ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ? ไขข้อสงสัยอาการเบื้องต้นของ คนท้อง

lead image

อาการคัดเต้า อาจเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณกำลังตั้งครรภ์ค่ะ ส่วนจะคัดเต้าตอนไหน ลักษณะเต้านมคุณแม่จะเปลี่ยนไปอย่างไร ต้องตามไปดู

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

“คัดเต้า” คือหนึ่งในอาการที่ผู้หญิงหลายคนคุ้นเคยค่ะ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และสำหรับคนที่กำลังลุ้นว่าตัวเองจะตั้งครรภ์หรือไม่ อาการคัดเต้านมก็มักเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆ ที่ถูกนำมาพิจารณาค่ะ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าอาการคัดเต้าที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ หรือเป็นเพียงอาการก่อนมีประจำเดือน หรือจากสาเหตุอื่นๆ กันแน่? วันนี้เลยจะมา ไขข้อสงสัยอาการเบื้องต้นของ คนท้อง ว่า ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ? สังเกตอาการคัดเต้านมของตนเองเพื่อให้สามารถแยกแยะอาการได้อย่างถูกต้อง และรับมือได้อย่างเหมาะสม

ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน

รู้จักอาการ “คัดเต้านม” ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ?

อาการคัดเต้านม คือ ความรู้สึกตึง แน่น หรือเจ็บที่เต้านม บางครั้งอาจรู้สึกหนักหรือบวมบริเวณเต้านมและหัวนม โดยอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายช่วงของชีวิตของผู้หญิงค่ะ อาทิ

  • ก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก่อนมีประจำเดือนอาจทำให้เกิดอาการคัดเต้านมได้
  • การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุได้
  • โรคบางชนิด บางครั้งอาการคัดเต้านมอาจเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดได้

แต่สำหรับผู้หญิงที่เตรียมพร้อมจะเป็นคุณแม่นั้น อาการคัดเต้านมสามารถเกิดขึ้นได้ “ตั้งแต่หลังการปฏิสนธิค่ะ” บางคนอาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เต้านม “ภายใน 1-2 สัปดาห์แรกหลังจากตั้งครรภ์” แต่บางคนอาจไม่รู้สึกถึงอาการใดๆ เลยจนกระทั่งประจำเดือนขาด

 

ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ? คัดแบบไหนที่บ่งบอกว่า “ท้อง”

อาการคัดเต้านมนั้นอาจไม่สามารถยืนยันการตั้งครรภ์ได้ 100% นะคะ แต่ก็มีบางลักษณะที่ช่วยบ่งบอกได้ว่าอาการคัดเต้านมที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยอาการคัดเต้านมจากการตั้งครรภ์มักจะเด่นชัดและแตกต่างจากอาการก่อนมีประจำเดือน ตรงที่อาจรู้สึกเจ็บหัวนมมากกว่า หรือรู้สึกตึงที่เต้านมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือปัสสาวะบ่อยขึ้น เป็นต้น มาเช็กให้ละเอียดกันค่ะว่า ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน อาการคัดเต้านมในคนท้อง เป็นยังไง?

 

  1. เต้านมโตขึ้น

ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เต้านมจะเริ่มโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายเตรียมพร้อมผลิตน้ำนมสำหรับการให้นมลูก จนถึงประมาณสัปดาห์ที่ 6-8 ของการตั้งครรภ์ เต้านมของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจใหญ่ขึ้นจากเดิมได้ถึง 1-2 ไซส์ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ครั้งแรก เนื่องจากมีเนื้อเยื่อไขมันและเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเต้านมเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของต่อมและท่อน้ำนม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  1. ลักษณะเต้านมเปลี่ยนไป

