ฝึกลูกให้เป็น เด็กอัจฉริยะ เล่นเกมยังไง? ให้เกิดประโยชน์ เชื่อเลยว่าอาจมีคุณพ่อคุณแม่หลายคนที่อยากให้ลูกของตัวเองเติบโตมาเป็นเด็กอัจฉริยะ บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราก็สามารถช่วยฝึกและสอนให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะได้เช่นกัน วันนี้แอดเลยจะพาทุกคน มาทำความรู้จักกับกิจกรรมง่าย ๆ ที่ช่วยฝึกให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะได้ไม่ยาก ส่วนจะเป็นอย่างไรกันบ้างนั้น มาดูกันได้เลย
เลี้ยงลูกอย่างไร? ให้เป็นเด็กอัจฉริยะ
(รูปจาก freepik.com)
เด็กอัจฉริยะ เรียกได้ว่าเป็นเด็กที่มีความสามารถในเรื่องต่าง ๆ สูงมากกว่าเด็กทั่วไป โดยเด็กเหล่านี้เขาจะมีปัญญาและความถนัดในสิ่งนั้นสูงกว่าเด็กคนอื่นที่อยู่ในวัยเดียวกัน แถมยังมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านและมีสมรรถนะทางด้านความคิด การประดิษฐ์ และชอบจินตนาการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ดีอีกด้วย
สังเกตยังไง? ว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ
(รูปโดย Elly Fairytale จาก Pexels)
ดูอย่างไร? ว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ อาจจะมีหลายคนที่กำลังสงสัยและอยากรู้ว่าลูกของเราเป็นเด็กอัจฉริยะหรือไม่ ซึ่งการที่เราจะทดสอบว่ารู้เป็นเด็กอัจฉริยะไหมนั้น เราไม่อาจให้เขาทำการสดสอบ IQ ได้เสมอไป เพราะเด็กแต่ละคนมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป โดยอีกหนึ่งวิธีจะช่วยให้เราสังเกตลูกได้นั้นอาจจะเป็นการสังเกตจากลักษณะของนิสัย การแสดงออก หรือการเรียนรู้และตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ รวมไปถึงการแสดงอารมณ์ของเขาออกมาด้วย ส่วนการที่ลูกของเราจะเป็นเด็กอัจฉริยะไหมนั้น ทุกอย่างที่เขาแสดงออกมาต้องผ่านทางความคิด คำพูด การกระทำ และสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวนั้นเอง
ลักษณะที่อาจสังเกตได้ง่าย ๆ
- เมื่อมีปัญหาหรือทำอะไรในขั้นตอนที่ยุ่งยาก เขาจะมีความเข้าใจในการแก้ปัญหาได้ตั้งแต่เด็ก และสามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ได้
- เด็กเหล่านี้มักจะพูดเร็ว อาจจะสังสัยแหละว่าการพูดเร็วก็ช่วยให้เขาเป็นเด็กอัจฉริยะได้ด้วยหรอ บอกเลยว่ามีส่วนที่เป็นได้ เพราะเด็กเหล่านี้เขาจะคิดอะไรได้เร็วมาก ๆ
- เมื่อไหร่ที่เราสอนเขา เขาจะมีความจดจำในสิ่งนั้นได้ดีมาก ๆ และเขาพร้อมที่จะเรียนรู้และจำสิ่งเหล่านั้นได้ค่อนข้างเร็วกว่าเด็กคนอื่น ๆ
- เป็นเด็กที่มีความความเมตตาและเห็นใจคนอื่น ๆ สิ่งนี้อาจจะสังเกตได้ง่าย ๆ เมื่อเขาอยู่กับเพื่อน ๆ หรือคนรอบข้าง ว่าเขามีการแสดงออกต่อสิ่งรอบตัวอย่างไร หรือถ้าครอบครัวไหนมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านก็สามารถสังเกตได้เช่นกัน
(รูปโดย Lina Kivaka จาก Pexels)
- เขาสามารถอ่านหนังสือออก และเขียนหนังสือได้ตั้งแต่ยังเด็ก โดยเฉพาะวัยก่อนเข้าโรงเรียน เพราะเด็กอัจฉริยะส่วนใหญ่เขาจะมีความสนใจในการอยากที่จะเรียนรู้มากเป็นพิเศษอยู่แล้ว
- เป็นเด็กที่ชอบอะไรที่ท้าท้าย ชอบคิด ชอบวางแผน อยู่ตลอดเวลา อาทิเช่น เกมส์ตัวเลข เกมส์ทายปัญหา หรือเกมส์จับผิด เป็นต้น
- เด็กที่มีความกระตือร้นและมีพลังในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองสนใจ เพราะเขาอยากที่จะเรียนรู้และลองทำอะไรใหม่ ๆ ที่ตัวเองสนใจนั่นเอง
- เด็กเหล่านี้ไม่ว่าเขาจะทำอะไร หรือได้ยินอะไร เขาจะมีการตั้งคำถามเกิดขึ้นในใจของตัวเองทุกครั้งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เขาพบเจอนั้น เกิดขึ้นมาเพราะอะไร
- เขาจะมีความจินตนาการในความคิดของตัวเองค่อนข้างชัดเจน โดยเขาอาจจะเล่าให้เราฟังว่า เมื่อเขาโตขึ้นเขาอาจจะเป็นอะไร และต้องทำสิ่งนั้นให้ได้
- ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ไหนสถานการณ์ไหน เขาจะสามารถเล่นและมีสมาธิในการทำสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญเขาจะมีสมาธิในการทำสิ่งนั้น ๆ ได้มากกว่าเด็กคนอื่น ๆ
- มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ดี
- นอกจากนี้ไม่ว่าเขาจะเจอกับปัญหาอะไร เขาก็จะมีวิธีการคิดวิเคราะห์และสามารถแก้ไขปัญหาสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้เป็นอย่างดี
สิ่งที่พ่อแม่ไม่ควรทำถ้าอยากให้ลูกเป็น “เด็กอัจฉริยะ”
(รูปโดย Mikhail Nilov จาก Pexels)
เมื่อรู้ว่าลูกเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้
แน่นอนว่าเขาอาจจะเป็นเด็กที่มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ แต่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถเป็นเด็กอัจฉริยะได้เลย เพราะเด็กเหล่านี้เขาก็ยังมีความสามารถพิเศษเฉพาะด้านของตัวเองเช่นกัน อาจจะเป็นการเล่นดนตรี หรือการเล่นกีฬา เป็นต้น เพราะถ้าเราคิดว่าลูกของเรามีความบกพร่องทางการเรียนรู้ แล้วเราปล่อยปละละเลยไม่สนใจลูก สิ่งนี้ก็อาจจะทำให้เราไปปกปิดความสามารถของลูก ทำให้เขาไม่กล้าเรียนรู้และแสดงออก ดังนั้นทางที่ดีเราควรต้องสนับสนุนลูก ให้เขาได้ทำในสิ่งที่รักและแสดงศักยภาพตัวเองออกได้อย่างเต็มที่นั่นเอง
เมื่อรู้ว่าลูกเป็นเด็กอัจฉริยะและไม่ต้องช่วยเหลือใคร
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ไม่ควรทำเป็นอย่างมากนั้นคือ เมื่อคุณพ่อคุณแม่รู้ว่าลูกตัวเองเก่งเป็นเด็กอัจฉริยะและไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือใคร ข้อนี้บอกเลยว่าเป็นการแนะนำลูกที่ไม่ดีมาก ๆ มันอาจจะเป็นเรื่องจริงที่บอกว่าลูกของเราเก่งสามารถดูแลตัวเองได้ แต่บอกเลยว่าไม่เสมอไป เพราะเมื่อเวลาที่ลูกเราเข้าโรงเรียนหรืออยู่ในสังคม เขาก็ต้องไปเจอคนอื่น ๆ มากมาย ต้องทำงานร่วมกับคนอื่น เพราะฉะนั้นถึงเขาจะเป็นเด็กที่เก่งและเป็นเด็กอัจฉริยะ แต่ถ้าเขาไม่รู้จักการเข้าสังคม ไม่รู้จักการช่วยเหลือและการแบ่งปัน เมื่อลูกของเราเติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สิ่งเหล่าก็อาจจะส่งผลทำให้ลูกของเราไม่มีเพื่อนและเข้ากับสังคมไม่ได้นั่นเอง ดังนั้นเราควรต้องสอนลูกให้เขารู้จักการช่วยเหลือ รวมถึงการแบ่งปันสิ่งต่าง ๆ ให้คนรอบข้าง ไม่แน่สิ่งนี้อาจจะเป็นสิ่งที่จะช่วยให้ลูกของเราประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้นก็ได้
เมื่อรู้ว่าลูกเป็นเด็กอัจริยะแล้วผลการเรียนลูกต้องดีเสมอ
พ่อแม่หลายคนอาจจะชินการที่ลูกเราเป็นเด็กอัจฉริยะ เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเรียนอะไรก็ตามผลการเรียนของลูกจะดีอยู่ตลอด บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งความช่วยที่ผิด เพราะการเรียนยิ่งลูกเราโตขึ้นวิชาที่เรียนก็จะยากขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับเด็กแต่ละคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน จึงทำให้บางวิชาอาจจะได้คะแนนน้อย บางวิชาอาจจะได้คะแนนสูง ดังนั้นเราจึงควรจะเข้าใจลูกของเราให้มากขึ้น ไม่ควรไปกดดัน หรือใช้อารมณ์กับเขามากเกินไป ควรเปลี่ยนจากการกดดันเป็นการให้กำลังใจและคอยสนับสนุนเขา สิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้เขามีกำลังใจและประสบความสำเร็จในชีวิตได้มากขึ้นเลยทีเดียว
เล่นเกมยังไง? ให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะ
1. เกมหาสมบัติ
(รูปโดย Markus Spiske จาก Pexels)
