิธีรับมือกับความเจ็บปวดจากการผ่าคลอด บทความนี้มีคำตอบ เพื่อให้คุณแม่สามารถเตรียมตัวได้อย่างมั่นใจค่ะ

 

ข้อดีของการ “ผ่าคลอด”

ข้อดีอย่างแรกเลย การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่ช่วยให้คุณแม่คลอดลูกน้อยได้อย่างสบายใจ หมดกังวลเรื่องความเจ็บปวดขณะคลอด! ด้วยวิธีการบล็อกหลังหรือการดมยาสลบ คุณแม่จะไม่รู้สึกเจ็บขณะผ่าตัด แม้หลังคลอดอาจมีอาการเจ็บแผลบ้าง แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ การผ่าคลอดยังมีข้อดีอีกมากมาย เช่น

  • วางแผนคลอดได้ตามต้องการ  ไม่ต้องลุ้นว่าลูกน้อยจะออกมาเมื่อไหร่! คุณแม่สามารถเลือกวันและเวลาคลอดได้ตามที่ต้องการ (โดยปรึกษาแพทย์) เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ต้องการเตรียมตัวให้พร้อม หรือมีฤกษ์งามยามดี
  • ไม่ต้องรอนาน บอกลาการรอคอยที่แสนยาวนาน! การผ่าคลอดใช้เวลาเพียงประมาณ 45 นาที ถึง 1 ชั่วโมง คุณแม่ก็จะได้พบหน้าลูกน้อยแล้ว
  • ปกป้องเชิงกรานของคุณแม่ การผ่าคลอดช่วยลดการยืดหย่อนของเชิงกรานและเส้นเอ็นยึด ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากแรงเบ่งในขณะคลอดแบบธรรมชาติ
  • มั่นใจในความปลอดภัย การผ่าคลอดมีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมรับมือกับเหตุฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้
  • ทางเลือกที่ช่วยชีวิต ในบางกรณี การผ่าคลอดเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ช่วยให้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยปลอดภัยจากภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

ข้อเสียของการผ่าคลอด

แม้การผ่าคลอดจะช่วยลดความเจ็บปวดในขณะคลอด แต่ก็มีข้อเสียบางประการที่คุณแม่ควรทราบ ดังนี้ค่ะ

  • เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากกว่าคลอดธรรมชาติ เช่น เสียเลือดมาก ติดเชื้อ ภาวะแทรกซ้อนจากยาสลบหรือการบล็อกหลัง
  • ต้องดูแลหลังคลอดมากกว่า ต้องดูแลแผลผ่าตัดอย่างพิถีพิถันเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอาจมีอาการเจ็บแผลมากกว่าการคลอดธรรมชาติ รวมถึง ทารกมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปัญหาระบบทางเดินหายใจ หรือการติดเชื้อ และอาจต้องเข้ารับการรักษาในหอผู้ป่วยวิกฤต
  • ผลกระทบต่อทารก การผ่าคลอดทำให้ทารกพลาดโอกาสรับแบคทีเรียชนิดดีจากช่องคลอด ซึ่งมีส่วนช่วยในการสร้างภูมิคุ้มกัน อาจมีของเหลวค้างอยู่ในปอด ทำให้มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ  รวมถึง อาจเริ่มให้นมแม่ได้ช้ากว่าทารกที่คลอดธรรมชาติ


  • ภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป แผลเป็นที่มดลูกอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ครั้งต่อไป เช่น รกเกาะต่ำ หรือรกเกาะลึก ซึ่งอาจทำให้ตกเลือดได้ หรืออาจมีพังผืดในช่องท้อง ซึ่งอาจส่งผลต่ออวัยวะภายในอื่นๆ
  • รอยแผลเป็น การผ่าคลอดทำให้เกิดรอยแผลเป็นที่หน้าท้อง

ผ่าคลอดเจ็บไหม?  มีวิธีบรรเทาอาการเจ็บไหม?

