“คัดเต้า” คือหนึ่งในอาการที่ผู้หญิงหลายคนคุ้นเคยค่ะ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในช่วงวัยเจริญพันธุ์ที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และสำหรับคนที่กำลังลุ้นว่าตัวเองจะตั้งครรภ์หรือไม่ อาการคัดเต้านมก็มักเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกๆ ที่ถูกนำมาพิจารณาค่ะ แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าอาการคัดเต้าที่เกิดขึ้นเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ หรือเป็นเพียงอาการก่อนมีประจำเดือน หรือจากสาเหตุอื่นๆ กันแน่? วันนี้เลยจะมา ไขข้อสงสัยอาการเบื้องต้นของ คนท้อง ว่า ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ? สังเกตอาการคัดเต้านมของตนเองเพื่อให้สามารถแยกแยะอาการได้อย่างถูกต้อง และรับมือได้อย่างเหมาะสม

รู้จักอาการ “คัดเต้านม” ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ?
อาการคัดเต้านม คือ ความรู้สึกตึง แน่น หรือเจ็บที่เต้านม บางครั้งอาจรู้สึกหนักหรือบวมบริเวณเต้านมและหัวนม โดยอาการเหล่านี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ในหลายช่วงของชีวิตของผู้หญิงค่ะ อาทิ
- ก่อนมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงก่อนมีประจำเดือนอาจทำให้เกิดอาการคัดเต้านมได้
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การใช้ยาคุมกำเนิด หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายก็อาจเป็นสาเหตุได้
- โรคบางชนิด บางครั้งอาการคัดเต้านมอาจเป็นสัญญาณของโรคบางชนิดได้
แต่สำหรับผู้หญิงที่เตรียมพร้อมจะเป็นคุณแม่นั้น อาการคัดเต้านมสามารถเกิดขึ้นได้ “ตั้งแต่หลังการปฏิสนธิค่ะ” บางคนอาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่เต้านม “ภายใน 1-2 สัปดาห์แรกหลังจากตั้งครรภ์” แต่บางคนอาจไม่รู้สึกถึงอาการใดๆ เลยจนกระทั่งประจำเดือนขาด
ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน ? คัดแบบไหนที่บ่งบอกว่า “ท้อง”
อาการคัดเต้านมนั้นอาจไม่สามารถยืนยันการตั้งครรภ์ได้ 100% นะคะ แต่ก็มีบางลักษณะที่ช่วยบ่งบอกได้ว่าอาการคัดเต้านมที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยอาการคัดเต้านมจากการตั้งครรภ์มักจะเด่นชัดและแตกต่างจากอาการก่อนมีประจำเดือน ตรงที่อาจรู้สึกเจ็บหัวนมมากกว่า หรือรู้สึกตึงที่เต้านมอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ประจำเดือนขาด คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หรือปัสสาวะบ่อยขึ้น เป็นต้น มาเช็กให้ละเอียดกันค่ะว่า ตั้งครรภ์ คัดเต้าตอนไหน อาการคัดเต้านมในคนท้อง เป็นยังไง?
-
เต้านมโตขึ้น
ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เต้านมจะเริ่มโตขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะร่างกายเตรียมพร้อมผลิตน้ำนมสำหรับการให้นมลูก จนถึงประมาณสัปดาห์ที่ 6-8 ของการตั้งครรภ์ เต้านมของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยอาจใหญ่ขึ้นจากเดิมได้ถึง 1-2 ไซส์ โดยเฉพาะการตั้งครรภ์ครั้งแรก เนื่องจากมีเนื้อเยื่อไขมันและเลือดไหลเวียนไปเลี้ยงเต้านมเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของต่อมและท่อน้ำนม
-
ลักษณะเต้านมเปลี่ยนไป
เต้านมอาจมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง มีการยื่นออกมาในรูปของหลอดหรือการยื่นออกไปทางด้านข้าง เต้านม หัวนม และวงปานนมขยายขึ้น เนื้อเยื่อเต้านมอาจขยายถึงรักแร้ รวมถึงหัวนมและวงปานนมมีสีคล้ำขึ้นด้วย นอกจากนี้อาจเห็นเส้นเลือดบริเวณเต้านมที่ชัดขึ้น เนื่องจากหลอดเลือดดำขยายตัวเพื่อให้มีเลือดมาเลี้ยงเต้านมมากขึ้น
-
การสร้างน้ำนมเพิ่มขึ้น น้ำนมไหล
ช่วงตั้งครรภ์ระยะแรกระดับของน้ำนมในเต้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก เต้านมจะขยายใหญ่ขึ้นจะทำให้รู้สึกอัดแน่นและหนักขึ้น เมื่อเต้าเต็มไปด้วยน้ำนม หน้าอกจะไวต่อสัมผัสหรือรู้สึกตึงคล้ายกับอาการช่วงมีประจำเดือน

-
รู้สึกคัน
อาการคันบนผิวหนังรอบเต้านมอาจเป็นอีกหนึ่งอาการที่พบเมื่อ คัดเต้านม ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมนในร่างกายซึ่งเกี่ยวข้องกับการเตรียมตัวสำหรับการผลิตน้ำนม
-
รู้สึกอ่อนแรงหรือแสบ
การเตรียมตัวในการผลิตน้ำนมอาจทำให้คุณรู้สึกว่าเต้านมมีความอ่อนแรง หรือมีการรับรู้เมื่อสัมผัส เช่น มีอาการแสบหรือเจ็บปวดเมื่อสัมผัสหัวนม หรือขอบเต้านม
-
มีก้อนที่เต้านม
คุณแม่ตั้งครรภ์บางคนอาจคลำพบก้อนบริเวณเต้านม ซึ่งอาจเป็นถุงบรรจุนม (Galactoceles) หรือก้อนเนื้อไฟโบรอะดีโนมา (Fibroadenoma) มักไม่เป็นอันตรายใดๆ ค่ะ แต่หากพบว่ามีก้อนผิดปกติเกิดขึ้นที่เต้านมในระหว่างตั้งครรภ์ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการตรวจเพิ่มเติมนะคะ
-
มีตุ่มรอบปานนม
ขณะตั้งครรภ์คุณแม่อาจมีตุ่มนูนเล็กๆ เกิดขึ้นบริเวณรอบปานนม ประมาณ 2-28 ตุ่ม หรือมากกว่านี้ ซึ่งเป็นต่อมผลิตไขมันที่เรียกว่า Montgomery’s Tubercles โดยต่อมดังกล่าวจะขยายใหญ่ ขึ้นและผลิตน้ำมันเพื่อป้องกันหัวนมและปานนมแห้งหรือแตก ในระหว่างที่ตั้งครรภ์ โดยคุณแม่แต่ละคนอาจมีขนาดและจำนวนของตุ่มรอบปานนมแตกต่างกันไปค่ะ
-
มีรอยแตกลายที่เต้านม
เป็นเรื่องปกติค่ะที่การขยายขนาดของเต้านมอาจทำให้ผิวหนังบริเวณเต้านมยืดและเกิดรอยแตกลายได้ ซึ่งผิวหนังที่ยืดอาจทำให้คุณแม่รู้สึกคันร่วมด้วย

วิธีบรรเทาอาการคัดเต้า ของแม่ตั้งครรภ์ คัดเต้ามาก ทำไงดี?
