คุณแม่ตั้งครรภ์ ท้องแข็งเวลาขยับตัว อันตรายไหม?

lead image

ท้องแข็งเวลาขยับตัว อันตรายไหม สาเหตุที่ทำให้ท้องแข็ง ท้องแข็งแบบไหนปกติ แบบไหนอันตราย รวมถึง วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการท้องแข็ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ร่างกายของคุณแม่ตั้งครรภ์เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งรูปร่างที่ใหญ่ขึ้น ฮอร์โมนที่แปรปรวน อารมณ์ที่อ่อนไหว และอาการต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดระยะเวลา 9 เดือน หนึ่งในอาการที่คุณแม่หลายคนคุ้นเคยและอาจสร้างความกังวลใจก็คือ “อาการท้องแข็ง” บางครั้งแค่ขยับตัวเปลี่ยนท่าทาง หรือลุกเดินก็รู้สึกได้ถึงความตึงแข็งบริเวณหน้าท้อง ทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจว่า  “ท้องแข็งเวลาขยับตัว แบบนี้ อันตรายหรือไม่?”

บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความรู้จักอาการ ท้องแข็ง สาเหตุที่ทำให้ท้องแข็ง ท้องแข็งแบบไหนปกติ แบบไหนอันตราย รวมถึง วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการท้องแข็ง ไปติดตามกันเลยค่ะ

 

ทำความรู้จักกับอาการ “ท้องแข็ง”

อาการท้องแข็ง เกิดจากการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก เปรียบเทียบง่ายๆ เหมือนกำปั้นที่กำเข้าแล้วคลายออก แต่ความรู้สึกและความถี่ในการเกิดจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

 

ลักษณะอาการท้องแข็ง

โดยทั่วไปจะรู้สึกตึงๆ แน่นๆ ที่บริเวณหน้าท้อง คล้ายกับมีลูกบอลแข็งๆ อยู่ข้างใน บางคนอาจรู้สึกเพียงแค่ตึงๆ น้อยๆ แต่บางคนอาจรู้สึกเจ็บ หรือปวดหน่วงๆ ร่วมด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการท้องแข็งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ แต่จะพบได้บ่อยในช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ซึ่งเป็นช่วงที่มดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ขึ้นไป อาการท้องแข็งเป็นระยะๆ จากการที่มดลูกบีบตัวตามธรรมชาติ ถือเป็นเรื่องปกติ

เราสามารถแบ่งอาการท้องแข็งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ

  1. ท้องแข็งแบบปกติ

ลักษณะ มักเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง ไม่สม่ำเสมอ และไม่รุนแรง รู้สึกแค่ตึงๆ แน่นๆ หน้าท้องแข็งเป็นบางช่วงเวลา สลับกับการคลายตัว

สาเหตุ เกิดจากการบีบตัวของมดลูกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด เป็นกระบวนการทางธรรมชาติ ไม่เป็นอันตราย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีสังเกต มักหายไปเองเมื่อได้พักผ่อน เปลี่ยนอิริยาบถ หรือดื่มน้ำ

  1. ท้องแข็งแบบอันตราย

ลักษณะ ท้องแข็งบ่อยครั้ง ถี่ขึ้นเรื่อยๆ และรุนแรงขึ้น อาจปวดหน่วงๆ ท้องน้อย ร่วมกับมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดหลัง มีมูกเลือด น้ำเดิน

สาเหตุ เป็นสัญญาณเตือนของการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น ภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ ความเครียด การติดเชื้อ

วิธีสังเกต อาการไม่หายไปเอง แม้จะพักผ่อน และมีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สาเหตุของอาการท้องแข็ง

อาการท้องแข็งระหว่างตั้งครรภ์ อาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมของคุณแม่เอง และจากปัจจัยอื่นๆ ดังนี้