หากคุณแม่กังวลว่า ผ่าคลอดเจ็บไหม มาดูขั้นตอนและวิธีการระงับความรู้สึกกันในการผ่าคลอดกันค่ะ

ระหว่างการผ่าตัด

  • ไม่รู้สึกเจ็บ เนื่องจากวิสัญญีแพทย์จะทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกเจ็บปวดด้วย “บล็อกหลัง” โดยฉีดยาเข้าบริเวณช่องเหนือน้ำไขสันหลัง ทำให้ช่วงล่างชา คุณแม่จะรู้สึกตัว แต่ไม่เจ็บ
  • รู้สึกเพียงเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม คุณแม่อาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อยตอนใส่สายสวนปัสสาวะ และรู้สึกถึงแรงกดบ้างในระหว่างผ่าตัด แต่ไม่ใช่ความเจ็บปวด
  • ใช้เวลาไม่นาน โดยทั่วไป การผ่าตัดคลอดใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที และใช้เวลาคลอดรก และเย็บปิดแผลอีกประมาณ 30-40 นาที

หลังการผ่าตัด

  • เจ็บแผลและมดลูกบีบตัว หลังยาชาหมดฤทธิ์ คุณแม่จะรู้สึกเจ็บแผลผ่าตัด และเจ็บจากการบีบตัวของมดลูก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ อาการเหล่านี้จะค่อยๆ ดีขึ้น
  • วิธีบรรเทาอาการเจ็บ แพทย์จะให้ยาแก้ปวด และแนะนำวิธีดูแลตัวเองเพื่อลดอาการเจ็บ เช่น การประคบเย็น การพักผ่อน และการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างเหมาะสม
  • เจ็บแผลนานไหม? อาจจะเจ็บมาก 2-3 วันแรก เมื่อผ่านไป 1-2 สัปดาห์ค่อยๆดีขึ้น และร่างกายจะฟื้นตัวใน 4-6 สัปดาห์ ส่วนระยะยาวอาจเจ็บบ้างในบางครั้ง

แม้การผ่าคลอดจะมีข้อดี แต่ก็มีข้อเสียเช่นกัน ดังนั้น คุณแม่ควรผ่าคลอดเฉพาะเมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องผ่าคลอด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการผ่าคลอดโดยไม่จำเป็นค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด

หลังจากผ่าคลอด คุณแม่ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็ว และป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่างๆ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วันแรกหลังผ่าคลอด

  • ขยับร่างกายลุกนั่ง หรือยืนข้างเตียง และเดินไปรอบๆ ห้อง เพื่อกระตุ้นการทำงานของลำไส้ ลดอาการท้องอืด และช่วยให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  • แจ้งอาการ หากรู้สึกเจ็บแผล ให้แจ้งพยาบาลเพื่อขอรับยาแก้ปวด
  • เริ่มให้นมลูก คุณแม่สามารถให้นมลูกได้ทันทีที่พร้อม

วันที่ 2 เป็นต้นไป

  • เคลื่อนไหว นั่งหรือยืนได้เอง แต่อาจรู้สึกเจ็บแผลบ้าง
  • ระวังการไอ หากไอ ให้ใช้มือหรือหมอนกดที่แผล หายใจลึกๆ แล้วจึงไอออกมา

การดูแลทั่วไป

  • พักผ่อน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • อาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เริ่มจากอาหารอ่อนๆ เช่น ซุป น้ำแกงใส โจ๊ก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารหมักดอง  แนะนำให้คุณแม่ดื่มน้ำมากๆ แต่หลีกเลี่ยงแอลกอฮอล์ กาแฟ ชา และน้ำอัดลม 
  • ห้องน้ำ คุณแม่ควรปัสสาวะเองภายใน 6 ชั่วโมงหลังถอดสายสวนปัสสาวะ หากวันที่ 3 ยังไม่ถ่าย คุณหมออาจให้ใช้ยาถ่าย
  • น้ำคาวปลา สังเกตสี ปริมาณ และเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ
  • แผลผ่าตัดและมดลูก
    • ดูแลแผลให้สะอาด ไม่ให้โดนน้ำ
    • สังเกตอาการผิดปกติ เช่น บวม แดง ร้อน มีเลือดหรือหนอง มีไข้
    • อาจรู้สึกเจ็บแผลและมดลูกบีบตัว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
    • ไม่ควรแกะ เกา หรือสัมผัสแผลโดยไม่จำเป็น
    • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลแผลอย่างเคร่งครัด

ความเจ็บปวดหลังผ่าคลอดเป็นเรื่องปกติ และมีวิธีบรรเทาอาการได้ การดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม จะช่วยให้คุณแม่ฟื้นตัวได้เร็ว แข็งแรง และพร้อมที่จะดูแลลูกน้อยค่ะ

 

ที่มา : โรงพยาบาลเปาโล , hdmall , โรงพยาบาลสมิติเวช

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หมอเตือนแม่ๆ อย่าหาทำ! แม่ผ่าคลอดกินลูกปลาช่อน จะทำให้แผลหายเร็ว

อาการผิดปกติหลังผ่าคลอด ที่ต้องไปพบแพทย์

แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด คีลอยด์ รักษายังไง? วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว