ส้นเท้าแตก ถือเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนจะต้องเคยพบเจอ เพราะเท้าถือเป็นอวัยวะที่ถูกใช้งานแทบตลอดทั้งวัน และสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตกเกิดขึ้นนั้นก็มาจากหลากหลายปัจจัยมาก ๆ ดังนั้น เราจะมาดูกันค่ะว่ามีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้ส้นเท้าแตก และเราก็มีเคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยรักษาอาการส้นเท้าแห้งแตกแบบง่าย ๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากมาฝากกัน ทุกคนสามารถลองไปทำตามกันได้อย่างแน่นอนค่ะ ไปดูกันเลย
ส้นเท้าแตก เกิดจากอะไร?
- อาการส้นเท้าแตกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัยมาก ๆ โดยเราจะแบ่งออกเป็น ดังนี้
- เกิดจากกรรมพันธุ์ บางครั้งอาการส้นเท้าแตกก็อาจจะเกิดจากกรรมพันธุ์ได้เช่นกันนะคะ ถ้าหากพ่อแม่เป็นลูกก็มักจะมีปัญหาตามมาด้วย
- ชอบเดินไปมาด้วยเท้าเปล่า ซึ่งการเดินด้วยเท้าเปล่าด้วยความแข็งของพื้น และความเย็นที่สัมผัสก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้านั้นเกิดความแห้งได้ค่ะ
- การสวมใส่รองเท้าที่ไม่ได้มาตรฐานก็ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ส้นเท้าเกิดการหนาตัว ขึ้น และทำให้แตกได้ง่ายขึ้น
- อาจจะเกิดจากการเจ็บป่วยจากโรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคข้ออักเสบเรื้อรัง รวมถึงอายุที่เพิ่มมากขึ้น
- การดื่มน้ำน้อย หรือดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้เช่นกันนะคะ
- อาบน้ำด้วยน้ำอุ่นที่ร้อนจนเกินไป หรือแช่อยู่ในน้ำร้อนเป็นเวลานาน หรือบ่อยเกินไปรวมทั้งการใช้สบู่ที่ทำให้ผิวแห้งจนขาดความชุ่มชื้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ส่งผลให้ส้นเท้าแตกได้ค่ะ
- อากาศก็ส่งผลทำให้ส้นเท้าแตกได้เช่นกันนะคะ และยิ่งถ้าหากอยู่ในบริเวณที่มีอากาศเย็นเป็นประจำ และไม่ทาครีมบำรุงเพื่อทำให้ผิวชุ่มชื้น ก็ส่งผลทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ค่ะ
- ไม่ทาครีมบำรุงผิวบริเวณส้นเท้า ก็ถือเป็นสาเหตุที่ทำให้ส้นเท้าแตกได้ เพราะส้นเท้านั้นถูกเสียดสีอยู่ตลอดเวลาจากการสวมใส่รองเท้าส่งผลให้สูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ดังนั้น บริเวณส้นเท้าก็ถือเป็นอีกหนึ่งส่วนที่ควรได้รับการบำรุงผิวเช่นกันค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 สมุนไพรแช่เท้า ลดกลิ่นอับ ผ่อนคลาย ปลอดภัย แม่ท้องก็แช่ได้ !