  1. พฤติกรรมของคุณแม่

  • ท้องแข็งเวลาขยับตัว การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างกะทันหัน เช่น ลุกจากที่นั่งเร็วๆ ก้มตัว หรือเอี้ยวตัว อาจทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องเกิดการหดตัว ส่งผลให้เกิดอาการท้องแข็งได้
  • การยกของหนัก การยกของที่มีน้ำหนักมาก เป็นเวลานาน หรือยกของในท่าที่ไม่ถูกต้อง จะทำให้เกิดแรงกดทับที่มดลูกและกล้ามเนื้อหน้าท้อง กระตุ้นให้เกิดอาการท้องแข็งได้เช่นกัน
  • การมีเพศสัมพันธ์ ในบางกรณี การมีเพศสัมพันธ์อาจกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว และเกิดอาการท้องแข็งได้ โดยเฉพาะในช่วงใกล้คลอด
  • ทานอาหารอิ่มเกินไป การทานอาหารมื้อใหญ่ๆ หรืออาหารที่ย่อยยาก อาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะ ไปเบียดมดลูก ทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง และท้องแข็งได้ 
  • ภาวะขาดน้ำ การดื่มน้ำไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ ส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงกล้ามเนื้อมดลูก ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องแข็งได้
  • ความเครียด ความเครียด วิตกกังวล หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ ล้วนส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย และอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการท้องแข็งได้

 

  1. ปัจจัยอื่นๆ

  • ลูกน้อยดิ้นแรงหรือโก่งตัว เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เวลาลูกดิ้น มดลูกจะถูกกระตุ้นให้บีบตัว คุณแม่จะรู้สึกท้องแข็งเป็นบางจุด สลับกับบางจุดที่ยังนิ่มอยู่ อาจเห็นเป็นรอยนูนๆ ตามแขน ขา ศอก เข่า หรือก้นของลูก ที่ดันออกมา ซึ่งเป็นอาการปกติ ไม่ต้องกังวลใจค่ะ
  • มดลูกบีบตัวเอง บางครั้งมดลูกก็บีบตัวเอง โดยไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด อาจเกิดจากมดลูกไม่แข็งแรง หรือคุณแม่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
  • การติดเชื้อ การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ช่องคลอด หรือมดลูก อาจทำให้เกิดการอักเสบ และกระตุ้นให้มดลูกบีบตัว
  • รกเกาะต่ำ ภาวะรกเกาะต่ำ หรือรกเกาะหน้าปากมดลูก อาจทำให้เกิดอาการท้องแข็ง และมีเลือดออก
  • ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะครรภ์เป็นพิษ มักมีอาการท้องแข็งร่วมกับอาการอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ และมีโปรตีนในปัสสาวะ
  • การตั้งครรภ์แฝด การตั้งครรภ์แฝด ทำให้มดลูกมีขนาดใหญ่กว่าปกติ และมีโอกาสเกิดอาการท้องแข็งได้มากกว่า

 

ท้องแข็งเวลาขยับตัว อันตรายหรือไม่?

เวลาที่คุณแม่ตั้งครรภ์เปลี่ยนท่าทาง เช่น จากนั่งเป็นนอน หรือลุกขึ้นยืน มดลูกซึ่งเป็นอวัยวะภายในช่องท้องก็จะขยับตัวตามไปด้วย ธรรมชาติของมดลูกเมื่อถูกสัมผัสหรือกระทบกระเทือน ก็จะมีการหดรัดตัว ทำให้คุณแม่รู้สึกว่าท้องแข็งขึ้นมา ซึ่งเป็นกลไกการตอบสนองตามปกติของร่างกาย ไม่ต้องกังวลใจไปนะคะ

อาการท้องแข็งแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแค่ชั่วครู่ คือแข็งแล้วก็คลายตัว เป็นๆ หายๆ ไม่ได้แข็งตลอดเวลา อาจเกิดจากการเปลี่ยนท่าทาง การขยับตัว หรือมีสิ่งมากระทบ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ

แต่ถ้าหากคุณแม่อยู่เฉยๆ ไม่ได้ขยับตัว แต่กลับรู้สึกว่าท้องแข็งเป็นประจำ แข็งแบบสม่ำเสมอ อันนี้ต้องคอยสังเกตอาการ และอาจต้องปรึกษาคุณหมอเพื่อหาสาเหตุ เพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และลูกน้อยค่ะ

