คุมกำเนิด แบบไหนดี ? เชื่อว่าเป็นคำถามที่สาว ๆ หลายคนสงสัย และอยากได้คำตอบที่ดีที่สุด เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ที่ยังไม่พร้อม ก่อนอื่นเราจะมาทำความเข้าใจในเรื่องของการคุมกำเนิดเบื้องต้น และแนะนำวิธีการคุมกำเนิดต่าง ๆ ที่มีในปัจจุบันนี้ รวมทั้งข้อควรระวังและสิ่งที่ไม่ควรทำเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพ
คุมกำเนิด แบบไหนดี
การคุมกำเนิด คือ การยับยั้งการปฏิสนธิของอสุจิและไข่ ไม่ให้เกิดเป็นตัวอ่อนฝังอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก และช่วยทำลายไข่ที่มีการผสมแล้วและมีตัวอ่อนฝังอยู่ในเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งการคุมกำเนิดในปัจจุบันนั้นมีหลากหลายวิธี แล้วการ คุมกำเนิด แบบไหนดี บทความนี้จะมาคลายข้อสงสัยและให้ข้อมูลอันเป็นประโยชน์สำหรับสาว ๆ กันค่ะ
ปัจจัยการเลือก วิธีคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดนั้น ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีการ และในแต่ละวิธีการนั้น ย่อมอาจเกิดผลข้างเคียงและความผิดปกติ หรือแม้แต่ผลพลอยได้ที่ตามมา ซึ่งการคุมกำเนิดในแต่ละวิธีการนั้น อาจให้เอฟเฟกต์ที่แตกต่างกันไป ฉะนั้นก่อนที่จะเลือกวิธีการคุมกำเนิด สาว ๆ ก็ควรที่จะวางแผนการเลือกวิธีคุมกำเนิดให้เหมาะสมกับร่างกาย พฤติกรรม และความคาดหวังในอนาคตด้วย โดยมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึง ดังนี้
- สุขภาพ และโรคประจำ
- ผลข้างเคียงและความปลอดภัย
- ความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ และคู่นอน
- การป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ร่วมด้วย
- กลไกการคุมกำเนิดในแต่ละแบบ
- สามารถปฏิบัติตามวิธีการคุมกำเนิดอย่างเคร่งครัดและตรงต่อเวลาได้หรือไม่
- การมีลูกในอนาคต
ประเภทของการคุมกำเนิด
การคุมกำเนิดจำแนกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ด้วยกัน ดังนี้
1) การคุมกำเนิดถาวร การคุมกำเนิดแบบถาวรนั้น จะเป็นวิธีการคุมกำเนิดโดยวิธีการทำหมันนั่นเอง ซึ่งจะสามารถทำได้ทั้งในเพศหญิง และเพศชาย ซึ่งวิธีนี้นิยมใช้กับคู่สามีภรรยาที่มีบุตรเพียงพอแล้ว ไม่ต้องการมีบุตรเพิ่มในอนาคตอีก หรือผู้ที่ไม่ต้องการจะมีบุตรอีกเลย
2) การคุมกำเนิดชั่วคราว การคุมกำเนิดแบบชั่วคราว จะเป็นการคุมกำเนิดแค่เฉพาะในช่วงระยะเวลาที่ต้องการคุมกำเนิดเท่านั้น และจะสามารถตั้งครรภ์ได้เมื่อยุติการคุมกำเนิดไปนั่นเอง สำหรับวิธีการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี ได้แก่ ใช้ถุงยางอนามัย ทานยาเม็ดคุมกำเนิด ฝังยาคุม แผ่นแปะคุมกำเนิด และวงแหวนคุมกำเนิด ควรวางแผนและศึกษาการคุมกำเนิดแต่ละแบบอย่างละเอียด เพื่อเลือกวิธีการคุมกำเนิดอย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เหมาะสมกับตนเอง
การทำหมันในเพศหญิง
การทำหมันในเพศหญิงนั้นจะเป็นการปิดท่อรังไข่ โดยจะป้องกันไม่ให้ไข่ไปถึงมดลูก และป้องกันไม่ให้ตัวอสุจิไปถึงไข่อีกด้วย หากไม่มีการปฏิสนธิของไข่ การตั้งครรภ์ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้นั่นเอง โดยวิธีการทำหมันในเพศหญิง จะมีด้วยกัน 2 แบบ ดังนี้
- ทำหมันหลังคลอด (ทำหมันเปียก)
ช่วงเวลาหลังคลอดเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการทำหมันมาก เนื่องจากเป็นเวลาที่มดลูกอยู่สูงนั่นเอง ทำให้การผ่าตัดเป็นไปได้ง่าย โดยแพทย์จะทำการผูกและตัดท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง ซึ่งการทำหมันเปียกนั้น จะทำในทันทีหลังคลอด หรือภายใน 24 – 48 ชั่วโมงหลังคลอด หรือในเวลาไม่เกิน 6 วันหลังคลอดนั่นเอง
