หมอน และผ้าห่มได้เรียกว่าเป็นเครื่องนอนที่ช่วยให้ลูกนอนหลับสบายเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีลายน่ารัก ๆ จนคุณพ่อคุณแม่อดใจที่จะซื้อไม่ไหว อย่างไรก็ตาม เครื่องนอนเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุที่ให้ทารกเสียชีวิตขณะนอนหลับได้ เพราะอาจไปอุดกั้นทำให้ลูกหายใจไม่ออก วันนี้ theAsianparent จะพาไปดูกันว่าควรให้ ลูกนอนหนุนหมอน และผ้าห่มได้เมื่อไหร่ เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยค่ะ
ทำความรู้จักโรคใหลตายในทารก
โรคใหลตายในทารก (SIDS) คือ ภาวะที่เด็กทารกเสียชีวิตขณะนอนหลับ มักเกิดขึ้นขณะที่ทารกนอนหลับ และเกิดกับเด็กที่อายุไม่ถึง 1 ขวบ ที่แม้ว่าจะมีสุขภาพที่แข็งแรงก็ตาม โดยสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้ทารกเสียชีวิตฉับพลันนั้น เกิดจากสภาพแวดล้อมระหว่างนอนหลับ เช่น หมอน หรือผ้าห่มปิดหน้าเด็กจนหายใจไม่ออก หรือการให้เด็กนอนคว่ำ นอนตะแคงจนหายใจลำบาก และความพิการหรือความผิดปกติของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจ และการสะดุ้งตื่น เป็นต้น ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรใส่ใจ และระมัดระวังเรื่องการนอนของทารกเป็นพิเศษ เพราะบางครั้งหมอน หรือผ้าห่มที่คุณพ่อคุณแม่คิดว่าดีสำหรับลูกนั้น ก็อาจคร่าชีวิตลูกน้อยเลยก็ได้
ทารกคออ่อนนอนหนุนหมอนได้ไหม? ลูกนอนหนุนหมอน ได้ไหม?
สำหรับเด็กทารกนั้น อาจยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้หมอน เพราะศีรษะของเด็กทารกแรกเกิด จะมีลักษณะที่โตช้ากว่าส่วนช่วงลำตัว ทำให้เวลานานศีรษะของเด็กจะสูงกว่าช่วงล่าง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้ลูกหนุนหมอนค่ะ นอกจากนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่าเด็กทารกแรกเกิด จนถึง 6 เดือนนั้น ไม่ควรนอนหนุนหมอน เพราะอาจเสี่ยงที่จะเกิดการเสียชีวิต จากการขาดอากาศหายใจขณะนอนหลับได้ หากคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกนอนหนุนหมอน และห่มผ้า ก็อาจเสี่ยงให้ถูกหมอน และผ้าห่มปิดจมูกนั้น เพราะเด็กทารกยังคอไม่แข็ง หากมีอะไรมาปิดจมูก จะอาจไม่สามารถหันหน้าหนีเพื่อหายใจได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงไม่ควรให้เด็กทารกแรกเกิดนอนหนุนหมอน และห่มผ้าค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็กคอแข็งกี่เดือน ลูกคอแข็งช้า มีวิธีทำให้ลูกคอแข็งเร็วไหม
ลูกนอนหนุนหมอน และผ้าห่มได้เมื่อไหร่?