การจะประเมินว่า ท้องแข็งเวลาขยับตัว นั้นอันตรายหรือไม่ ต้องพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

  • ความถี่ในการเกิด ท้องแข็งเกิดขึ้นบ่อยแค่ไหน? หากเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง และหายไปเองเมื่อได้พัก ก็มักจะไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าเกิดขึ้นถี่ และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต้องระวัง
  • ระยะเวลาที่ท้องแข็ง แต่ละครั้งที่ท้องแข็ง เป็นอยู่นานแค่ไหน? หากเป็นเพียงช่วงสั้นๆ แล้วหายไป ก็ไม่น่ากังวล แต่ถ้าแข็งนาน และไม่หายไปเอง อาจเป็นสัญญาณอันตราย
  • มีอาการอื่นๆ ร่วมด้วยหรือไม่? เช่น ปวดหน่วงท้องน้อย ปวดหลัง มีมูกเลือด หรือน้ำเดิน หากมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วิธีดูแลตัวเองเมื่อมีอาการท้องแข็ง

แม้ในบางครั้งอาการท้องแข็งจะเป็นอาการปกติ แต่การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี ก็ช่วยลดความเสี่ยง และทำให้คุณแม่รู้สึกสบายขึ้นได้

  1. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

  • การขยับตัวอย่างช้าๆ หลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรวดเร็ว เช่น การลุกจากที่นั่ง หรือการก้มตัว ควรขยับตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้ร่างกายปรับตัว และลดการหดตัวของกล้ามเนื้อหน้าท้อง
  • การเลือกท่าทางที่เหมาะสมในการนั่ง นอน ยืน
    • การนั่ง: ควรเลือกเก้าอี้ที่มีพนักพิง และนั่งหลังตรง ไม่ควรนั่งไขว่ห้าง หรือก้มตัวไปข้างหน้าเป็นเวลานาน
    • การนอน: คนท้องควรนอนตะแคงซ้าย เพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และลดแรงกดทับที่เส้นเลือดใหญ่ อาจใช้หมอนข้างหนุนหลัง และระหว่างขา เพื่อช่วยพยุงร่างกาย
    • การยืน: ควรยืนหลังตรง ไม่ควรยืนนานๆ หากจำเป็นต้องยืนเป็นเวลานาน ควรหาที่พักเท้า หรือเก้าอี้เตี้ยๆ มานั่งพักเป็นระยะ
  • การพักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืน และงีบหลับในช่วงกลางวัน หากรู้สึกเหนื่อยล้า
  • ดื่มน้ำมากๆ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการท้องแข็งได้
  1. การบริหารร่างกายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์

การออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง และลดอาการท้องแข็งได้ แต่ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และระยะเวลาของการตั้งครรภ์

  • โยคะ โยคะคนท้อง ช่วยยืดเหยียดกล้ามเนื้อ เพิ่มความยืดหยุ่น ผ่อนคลายความเครียด และฝึกการหายใจ ซึ่งมีประโยชน์ต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อย
  • การเดิน การเดิน เป็นการออกกำลังกายที่ง่าย และปลอดภัย ช่วยเพิ่มการไหลเวียนเลือด และเสริมสร้างกล้ามเนื้อ

 

ถึงแม้ว่า ท้องแข็งเวลาขยับตัว ถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์  แต่คุณแม่ต้องสังเกตให้ดี หากท้องแข็งถี่ และใช้เวลานานกว่าจะหาย หรือมีอาการผิดปกติอื่นร่วมด้วย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุต่อไปค่ะ

 

ที่มา : DrNoon Channel , โรงพยาบาลพญาไท

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

คำถามที่แม่ท้องควรรู้! ตั้งครรภ์ ตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ไหม ?

ตั้งครรภ์ มีเลือดออก ไม่ปวดท้อง อันตรายไหม? มีสาเหตุจากอะไร?

ตกขาวสีเหลือง ในช่วง “ตั้งครรภ์” อันตรายไหม? แก้ไขยังไงดี