- ทำหมันในเวลาปกติ (ทำหมันแห้ง)
การทำหมันแห้งจะทำในเวลาปกติทั่วไปที่ไม่ได้มีการตั้งครรภ์ วิธีนี้จึงเหมาะกับสาว ๆ ที่ไม่ได้ท้องอยู่ หรือคุณแม่ที่ผ่านการคลอดบุตรมาแล้วเกิน 6 สัปดาห์นั่นเอง โดยวิธีการทำหมันแห้งนั้นจะค่อนข้างยากกว่าการทำหมันเปียก เนื่องจาก มดลูกอยู่ในอุ้งเชิงกราน ทำให้การหาท่อนำไข่นั้นยากขึ้น หากสาว ๆ ต้องการที่จะทำมันแห้ง ควรตรวจสุขภาพก่อนเข้ารับการทำหมัน
การทำหมันในเพศชาย
การทำหมันในเพศชายนั้น สามารถคุมกำเนิดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าและทำได้ง่ายรวมทั้งไม่จำเป็นต้องพักฟื้นอีกด้วย โดยวิธีทำหมันในเพศชายนั้น แพทย์จะทำการตัด หรือผูกท่ออสุจิไว้ จึงทำให้ตัวอสุจินั้น ไม่สามารถที่จะลำเลียงไปสู่โพรงมดลูกได้ และในน้ำอสุจิจะไม่มีตัวอสุจิ จึงทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิขึ้นนั่นเอง แต่เพื่อความมั่นใจในการคุมกำเนิด หลังการทำหมันในเพศชายนั้น ควรที่จะใช้การป้องกันและคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยอย่างน้อย 3 เดือน
ข้อเสียของการทำหมัน
การทำหมัน จะไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก หากเกิดการเปลี่ยนใจอยากตั้งครรภ์ จะทำได้ยาก หรือไม่สามารถทำได้อีกเลย และหากหมันในเพศหญิงนั้นเกิดหลุด จะทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้สูง ซึ่งเป็นสิ่งที่จะส่งผลอันตรายต่อทั้งแม่ และลูกในครรภ์ได้นั่นเอง
สำหรับการทำหมันนั้น เป็นการคุมกำเนิดแบบถาวร โดยจะเหมาะกับคู่สามีภรรยาที่อยากยุติการมีลูก หรือเป็นกังวลสำหรับการตั้งครรภ์เมื่ออายุมากขึ้น อย่างไรก็ตามการคุมกำเนิดโดยการทำหมันนั้นจะไม่ส่งผลต่ออารมณ์ และความรู้สึกทางเพศแต่อย่างใด สามารถใช้ชีวิตคู่ได้อย่างมีความสุขเช่นเดิม
บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำหมันพร้อมผ่าคลอดเลยดีไหม ทำหมันแบบไหนเจ็บตัวน้อยสุด และฟื้นตัวได้เร็ว
การคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัย
การใช้ถุงยางอนามัยนั้นถือว่าค่อนข้างที่จะปลอดภัย และมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูงหากใช้อย่างถูกวิธี และวิธีนี้ยังสามารถที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้นในปัจจุบันมีทั้งแบบของผู้หญิงและของผู้ชาย แต่สำหรับของผู้ชายนั้นจะค่อนข้างมีความปลอดภัยและใช้ง่ายกว่าของผู้หญิง ซึ่งถุงยางอนามัยผู้หญิงนั้น เป็นนวัตกรรมที่ยังค่อนข้างใหม่ อาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝน และทำความเข้าใจในการใช้งานก่อน วิธีการคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยนั้น เป็นวิธีที่จะไม่ส่งผลต่อความเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอีกด้วย จึงไม่เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายของสาว ๆ
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : ถุงยางอนามัยนั้น สามารถที่จะเกิดการฉีกขาดระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ได้ ฉะนั้นควรสังเกตให้ดีหากมีเสียงดังคล้ายเสียงแตกของถุงยางอนามัยเกิดขึ้น ควรที่จะหยุดการมีเพศสัมพันธ์ทันที และเช็คถุงยางอนามัย หรือทุกครั้งหลังมีเพศสัมพันธ์ก็ควรเช็คถุงยางอนามัยเช่นกัน โดยการเปิดก๊อกน้ำใส่ในถุงยางอนามัย หากไม่มีน้ำหยดไหลหรือพุ่งออกมาจากถุงยางอนามัยก็ถือว่าปลอดภัย แต่ถ้าหากว่ามี ก็ควรใช้การคุมกำเนิดอย่างอื่นร่วมด้วยเช่นการกินยาคุมฉุกเฉินนั่นเอง
การคุมกำเนิดโดยใช้ ยาเม็ดคุมกำเนิด
ยาเม็ดคุมกำเนิดนั้น ถือเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูงหากทานอย่างตรงเวลาเคร่งครัด และเป็นที่นิยมสำหรับสาว ๆ ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดจะมีหลากหลายยี่ห้อและมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งเป็นฮอร์โมนรวม และฮอร์โมนเดี่ยว และมีแบบ 21 เม็ด หรือ 28 เม็ด ซึ่งสาว ๆ ควรไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างละเอียด หรือปรึกษาเภสัชกร โดยในยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นจะประกอบไปด้วยเอสโตรเจนและโปรเจสติน ซึ่งมีส่วนในการเกิดการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนได้ และอาจมีผลพลอยได้ที่ดีคือ รอบเดือนมาปกติอย่างสม่ำเสมอตรงตามวันเป๊ะ ๆ ช่วยในเรื่องสิว และทำให้หน้าอกคัดตึง ทำให้ดูเหมือนว่าหน้าอกใหญ่ขึ้น และช่วย บรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือน ช่วยให้ความหงุดหงิดในช่วงมีประจำเดือนนั้นน้อยลงได้นั่นเอง
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : การทานยาเม็ดคุมกำเนิด จำเป็นต้องทานตรงตามเวลาอย่างเคร่งครัด เพราะหากทานยาไม่เป็นเวลา หรือลืมทาน จะทำให้เกิดความเสี่ยงสูงต่อการตั้งครรภ์จากการมีเพศสัมพันธ์ และวิธีการทานยาเม็ดคุมกำเนิดนั้นไม่สามารถที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ฉะนั้นหากใช้วิธีการทานยาเม็ดคุมกำเนิด ควรมีการคุมกำเนิดด้วยถุงยางอนามัยร่วมด้วยเพื่อเพิ่มความรัดกุมขึ้น 2 ชั้น และนอกจากนี้ยังส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งอาจมีเอฟเฟกต์แตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อ ปริมาณฮอร์โมน และชนิดของยาคุมกำเนิด ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาการเวียนหัว อยากอาเจียน เหนื่อยง่าย หรืออ้วนขึ้นได้นั่นเอง และอาจส่งผลต่อปริมาณประจำเดือน ทำให้ประจำเดือนมากระปิดกระปอยได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีกินยาคุม คุณผู้หญิงควรกินยาคุมยังไง หรือกินตอนไหนบ้าง
การคุมกำเนิดโดยกิน ยาคุมฉุกเฉิน
ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาคุมกำเนิดที่ควรใช้ในเวลาที่ฉุกเฉินจริง ๆ เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันใด ๆ หรือ ถุงยางอนามัยแตกขณะมีเพศสัมพันธ์ หรือ กรณีการถูกล่วงละเมิดทางเพศ การทานยาคุมฉุกเฉินควรทานภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งทานเร็วเท่าไหร่ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็จะยิ่งสูง ลักษณะยาคุมฉุกเฉินจะมีทั้งรูปแบบที่มี 2เม็ด และรูปแบบที่มี 1 เม็ด แล้วแต่ยี่ห้อ ควรปรึกษาเภสัชกรอย่างละเอียดก่อนรับประทาน
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : ยาคุมฉุกเฉินนั้นควรรับประทาน เพียงแค่ที่จำเป็นเท่านั้น ไม่ควรรับประทานบ่อยเด็ดขาดเพราะมีผลข้างเคียงสูง เป็นอันตรายต่อร่างกาย รวมทั้งหากเกิดการตั้งครรภ์และกินยาคุมฉุกเฉินนั้น มีความเป็นไปได้สูงที่จะตั้งครรภ์นอกมดลูก ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และลูกในท้องได้
การคุมกำเนิดด้วย IUD หรือ ห่วงอนามัย