วิธีรักษาส้นเท้าแตก
-
ครีมทาส้นเท้าแตก
ครีมบำรุงส้นเท้าแตก เรียกได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวบริเวณส้นเท้าได้เป็นอย่างดี ซึ่งในปัจจุบันได้มีการผลิตออกมาจำหน่ายหลากหลายยี่ห้อมาก ๆ เพื่อให้ตอบโจทย์สำหรับคนที่มีอาการส้นเท้าแตก ซึ่งวิธีใช้งานแนะนำให้ทาไปบนบริเวณที่เป็นรอยแตก
ถ้าหากใช้งานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องก็จะทำให้ผิวที่แตกค่อย ๆ กลับมาเรียบเนียนขึ้น แล้วก็อย่าลืมตรวจดูส่วนผสมของครีมด้วยนะคะ ว่ามีส่วนผสมที่จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง และเพิ่มความชุ่มชื้นกักเก็บน้ำให้แก่ผิวมากแค่ไหน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สุดแนะนำให้ใช้ทาหลังอาบน้ำเสร็จนะคะ
-
วาสลีน
วาสลีน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งไอเทมที่จะช่วยฟื้นฟูปัญหาส้นเท้าแตกได้อย่างมีประสิทธิภาพสุด ๆ เลยค่ะ แถมยังเป็นที่ช่วยประหยัดงบอีกด้วย ซึ่งวิธีนี้ก็เพียงแค่คุณเอาวาสลีนมาทาบริเวณส้นเท้าที่มีรอยแตก จากนั้นก็ทำการสวมถุงเท้าเนื้อนุ่มไว้ข้ามคืน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวได้แล้วค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าวิธีนี้บำรุงลึกไปถึงผิวหนังชั้นในเลยค่ะ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแนะนำให้ทำเป็นประจำอย่างต่อเนื่องนะคะ
-
ใส่รองเท้าในบ้าน
เนื่องจากการเดินเท้าเปล่าในบ้านนั้นส่งผลทำให้เกิดส้นเท้าแตกได้ ดังนั้น การดูแลรักษาส้นเท้าไม่ให้แห้งแตกหนักกว่าเดิมก็คือคุณจะต้องใส่รองเท้าสลิปเปอร์ในขณะที่อยู่ในบ้าน และสวมถุงเท้าทุกครั้ง เมื่อต้องเดินในระยะทางไกล เพราะจะได้ช่วยลดการเสียดสีกับพื้นเวลาเดินได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : ป้ายยา 10 ครีมทาส้นเท้าแตก กู้เท้าพังให้กลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง!!
-
สปาเท้า
การทำสปาเท้าโดยแช่เท้าประมาณ 15 นาที ในน้ำอุ่นผสมกับมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติ ที่มีสารสกัดช่วยบำรุงผิวที่จะเพิ่มความนุ่มชุ่มชื่นให้กับส้นเท้า ก็จะสามารถฟื้นฟูเท้าที่แห้งแตกให้กลับมาเนียนนุ่มได้ค่ะ ซึ่งวิธีนี้แนะนำให้ใช้แปรงขัดเท้าขัดบริเวณส้นเท้าเบา ๆ นะคะ จะเป็นการช่วยกำจัดเซลล์ผิวบริเวณเท้าที่ตายแล้วให้หลุดออก
จากนั้น ก็ทำการใช้ผ้าขนหนูซับเท้าให้แห้ง แล้วก็อาจจะทาครีมบำรุงเท้าเพื่อช่วยคืนความชุ่มชื่นให้กับเท้า และลดรอยแห้งแตกค่ะ แล้วก็อีกหนึ่งอย่างที่จะต้องระวังนะคะ ก็คืออย่าขัดเท้าแรงจนเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณที่แห้งแตกเป็นแผลได้ค่ะ
-
การดื่มน้ำ
วิธีนี้ถือเป็นวิธีที่ง่ายมาก ๆ สำหรับคนที่ปัญหาส้นเท้าแห้งแตกสามารถทำได้อย่างแน่นอน เพราะการที่ร่างกายนั้นขาดน้ำก็ถือเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ส้นเท้านั้นเกิดการแห้งแตกได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรที่จะดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ หรือร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน เพราะถ้าหากมีน้ำอยู่ภายในร่างกายน้อย ก็จะส่งผลให้เกิดอาการปากแห้ง คอแห้ง และส่งผลต่อสภาพผิวที่แห้งแตกได้ ดังนั้น การดื่มน้ำจึงเป็นการช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่บริเวณส้นเท้าแห้งแตกได้ค่ะ
