การนอนหลับผิดปกติ ของลูกน้อย ร่างกายของลูกที่กำลังเจริญเติบโต จะใช้พลังงานและมีการเผาผลาญแคลอรีได้เร็วกว่าผู้ใหญ่ นอกจากการกินเป็นมื้อเล็ก ๆ หลาย ๆ มื้อแล้ว ลูกก็ต้องนอนมากกว่าผู้ใหญ่ด้วยค่ะ มาดูกันค่ะว่า ลูกนอนแบบไหนผิดปกติ หากลูกมีความผิดปกติด้านการนอนหลับแล้วละก็ แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อลูกด้านร่างกาย สมอง และความเครียดทางอารมณ์ แต่ปัญหาการนอนของลูกไม่ได้กระทบแค่ลูกนะคะ เพราะถ้าลูกน้อยนอนไม่พอ ก็จะหงุดหงิด งอแง อารมณ์เสีย ทำให้กระทบกับคุณพ่อคุณแม่และคนอื่น ๆ ในบ้านด้วยค่ะ
สาเหตุที่ทำให้ลูกมีปัญหาด้านการนอน
- แพ้อาหาร ปวดท้องร้องโคลิค ปวดจุกเสียด ทำให้หงุดหงิด
- ปัญหาพฤติกรรม เช่น ร้องไห้เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ
- บางสาเหตุของปัญหาอาจจะร้ายแรงได้ เช่น เกิดความผิดปกติด้านทางเดินหายใจที่เกิดจากต่อมอดีนอยด์โต (ต่อมน้ำเหลืองหลังโพรงจมูก) เกิดภาวะหายใจลำบากที่เกิดจากกรดไหลย้อน
- สาเหตุอื่นๆ นั้น สามารถวินิจฉัยได้โดยการทดสอบที่เรียกว่า polysomnography
ประเภทของความผิดปกติด้านการนอน
- นอนเดินละเมอ (Sleepwalking)
- ผวาตื่น (Night terrors)
- กรน (Snoring)
- โรคเคลื่อนไหวเป็นจังหวะ (Rhythmic movement disorders)
- ไม่ยอมนอนในเวลาที่กำหนด (Limit setter sleep disorder)
- ฝันร้าย (Nightmares)
- โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)
- นอนหลับไม่เพียงพอหรือไม่เต็มอิ่ม (Insufficient sleep syndrome)
- นอนยาก (Sleep onset difficulty)
อาการที่บ่งบอกว่าลูกมีปัญหาด้านการนอน
- นอนหลับยาก ทำอย่างไรก็ไม่ยอมหลับสักที
- กรน
- มีการกลั้นหายใจเวลานอน
- ตื่นกลางดึกบ่อยครั้ง
- นอนละเมอหรือฝันร้าย
- นอนดิ้น
- เหงื่อออกเยอะระหว่างคืน หรือมีอาการฝันร้าย หวาดผวาระหว่างการนอน
- สำลักหรือไอระหว่างนอน
- หายใจมีเสียง
- หายใจทางปาก
- งัวเงียหรือง่วงในเวลากลางวัน
- เดินละเมอ
- ตอนกลางวัน หรือช่วงที่ตื่น จะคึกและแอดทีฟมากกว่าปกติ
บทความที่น่าสนใจ : ลูกนอนกัดฟัน ทำอย่างไรดี? ทำไมเด็กต้องเคี้ยวฟันตัวเอง แก้ไขได้อย่างไร?
ผลเสียจากปัญหาด้านการนอนหลับ ลูกนอนหลับไม่สนิทตอนกลางคืน
แม้จะเป็นปัญหาที่ดูไม่มีพิษมีภัยและเด็กหลายคนเป็น จนกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ผลเสียที่ตามมานั้นกลับไม่ธรรมดาเสียเลย การที่ลูกนอนกลับไม่สนิททำให้โกรทฮอร์โมนหลั่งได้น้อย ไม่หลั่ง หรือหลั่งได้ไม่เต็มที่ จะกระทบต่อคุณภาพชีวิตในอนาคตของเขา เด็กผู้ชายจะมีแนวโน้มมีปัญหาด้านการนอนหลับมากกว่าเด็กผู้หญิง ซึ่งจะทำให้น้ำหนักและส่วนสูงตกเกณฑ์ และสุขภาพจิตที่ไม่ค่อยดีนัก นอกจากนี้หากเด็ก ๆ ไม่ได้นอนอย่างเพียงพอ จะส่งผลทำให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างเช่น
- เกิดอุบัติเหตุ
- ตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ได้ช้าลง
- กระทบต่อการเรียน
- มีพฤติกรรมที่หงุดหงิด และฉุนเฉียว
- มีปัญหาด้านความจำและสมาธิ
- มีปัญหาด้านการเรียนรู้
- บาดเจ็บได้
- การเข้าสังคมลดลง หรือไม่ยอมสุงสิงกับเพื่อนๆ
วิธีรับมือ ปัญหาการนอนของลูก ทารกดิ้นไปมา
- ปรับเวลาการกินอาหารมื้อใหญ่ ให้ห่างจากเวลานอน อย่างน้อย 6 ชั่วโมง และไม่ให้กินอาหารที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