ห่วงอนามัย จะมีลักษณะเป็นรูปตัว T มีขนาด 2 – 3 เซนติเมตร โดยจะมีสองรูปแบบคือ ทองแดง และ ฮอร์โมน วิธีใช้ คือ แพทย์จะติดตั้งห่วงอนามัย ในมดลูก โดยจะมีกลไกในการขัดขวางการฝังตัว ของตัวอ่อน ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง และไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ ต่อร่างกาย และสามารถที่จะคุมกำเนิดในระยะยาวได้ถึง 3 – 10 ปี โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการติดตั้ง IUD หรือ ห่วงอนามัยคือช่วงวันถัดจากวันสุดท้ายที่ประจำเดือนมานั่นเอง
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : การติดตั้ง IUD หรือ ห่วงอนามัย ควรติดตั้งโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ไม่ควรที่จะติดตั้งเองเด็ดขาด และการใช้ห่วงอนามัยนี้ ไม่ควรใช้กับ ผู้ที่เป็นโรคมะเร็งปากมดลูก หรือมีสภาวะมดลูกอักเสบ อุ้งเชิงกรานอักเสบ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนรับการคุมกำเนิดด้วยวิธีนี้
การฉีดยาคุม
การฉีดยาคุมกำเนิดนั้น เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพสูง แต่จะอยู่ในช่วงระยะเวลาไม่นานมากซึ่งจะมีให้เลือกสองแบบคือ แบบ 1 เดือน และแบบ 3 เดือน โดยการฉีดยาคุมกำเนิดจะฉีดที่ต้นแขนหรือสะโพก ฮอร์โมนจะค่อย ๆ เข้าสู่กระแสเลือด และมีกลไกในการคุมกำเนิดคือ ตัวยาจะไปยับยั้งการตกไข่ และเกิดมูกเหนียวข้นบริเวณมดลูก ทำให้อสุจิไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ นั่นเอง
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : การคุมกำเนิดด้วยการฉีดยาคุมนั้นจะส่งผลต่อความมาไม่ปกติของประจำเดือนหรือมีเลือดออกผิดปกติ และเมื่อยาครบตามอายุเวลา จะยังไม่สามารถมีลูกได้ทันที ต้องรอให้ฤทธิ์ยานั้นเสื่อมลง อาจใช้เวลาหลายเดือนได้นั่นเอง อย่างไรก็ตามหากมีความกังวลหรือข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันทีเพื่อขอคำแนะนำและหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา
การคุมกำเนิดด้วยการ ฝังยาคุม
การฝังยาคุมนั้นจะใช้ตัวยาที่มีลักษณะเป็นแท่งยางประมาณ 3 เซนติเมตรฝังลงไปใต้ผิวหนังบริเวณใต้ท้องแขนของเรา โดยแพทย์อาจจะใช้แบบ 2 แท่ง หรือ 1 แท่ง ฝังไปใต้ผิวหนังของเรา ซึ่งการฝังยาคุมนั้นมีประสิทธิภาพที่สูงและออกฤทธิ์ได้นาน 3 – 5 ปี มีกลไกในการช่วยยับยั้งการตกไข่ และทำให้ไม่พร้อมต่อการปฏิสนธิได้นั่นเอง หากต้องการวางแผนที่จะมีบุตร ก็สามารถไปให้แพทย์เอาออกได้
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : วิธีการฝังยาคุมนั้น ฟังแล้วค่อนข้างที่จะน่าหวาดเสียว แต่มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดที่สูงและออกฤทธิ์นาน ในบางรายอาจมีผลกระทบต่อการมาของประจำเดือน บางท่านอาจมีประจำเดือนกระปิดกระปอย หรืออาจไม่มีประจำเดือนมาอีกเลย จนกว่าจะเอายาออก หรือยาหมดฤทธิ์
บทความที่เกี่ยวข้อง : ฝังยาคุม กับ กินยาคุม ต่างกันอย่างไร ? มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
การใช้แปะแผ่นคุมกำเนิด
การแปะแผ่นยาคุมนั้นเป็นวิธีการคุมกำเนิดที่ง่ายมาก ๆ โดยตัวยาจะมีลักษณะเป็นแผ่น มีฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสติน โดยจะแปะที่บริเวณสะโพก หน้าท้อง ต้นแขน หรือบริเวณหลัง ตัวยาจะค่อย ๆ ซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายในสี่สิบแปดชั่วโมงซึ่งจะ มีกลไกในการ คุมกำเนิดโดยการยับยั้งการตกไข่ สร้างเมื่อบริเวณมดลูกทำให้ตัวอสุจินั้นไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ และทำให้มดลูกบางลงเพื่อลดการ ฝังตัวของตัวอ่อน ได้นั่นเอง และสามารถที่จะออกฤทธิ์ได้นาน