ในช่วง 1 ขวบ เป็นช่วงที่ลูกมีโอกาสเกิดภาวะใหลตายขณะนอนหลับเป็นอย่างมาก ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรให้ลูกเริ่มนอนหนุนหมอน และห่มผ้าห่มได้ตั้งแต่ช่วง 2 ขวบขึ้นไป หรือในช่วงที่ย้ายลูกจากเปลไปใช้เตียง เพราะเป็นช่วงที่ลูกคอแข็ง และสามารถเกร็งคอ หรือยกคอขึ้นได้บ้างแล้ว โดยคุณพ่อคุณแม่ควรเฝ้าสังเกตการนอนของลูกอยู่เสมอ และควรใช้หมอนที่สามารถขจัดไรฝุ่น หรือผ้าห่มกันไรฝุ่น เพื่อช่วยลดปัญหาโรคภูมิแพ้ระบบทางเดินหายใจของเด็ก ทั้งนี้คุณพ่อคุณแม่สามารถให้ลูกใช้หมอนพิเศษสำหรับเด็ก เพื่อช่วยให้หมอนรองรับกับสรีระของศีรษะเด็ก และเพื่อความปลอดภัยของลูกน้อยได้ค่ะ
เคล็ดลับการเลือกหมอน และผ้าห่มให้ลูกน้อย
เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจให้ลูกนอนเครื่องนอนของผู้ใหญ่ อย่างไรก็ตาม การให้ลูกนอนชุดเครื่องนอนของผู้ใหญ่นั้น อาจไม่เหมาะสำหรับลูกน้อย เนื่องจากผิวของเด็กมีความบอบบาง หากสัมผัสกับเครื่องนอนหนา ๆ ก็อาจทำให้ลูกนอนหลับไม่สบาย เรามาดูวิธีการเลือกหมอน และผ้าห่มสำหรับลูกน้อยกันค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเครื่องนอนตามสรีระของเด็ก เนื่องจากร่างกายของลูกน้อยยังมีกระดูกสันหลัง และกะโหลกที่ยังไม่แข็งแรง หากมีการกดทับหนัก ๆ ก็อาจส่งผลให้ร่างกายของลูกผิดรูปได้ ปัจจุบันมีเครื่องนอนที่ออกแบบมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อความปลอดภัย และการนอนหลับสบายของลูกน้อย ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกเครื่องนอนที่เหมาะสมกับลูก ไม่หนา หรือมีขนาดใหญ่จนเกินไป
-
เลือกเครื่องนอนที่นุ่มสบาย ไม่ระคายเคือง
หมอน และผ้าห่มที่ดีสำหรับเด็ก ควรมีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม ไม่แข็งกระด้าง และไม่ระคายเคืองต่อผิวของลูกน้อย คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเครื่องนอนที่ผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติ และควรหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องนอนจากใยสังเคราะห์ เพราะอาจทำให้ระคายเคืองต่อผิวของลูกได้ นอกจากนี้คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเครื่องนอนที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศไม่หนา หรือบางจนเกินไป เพื่อช่วยให้ลูกน้อยอบอุ่น และป้องกันไม่ให้เกิดอาการป่วยอีกด้วย
หากคุณพ่อคุณแม่กำลังมองหาเครื่องนอนสำหรับเด็ก ควรตรวจสอบวัสดุที่นำมาผลิตเป็นหมอน และผ้าห่มทุกครั้ง เพราะแต่ละแบรนด์นั้นจะมีการผลิตที่แตกต่างกันไป และวัสดุที่นำมาผลิตก็มีความแตกต่างกันเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น ชุดเครื่องนอนของเด็กมักใช้วัสดุจากเส้นใยธรรมชาติในการผลิต ไม่ว่าจะเป็นผ้าใยไผ่ ผ้าไหมสเปน หรือผ้าฝ้าย ที่มีความนุ่มสบาย ไม่หนา และระบายอากาศได้ดี ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่กำลังจะเลือกซื้อชุดเครื่องนอนให้ลูก ก็ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : การจัดห้องนอนให้ลูกน้อย หลับสนิท หลับสบาย และเสริมสร้างพัฒนาการ