เต้านมอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มีการยื่นออกมาในรูปของหลอดหรือการยื่นออกไปทางด้านข้าง เต้านม หัวนม และวงปานนมขยายขึ้น เนื้อเยื่อเต้านมอาจขยายถึงรักแร้ รวมถึงหัวนมและวงปานนมมีสีคล้ำขึ้นด้วย นอกจากนี้อาจเห็นเส้นเลือดบริเวณเต้านมที่ชัดขึ้น เนื่องจากหลอดเลือดดำขยายตัวเพื่อให้มีเลือดมาเลี้ยงเต้านมมากขึ้น

  1. การสร้างน้ำนมเพิ่มขึ้น น้ำนมไหล

ช่วงตั้งครรภ์ระยะแรกระดับของน้ำนมในเต้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นจะทำให้รู้สึกอัดแน่นและหนักขึ้น เมื่อเต้าเต็มไปด้วยน้ำนม หน้าอกจะไวต่อสัมผัสหรือรู้สึกตึงคล้ายกับอาการช่วงมีประจำเดือน

  1. รู้สึกคัน

อาการคันบนผิวหนังรอบเต้านมอาจเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบเมื่อ คัดเต้านม ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวสำหรับการผลิตน้ำนม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  1. รู้สึกอ่อนแรงหรือแสบ

การเตรียมตัวในการผลิตน้ำนมอาจทำให้คุณรู้สึกว่าเต้านมมีความอ่อนแรง หรือมีการรับรู้เมื่อสัมผัส เช่น มีอาการแสบหรือเจ็บปวดเมื่อสัมผัสหัวนม หรือขอบเต้านม

 

  1. มีก้อนที่เต้านม

คุณแม่ตั้งครรภ์บางคนอาจคลำพบก้อนบริเวณเต้านม ซึ่งอาจเป็นถุงบรรจุนม (Galactoceles) หรือก้อนเนื้อไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenoma) มักไม่เป็นอันตรายใดๆ ค่ะ แต่หากพบว่ามีก้อนผิดปกติเกิดขึ้นที่เต้านมในระหว่างตั้งครรภ์ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติมนะคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

  1. มีตุ่มรอบปานนม

ขณะตั้งครรภ์คุณแม่อาจมีตุ่มนูนเล็กๆ เกิดขึ้นบริเวณรอบปานนม ประมาณ 2-28 ตุ่ม หรือมากกว่านี้ ซึ่งเป็นต่อมผลิตไขมันที่เรียกว่า Montgomery’s Tubercles โดยต่อมดังกล่าวจะขยายใหญ่ ขึ้นและผลิตน้ำมันเพื่อป้องกันหัวนมและปานนมแห้งหรือแตก ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ โดยคุณแม่แต่ละคนอาจมีขนาดและจำนวนของตุ่มรอบปานนมแตกต่างกันไปค่ะ

 

  1. มีรอยแตกลายที่เต้านม

เป็นเรื่องปกติค่ะที่การขยายขนาดของเต้านมอาจทำให้ผิวหนังบริเวณเต้านมยืดและเกิดรอยแตกลายได้ ซึ่งผิวหนังที่ยืดอาจทำให้คุณแม่รู้สึกคันร่วมด้วย

วิธีบรรเทาอาการคัดเต้า ของแม่ตั้งครรภ์ คัดเต้ามาก ทำไงดี?

  1. เมื่อคัดเต้า คุณแม่มือใหม่อาจรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้างค่ะ ดังนั้น มาดูวิธีบรรเทาและผ่อนคลายอาการกัน
  2. เลือกเสื้อผ้าใส่แบบสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป เนื้อผ้านุ่มนวล
  3. เสื้อชั้นในต้องไม่กดทับ หรือเลือกเสื้อชั้นในแบบไร้โครง ขนาดไม่หลวมหรือคับแน่น และต้องโอบอุ้มกระชับเต้านมได้ดี
  4. หากปวดคัดตึงเต้านมมาก ให้ประคบเย็นด้วยเจล หรือผ้าชุบน้ำเย็น ที่เต้านมทุกๆ ชั่วโมง ครั้งละ 15 นาที เพื่อชะลอการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดหดตัวลง
  5. กินอาหารที่มีประโยชน์สำหรับแม่ท้อง และกินอย่างสมดุล ครบ 5 หมู่ รวมทั้งต้องดื่มน้ำเยอะๆ ด้วยนะคะ
  6. ออกกำลังกายเบาๆ บ้าง เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด

 

อาการคนท้อง สัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่า “ตั้งครรภ์”

ประจำเดือนขาด 
  • หากประจำเดือนที่เคยมาอย่างสม่ำเสมอขาดไป นับเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการตั้งครรภ์
  • อาจมาจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน อาทิ ความเครียด วิตกกังวลสูง รวมถึงอาการป่วย
เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน 
  • มักเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวอ่อนเกิดการปฏิสนธิได้ 1 เดือน
  • คุณแม่บางคนก็ไม่มีอาการนี้หรืออาการแพ้ท้องอื่นๆ เลยก็ได้เช่นกัน
จมูกไว ได้กลิ่นเหม็นรุนแรง 
  • ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้กลายเป็นคนจมูกไว ได้กลิ่นอะไรก็รู้สึกเหม็นรุนแรงจนอยากอาเจียน
  • อาจทนกลิ่นน้ำหอมเดิมของตัวเองไม่ได้ รวมถึงกลิ่นของอาหารที่เคยชอบด้วย
อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า
  • รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามากๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย และอาจง่วงตลอดทั้งวัน เนื่องจากผลของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
  • เมื่อเข้าสู่ช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 อาการนี้จะบรรเทาลง
มีเลือดออกทางช่องคลอด 
  • อาจมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดในช่วงหลังจากตัวอ่อนปฏิสนธิได้ 11-12 วัน (ช่วงประจำเดือนขาด)
  • เลือดที่ออกมามักเป็นเลือดจางสีแดงหรือชมพู และจะหยุดไปเองภายใน 1-2 วัน
  • หากเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดร่วมกับอาการปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะท้องนอกมดลูก หรือการแท้ง
ปัสสาวะบ่อย 
  • หลังจากประจำเดือนขาด 1-2 สัปดาห์ จะปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เพราะร่างกายผลิตเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น ไตจึงขับของเสียในรูปของของเหลวมากขึ้นด้วย
ท้องผูก
  • ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้การย่อยอาหารช้าลง มดลูกขยายตัว กดทับลำไส้ อาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องผูก
หงุดหงิด โกรธง่าย 
  • เกิดจากร่างกายกำลังพยายามปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่
เกิดตกขาวเล็กน้อย 
  • ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้มีเลือดคั่งบริเวณช่องคลอดตรงคอมดลูก ทำให้ต่อมต่างๆ ที่คอมดลูกทำงานมากขึ้น จึงมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น
  • เมื่อน้ำที่ไหลเจอกับแบคทีเรียในช่องคลอดก็จะย่อยน้ำบริเวณนี้กลายเป็นตกขาวได้

 

ผู้หญิงหลายคนที่เตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่ อาจใช้วิธีการสังเกตเต้านมของตัวเองว่าตั้งครรภ์หรือไม่ กับมีคุณแม่อีกหลายคนที่กังวลใจว่า หากกำลัง ตั้งครรภ์ จะ คัดเต้าตอนไหน เพื่อเตรียมพร้อมในการดูแลเต้านมและสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม วิธีที่แม่นยำที่สุดในการจะบอกได้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ก็คือ การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์นะคะ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ที่มา : ch9airport.com , www.fhs.gov.hk , www.thatoomhsp.com , www.samitivejhospitals.com

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

อาการคนท้อง 1 สัปดาห์ เป็นยังไง จะรู้ได้ไงว่าท้อง

สรุป! อาการตั้งครรภ์ แต่ละสัปดาห์ และพัฒนาการลูกน้อยตลอด 40 สัปดาห์

คำถามที่แม่ท้องควรรู้! ตั้งครรภ์ ตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ไหม ?

บทความโดย

จันทนา ชัยมี