เป็นเกมที่มีความท้าท้ายและสอนให้ลูกรู้จักคิดวิเคราะห์และรู้จักการวางแผนในเวลาเดียวกัน โดยการเล่นเกมนี้คุณพ่อและคุณแม่อาจจะหากล่อง แล้วให้เขานำของเล่นชิ้นโปรดมาว่างใส่ในกล่อง จากนั้นเราก็จะนำไปซ่อนให้เขาของเล่นชิ้นโปรดชิ้นนั้นนั่นเอง หรือถ้าครอบครัวไหนที่ลูกโตขึ้นมาหน่อยก็อาจจะทำอะไรที่มันดูซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเพิ่มคำใบ้ หรือคำศัพท์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้นมาได้เลย
2. เกมไม้เสริมสร้างพัฒนาการ
(รูปโดย PVProductions จาก freepik.com)
เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งเกมนี้จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการและฝึกให้เขามีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ มากขึ้น สอนให้เขารู้จักแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ โดยการเล่นเกมไม้นี้จะเป็นไม้ที่เรียงต่อ ๆ กันเหมือนคอนโด ซึ่งในการเล่นนั้นผู้เล่นจะสามารถดึงท่อนไม้ออกมาได้คนละ 1 ชิ้น เท่านั้น จากนั้นก็ให้นำท่อนไม้ที่ดึงออกมาไปวางไว้ด้านบนสุด ใครที่ดึงท่อนไม้ออกมาแล้วตึกถล่ม ก็ถือว่าคนนั้นแพ้นั่นเอง
3. เกม Crossword game
(รูปจาก Pexels)
อีกหนึ่งเกมที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ เกม Crossword game ซึ่งเกมนี้จะเน้นเรื่องของคำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยคุณพ่อคุณแม่อาจจะเล่นกับลูกที่อยู่ในวัยโตขึ้นมาหน่อย เกมนี้จะช่วยฝึกให้ลูกมีพัฒนาการทางด้านความคิด สอนให้เขารู้จักวางแผนและคิดวิเคราะห์ให้เป็น ส่วนวิธีเล่นเกมนี้จะมีกระดานครอสเวิร์ด และตัวอักษรภาษาอังกฤษให้แต่ละคน โดยแต่ละคนจะต้องเรียงตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นคำศัพท์อะไรก็ได้ที่มีความหมายและพยายามหาคำศัพท์ที่ยาวที่สุด ถ้าใครเรียงตัวอักษรภาษาอังกฤษหมดก่อนหรือเหลือน้อยสุด คนนั้นก็ถือเป็นผู้ชนะ
4. เกมประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ
(รูปโดย Artem Podrez จาก Pexels)
เป็นเกมที่จะช่วยฝึกในเรื่องของจินตนาการ สอนให้ลูกมีตวามคิดสร้างสรรค์ และมีสมาธิในการทำสิ่งต่าง ๆ มากขึ้น โดยเกมนี้เราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่ตายตัว โดยเราอาจจะให้เขานำสิ่งของต่างๆ ที่ไม่ใช้แล้วในบ้านมาประดิษฐ์เป็นสิ่งของต่าง ๆ ได้เลย หรือสำหรับใครที่มีลูกสาวและอยู่ในวัยที่โตขึ้นมาหน่อย เราก็อาจจะพาเขาเย็บปักถักร้อยต่างๆ ซึ่งให้เขาสามารถออกแบบและสร้างสรรค์สิ่งนั้นด้วยตัวเอง อาจจะทำเป็นกระเป๋า หรือผ้าเช็ดหน้า ก็สามารถทำได้เช่นกัน
5. เกมจับคู่ความต่าง
(รูปดย RODNAE Productions จาก Pexels)
อีกหนึ่งเกมที่น่าใจเป็นอย่างมาก นั่นคือเกมจับคู่ความต่าง โดยเกมนี้จะช่วยพัฒนาสมองและช่วยในเรื่องของความจำได้เป็นอย่างดี โดยเราจะนำคำศัพท์ต่าง ๆ ที่มีความหมายตรงข้ามกันมาให้เขาลองจับคู่นั่นเอง นอกจากนั้นเกมนี้ยังสามารถช่วยทำให้เขาจำคำศัพท์ได้แม่นยำขึ้นตามมาอีกด้วย
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจจะหายสงสัยกันขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นช่วงเวลาว่าง ๆ เราไม่รู้จะพาลูกทำกิจกรรมอะไร การเล่นเกมก็สามารถช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของให้ลูกเป็นเด็กอัจฉริยะได้เช่นกัน แต่ในการเล่นเกมนั้นเราก็ควรจะต้องเลือกเกมที่เหมาะสมกับวัยลูกเราด้วย เพื่อที่เขาจะได้มีความสุขและสนุกมากขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยสอนให้เขารู้จักคิดวิเคราะห์ รู้จักวางแผน และสามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง เมื่อเขาเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดี
บทความที่น่าสนใจ :
5 พฤติกรรมหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกติดเกม ป้องกันก่อนที่จะสาย
20 เกมสำหรับเด็ก ที่ดีที่สุดบนเครื่องเล่น Nintendo Switch
ที่มา : rakluke, hellokhunmor
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!