รักษาส้นเท้าแตกด้วยวิธีธรรมชาติ
-
กล้วย
กล้วย ถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลาย ซึ่งหนึ่งในประโยชน์นั้นก็คือการช่วยฟื้นฟูความชุ่มชื้น สามารถสมานแผลของส้นเท้าที่แตกได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณสามารถทำได้ง่าย ๆโดยการนำกล้วยสุกมาบดให้ละเอียด เมื่อได้กล้วยที่บดละเอียดแล้ว คุณก็ทำการล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นก็นำกล้วยที่ถูกบดละเอียดมาพอกทิ้งไว้ให้ทั่วส้นเท้า และทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที และค่อยล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นก็นำเท้าไปแช่ในน้ำเย็นอีก 5-10 นาที เพื่อการเห็นผลที่ชัดเจนยิ่งขึ้น แนะนำให้ทำอย่างต่อเนื่องเป็นประจำนะคะ
-
น้ำผึ้ง
น้ำผึ้ง ถือเป็นมอยส์เจอไรเซอร์จากธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้แบคทีเรีย ซึ่งถ้าหากนำน้ำผึ้งมาบำรุงเท้าบริเวณที่เกิดการแห้งแตกก็จะช่วยเท้าเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นยิ่งขึ้น ซึ่งวิธีนี้สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการนำน้ำผึ้งผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นก็นำเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที เพื่อผลลัพธ์ที่ดี แนะนำให้ทำก่อนนอนทุกคืนนะคะ
-
มะนาว
มะนาว ถือเป็นวัตถุดิบที่จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าออกได้อย่างง่ายดาย และอุดมไปด้วยวิตามินอีที่จะช่วยสมานผิวแตกให้เรียบเนียนขึ้น ซึ่งวิธีการบำรุงก็ง่ายมาก ๆ เพียงแค่คุณนำเอามะนาวมาคั้นเอาน้ำมะนาว จากนั้นก็นำมาผสมกับน้ำอุ่น จากนั้นนำเท้าลงไปแช่สักพัก เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เท้านุ่มขึ้นได้แล้วค่ะ และก็อีกหนึ่งวิธีในการขัดผิวบริเวณที่แห้งแตก คุณสามารถนำเปลือกมะนาวผสมเกลือ จากนั้นก็นำไปขัดบริเวณรอยแตกก็จะช่วยให้ผิวหนังที่แห้งลอกออกไปค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 ประโยชน์ของมะนาว และสรรพคุณของมะนาวที่คุณอาจจะยังไม่รู้
-
ยางมะละกอ
รู้หรือไม่ ยางมะละกอก็สามารถบรรเทาอาการส้นเท้าแตกให้ดีขึ้นได้ และรวดเร็วมาก ๆ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น แนะนำให้นำยางมะละกอมาทาบริเวณรอยแตก เป็นประจำทุกวัน จากนั้นผิวบริเวณที่แห้งแตกจะนุ่มขึ้น และรอยแห้งแตกก็จะค่อย ๆ จางหายไปค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวิธีรักษา ส้นเท้าแตก ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ เรียกได้ว่าเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็สามารถทำได้ แถมขั้นตอนก็ยังง่าย และสะดวกสุด ๆ ซึ่งบอกเลยว่าใครที่มีปัญหาส้นเท้าแตกอยู่ ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้เด็ดขาดนะคะ ถ้าไม่รีบทำการรักษาในอนาคตก็จะทำให้รักษายากยิ่งกว่าเดิม และถ้าหากใครที่ไม่อยากให้เกิดปัญหาส้นเท้าแตก ก็อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง และหมั่นเติมความชุ่มชื้นเข้าสู่ผิวเป็นประจำนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 รองเท้าเพื่อสุขภาพ เบา นุ่ม สบาย ดีไซน์สวย ใส่แล้วไม่เจ็บเท้า !
วิธีดูแลผิวแห้ง กู้ผิวให้กลับมานุ่ม ชุ่มชื้น หมดปัญหาผิวหยาบกร้าน
วิธีการเลือกออยล์ทาผิว เลือกอย่างไร ให้เหมาะกับผิวของตัวเองที่สุด