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : ไม่ควรที่จะใช้แผ่นแปะแผ่นคุมกำเนิดในระยะเวลายาวนาน เพราะอาจส่งผลข้างเคียงได้ และไม่ควรใช้กับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กิโลกรัม มีโรคเบาหวาน โรคตับ หรือผู้ที่สูบบุหรี่จัด มีความดันโลหิตสูง มีประวัติเป็นโรคหัวใจ มะเร็งเต้านม และมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
การใช้วงแหวนคุมกำเนิด
สำหรับแหวนคุมกำเนิดนั้นจะมีลักษณะเป็นพลาสติกวงแหวนใส มีความยืดหยุ่น ไม่ละลาย วิธีใช้คือใส่เข้าไปในช่อง คลอด โดยจะเริ่มใส่ในวันแรกที่ประจำเดือนมานับไป 21 วัน แล้วจึงถอดออกเจ็ดวัน และใส่เข้าไปใหม่ ซึ่งมีวิธีการนับวันที่คล้ายกับการทานยาเม็ดคุมกำเนิด แต่เปลี่ยนเป็นการสอดใส่วงแหวนในช่องคลอดแทน ซึ่งกลไกของวงแหวนคุมกำเนิดนี้ ตัววงแหวนจะบรรจุฮอร์โมน เอสโตรเจนและโปรเจสติน โดยจะช่วยยับยั้งการตกไข่ สร้างมูกเหนียว ๆ เพื่อป้องกันการผ่านของอสุจิ เป็นอีกวิธีการป้องกัน การตั้งครรภ์ ที่ง่ายและสะดวก
ข้อด้อย และข้อควรระวัง : สำหรับการใช้วงแหวนคุมกำเนิดนี้จะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะอยากอาเจียนเกิดขึ้นได้ และไม่เหมาะกับผู้ที่ มีอาการปวดไมเกรน เสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน โรคอ้วน เบาหวาน ความดัน และตัวยาบางชนิด จะส่งผลต่อการยับยั้งการใช้วงแหวนคุมกำเนิดได้อีกด้วย ฉะนั้นแล้วควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการใช้วงแหวนคุมกำเนิด
การ คุมกำเนิด วิธีไหนดี นั้น อาจจะตอบได้ไม่ตายตัว เพราะการคุมกำเนิดแต่ละแบบ อาจจะเหมาะหรือไม่เหมาะกับบริบทการใช้ชีวิตของแต่ละคน เพราะแต่ละคนนั้นย่อมมีปัจจัยแตกต่างกันไป เช่นโรคประจำตัว หรือความขี้ลืมก็ตาม หากให้บอกว่าการ คุมกำเนิด วิธีไหนดี นั้น คงจะต้องตอบว่า คือการคุมกำหนัดนั่นเอง ซึ่งการที่ไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ถือเป็นการคุมกำเนิดที่ดีที่สุด แต่เราก็เข้าใจว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องธรรมชาติ และเป็นกลไกของร่างกายมนุษย์ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ และควบคุมอารมณ์ได้ยาก ฉะนั้น การคุมกำเนิดด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการคุมกำเนิดถาวรหรือชั่วคราวก็ตาม จะทำให้เรานั้น ป้องกันการตั้งครรภ์ ขณะที่ยังไม่พร้อมได้ และสามารถที่จะป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
หากต้องการที่จะคุมกำเนิด หรือป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง ที่สาว ๆ สะดวก และมั่นใจในประสิทธิภาพ สอดคล้องกับความต้องการ และการใช้ชีวิตประจำวัน พฤติกรรมนิสัยและส่วนตัวต่าง ๆ และก่อนที่จะเลือกใช้การคุมกำเนิด โดยวิธีใดก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร หรือศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียดให้ดีก่อน เพื่อที่จะได้เข้าใจถึงวิธีการคุมกำเนิดอย่างถูกต้อง
บทความที่น่าสนใจ :
กินยาคุมกำเนิดมานานจะท้องได้หรือไม่ หยุดกินยาคุมจะท้องไหม กับความเชื่อผิด ๆ
ยาคุมกำเนิด กินยังไง ลืมกินยาคุม 2 วัน ทำไงดี คุมกำเนิดแบบไหนดีที่สุด
ทำอย่างไรดี ยังไม่พร้อมมีลูก ?? สารพัดวิธีคุมกำเนิด ที่ช่วยคุณได้
ที่มา : doctorraksa.com, si.mahidol.ac.th , health.gld.gov.au