- ก่อนนอนควรสร้างบรรยากาศการนอนให้สงบเงียบ มีการอ่านนิทานก่อนนอน หรือ อาบน้ำอุ่น จะทำให้ลูกสงบขึ้น
- อุณหภูมิในห้องนอนต้องไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป ยิ่งมืดมากเท่าไหร่ยิ่งดีค่ะ
- ในห้องนอนไม่ควรมีเสียงรบกวน ไม่ว่าจะเป็นเสียงจากทีวี เสียงเพลง หรือแม้แต่เสียงมือถือ ให้เงียบที่สุดที่จะเป็นไปได้
- งดเล่นเกมเล่นมือถือ แทปเล็ตต่างๆ อย่างน้อย 1 ชั่วโมง ก่อนนอนค่ะ
- หากลูกง่วงนอน ไม่ว่าจะถึงเวลานอนหรือไม่ ควรรีบเอาลูกเข้านอนเลยนะคะ
- ทำตารางเวลา และฝึกลูกให้นอนเป็นเวลาค่ะ หากลูกเป็นเด็กพลังเยอะ อย่าลืมหากิจกรรมให้ทำระหว่างวัน ควรเป็นกิจกรรมที่ออกแรงเยอะหน่อย เช่น ปล่อยให้คืบคลานเยอะๆ แต่ควรจะเว้นช่วงให้ห่างจากเวลานอนสักหน่อย
ท่านอนของลูกแบบไหนปลอดภัย
คุณแม่ที่ต้องการให้ลูกน้อยมีรูปทรงศีรษะที่สวย หรือ ทารกแรกเกิดที่มีลักษณะหัวแบน หัวเบี้ยว การปรับรูปทรงศีรษะของทารกให้ทุยเข้ารูป สามารถเริ่มทำได้ในช่วงอายุแรกเกิด – 1 ปี เนื่องจาก กระดูกของกะโหลกศีรษะทารกยังอ่อน ด้วยการจัดท่านอนที่เหมาะแต่ละช่วงอายุของทารก คือ
- ทารกแรกเกิด – 3 เดือน
ท่านอนที่เหมาะสมสำหรับทารกในวัยนี้ คือ ท่านอนหงาย และนอนตะแคง ในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกหลังคลอด ควรจัดศีรษะให้ทารกสลับด้านบ่อย ๆ ในระหว่างนอนหลับ เนื่องจาก เป็นช่วงที่กะโหลกศีรษะอ่อนที่สุด ทารกวัยนี้ยังไม่แข็งแรงพอ โดยเฉพาะ กระดูกคอ กระดูกสันหลัง จึงไม่เหมาะสมที่จะให้ลูกนอนในท่าคว่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกเสียชีวิต ในขณะนอนหลับ หรือภาวะ SIDS (Sudden Infant Death Syndrome)
- ทารก 4 – 6 เดือน
กระดูกของลูกในวัยนี้ เริ่มแข็งและสามารถยกคอได้แล้ว คุณแม่สามารถให้ลูกนอนคว่ำได้อย่างปลอดภัย เพราะ ข้อดีของการให้ลูกนอนคว่ำ นั้นจะช่วยเสริมพัฒนากล้ามเนื้อคอ และพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวของลูกได้ดี และสามารถช่วยปรับรูปทรงของศีรษะทารกให้หัวทุยสวยได้ ทั้งยังช่วยลดการนอนสะดุ้งหรือผวาที่ถือว่า เป็นการอาการที่มักพบบ่อยสำหรับทารกในช่วงวัยนี้ด้วย
- ทารก 7-12 เดือน
ทารกในวัยนี้ เริ่มมีพัฒนาการทางร่างกายที่แข็งแรงขึ้น สามารถนอนได้ทั้ง 3 ท่า คือ นอนหงาย นอนตะแคง และ นอนคว่ำ ทารกจะเริ่มพลิกคว่ำนอนหงายได้ด้วยตัวเองแล้ว ซึ่งในช่วงนี้คุณแม่ควรปรับที่นอนของลูกให้เหมาะสม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกน้อย โดยเบาะรองนอนนั้น ควรให้อยู่ในแนวราบบนพื้นห้อง ซึ่งสะดวกต่อคุณแม่เวลาแม่จะให้นมที่ง่าย และปลอดภัยด้วย และเมื่อลูกพร้อมคลานก็จะคลานออกจากเบาะได้ง่ายโดยไม่เจ็บตัว
โดยที่นอนที่เหมาะสมสำหรับทารก ควรเป็นที่นอนแบบไม่ยุบตัว ไม่ควรนิ่มเกินไป ที่นอนควรเรียบเสมอกัน ไม่มีรอยแยกระหว่างหัวเตียงหรือด้านข้างของเตียง เอื้อต่อการกลิ้งตัวไปมาของทารก และ การจัดท่านอนอย่างถูกต้องให้กับทารกในช่วงขวบปีแรก นอกจากจะช่วยในเรื่องความปลอดภัยของลูกน้อยเป็นสำคัญแล้ว ก็ยังช่วยทำให้คุณแม่หายกังวลเรื่องรูปทรงศีรษะของเจ้าตัวน้อยที่จะได้หัวทุยสวยตามไปด้วย
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
เด็กที่มีนิสัยเลือกกิน: ลูกกินข้าวช้า
สอนไม่ทำ สั่งไม่จำ วิธีสอนลูกแบบใหม่ สอนลูกให้ยอมทำตาม แบบง่าย ๆ
ฟันลูกเปลี่ยนเป็นสีเทาอันตรายไหม ฟันตายในเด็ก ต้องทำอย่างไรบ้าง
ที่มา : momjunction