-
พิจารณาขนาดหมอน และผ้าห่ม
ขนาดหมอน และผ้าห่ม มีความสำคัญต่อเด็กเป็นอย่างมาก เพราะหากใช้หมอน หรือผ้าห่มที่มีขนาดใหญ่มากเกินไป ก็อาจทำให้ลูกนอนหลับไม่สบาย และเป็นอันตรายได้ โดยขนาดหมอนที่พอดีสำหรับเด็กเล็กนั้น ควรมีขนาดกว้าง 10 นิ้ว และยาว 14 นิ้ว ส่วนเด็กที่มีศีรษะใหญ่คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกหมอนที่มีขนาดกว้าง 12 นิ้ว และยาว 16 นิ้ว นอกจากนี้ ผ้าห่มที่เหมาะสำหรับเด็กเล็กควรมีขนาดใหญ่กว่าตัวลูกเล็กน้อย โดยอาจใช้ผ้าห่มที่มีความกว้าง และความยาวตั้งแต่ 45-60 นิ้วค่ะ
-
หลีกเลี่ยงเครื่องนอนที่มีลวดลาย
คุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเครื่องนอนที่มีการตัดเย็บที่ดี และไม่ควรเลือกผ้าห่ม หรือปลอกหมอนที่มีลวดลาย และการตกแต่งอย่างพู่ ริบบิ้น หรือลูกไม้ เป็นต้น เพราะอาจทำให้นิ้วมือของลูกพันกับสิ่งเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นอาจหลุดเข้าไปในลูกก็ได้ค่ะ ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเครื่องนอนที่เรียบง่าย ไม่มีการตัดเย็บที่มีเส้นด้ายหลุดออกมา ก็จะช่วยให้ลูกนอนหลับได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
อีกหนึ่งเคล็ดลับในการเลือกเครื่องนอนสำหรับเด็ก คือ การเลือกหมอน และผ้าห่มที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นคราบสกปรก คราบปัสสาวะ น้ำลาย หรือเศษอาหาร คุณพ่อคุณแม่ก็ควรเลือกเครื่องนอนที่ทำความสะอาดได้ง่าย และแห้งไวค่ะ โดยอาจเลือกใช้หมอนยางพารา หมอนคลุมกันไรฝุ่น หรือผ้าห่มกันไรฝุ่น ก็จะช่วยรักษาความสะอาดได้ดีอีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้อง : ลูกฉี่รดที่นอนทำความสะอาดยังไง รวมวิธีทำความสะอาดฉี่และกลิ่นบนที่นอนง่าย ๆ
วิธีดูแลทำความสะอาดเครื่องนอนลูกน้อย
วิธีการทำความสะอาดหมอน และผ้าห่มของลูกน้อยง่าย ๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำมาซักด้วยน้ำยาซักผ้า โดยอาจซักด้วยมือ หรือเครื่องซักผ้าก็ได้ จากนั้นนำไปตากให้แห้งสนิท และควรซักบ่อย ๆ เพื่อป้องกันไรฝุ่น และเชื้อโรคที่สะสมในหมอน และผ้าของลูกค่ะ เพื่อความปลอดภัย คุณพ่อคุณแม่ควรมีหมอน หรือผ้าห่มติดบ้านไว้เปลี่ยน 2-3 ชุด เพื่อเวลานำไปซักจะได้ให้ลูกใช้นอนค่ะ
สำหรับเด็กเกิดแรก การใช้หมอน และผ้าห่มอาจไม่จำเป็น เพราะเครื่องนอนเหล่านั้น สามารถอุดกั้นทางเดินหายใจลูกได้ ดังนั้นใครที่กำลังสงสัยว่าควรให้ ลูกนอนหนุนหมอน และผ้าห่มได้เมื่อไหร่ ก็ควรรอให้ลูกอายุ 2 ขวบขึ้นไปก่อน หรือรอจนกว่าลูกคอแข็ง ก็จะช่วยลูกน้อยปลอดภัย และนอนหลับสบายค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
10 หมอนเด็ก ยี่ห้อไหนดี? คุณแม่สายซื้อออนไลน์ไม่ควรพลาด
การถดถอยการนอนหลับทารก อาการของทารก ตื่นบ่อย ตื่นถี่ ไม่เป็นเวลา
ย้ายลูกไปห้องนอนตัวเอง วิธีแยกห้องนอนให้ลูกไม่งอแง ควรนอนคนเดียวเมื่อไหร่?
ที่มา : hellokhunmor , konthong , 3 , thaisabuy
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!