- เมื่อคัดเต้า คุณแม่มือใหม่อาจรู้สึกไม่สบายตัวอยู่บ้างค่ะ ดังนั้น มาดูวิธีบรรเทาและผ่อนคลายอาการกัน
- เลือกเสื้อผ้าใส่แบบสบาย ไม่รัดแน่นจนเกินไป เนื้อผ้านุ่มนวล
- เสื้อชั้นในต้องไม่กดทับ หรือเลือกเสื้อชั้นในแบบไร้โครง ขนาดไม่หลวมหรือคับแน่น และต้องโอบอุ้มกระชับเต้านมได้ดี
- หากปวดคัดตึงเต้านมมาก ให้ประคบเย็นด้วยเจล หรือผ้าชุบน้ำเย็น ที่เต้านมทุกๆ ชั่วโมง ครั้งละ 15 นาที เพื่อชะลอการไหลเวียนของเลือด ทำให้หลอดเลือดหดตัวลง
- กินอาหารที่มีประโยชน์สำหรับแม่ท้อง และกินอย่างสมดุล ครบ 5 หมู่ รวมทั้งต้องดื่มน้ำเยอะๆ ด้วยนะคะ
- ออกกำลังกายเบาๆ บ้าง เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด
|
อาการคนท้อง สัญญาณอื่นๆ ที่บ่งบอกว่า “ตั้งครรภ์”
|
ประจำเดือนขาด |
- หากประจำเดือนที่เคยมาอย่างสม่ำเสมอขาดไป นับเป็นสัญญาณเบื้องต้นของการตั้งครรภ์
- อาจมาจากสาเหตุอื่นได้เช่นกัน อาทิ ความเครียด วิตกกังวลสูง รวมถึงอาการป่วย
|
เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน |
- มักเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวอ่อนเกิดการปฏิสนธิได้ 1 เดือน
- คุณแม่บางคนก็ไม่มีอาการนี้หรืออาการแพ้ท้องอื่นๆ เลยก็ได้เช่นกัน
|
จมูกไว ได้กลิ่นเหม็นรุนแรง |
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้กลายเป็นคนจมูกไว ได้กลิ่นอะไรก็รู้สึกเหม็นรุนแรงจนอยากอาเจียน
- อาจทนกลิ่นน้ำหอมเดิมของตัวเองไม่ได้ รวมถึงกลิ่นของอาหารที่เคยชอบด้วย
|
อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า |
- รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้ามากๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย และอาจง่วงตลอดทั้งวัน เนื่องจากผลของระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
- เมื่อเข้าสู่ช่วงการตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2 อาการนี้จะบรรเทาลง
|
มีเลือดออกทางช่องคลอด |
- อาจมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดในช่วงหลังจากตัวอ่อนปฏิสนธิได้ 11-12 วัน (ช่วงประจำเดือนขาด)
- เลือดที่ออกมามักเป็นเลือดจางสีแดงหรือชมพู และจะหยุดไปเองภายใน 1-2 วัน
- หากเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดร่วมกับอาการปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะท้องนอกมดลูก หรือการแท้ง
|
ปัสสาวะบ่อย |
- หลังจากประจำเดือนขาด 1-2 สัปดาห์ จะปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เพราะร่างกายผลิตเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น ไตจึงขับของเสียในรูปของของเหลวมากขึ้นด้วย
|
ท้องผูก |
- ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้การย่อยอาหารช้าลง มดลูกขยายตัว กดทับลำไส้ อาจทำให้คุณแม่มีอาการท้องผูก
|
หงุดหงิด โกรธง่าย |
- เกิดจากร่างกายกำลังพยายามปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่
|
เกิดตกขาวเล็กน้อย |
- ฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เปลี่ยนแปลง อาจทำให้มีเลือดคั่งบริเวณช่องคลอดตรงคอมดลูก ทำให้ต่อมต่างๆ ที่คอมดลูกทำงานมากขึ้น จึงมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น
- เมื่อน้ำที่ไหลเจอกับแบคทีเรียในช่องคลอดก็จะย่อยน้ำบริเวณนี้กลายเป็นตกขาวได้
|

ผู้หญิงหลายคนที่เตรียมตัวเป็นคุณแม่มือใหม่ อาจใช้วิธีการสังเกตเต้านมของตัวเองว่าตั้งครรภ์หรือไม่ กับมีคุณแม่อีกหลายคนที่กังวลใจว่า หากกำลัง ตั้งครรภ์ จะ คัดเต้าตอนไหน เพื่อเตรียมพร้อมในการดูแลเต้านมและสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม วิธีที่แม่นยำที่สุดในการจะบอกได้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ ก็คือ การทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยชุดทดสอบการตั้งครรภ์ หรือไปพบแพทย์เพื่อตรวจการตั้งครรภ์นะคะ
ที่มา : ch9airport.com , www.fhs.gov.hk , www.thatoomhsp.com , www.samitivejhospitals.com
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
อาการคนท้อง 1 สัปดาห์ เป็นยังไง จะรู้ได้ไงว่าท้อง
สรุป! อาการตั้งครรภ์ แต่ละสัปดาห์ และพัฒนาการลูกน้อยตลอด 40 สัปดาห์
คำถามที่แม่ท้องควรรู้! ตั้งครรภ์ ตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ไหม ?
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!