สิ่งที่คุณแม่ควรรู้เมื่อให้ ลูกกินไข่เค็ม มากเกินไป จะเป็นอันตรายไหม ปัจจุบันไข่เค็มเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก ด้วยรสชาติที่อร่อยกลมกล่อม อีกทั้งยังสามารถเอาไปทำเป็นอาหารก็ได้ หรือทำเป็นของหวานก็ดี ซึ่งไม่แปลกที่แม่ ๆ หลายคนจะชอบและอยากจะนำไข่เค็มมาประกอบเป็นเมนูอาหารให้ลูกได้กินบ้าง ส่วนใครที่กำลังสงสัยว่า ลูกกินไข่เค็ม ได้ไหม หรือถ้ากินแล้วจะเป็นอย่างไร มาทำความรู้จักไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่า
“ไข่เค็ม” ทำมาจาก
(รูปโดย geyonk จาก Pexels)
“ไข่เค็ม” เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่ได้ผลิตภัณฑ์มาจากไข่ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งคือเป็นการถนอมอาหารของไข่ที่จะช่วยยืดเวลาของไข่ให้เก็บไว้กินได้เป็นเวลานานนั่นเอง โดยการถนอมอาหารนี้จะใช้เกลือเป็นตัวช่วยในการดองไข่ ซึ่งใหญ่ที่นิยมนำมาทำนั้นส่วนมากจะเป็นไข่เป็ด ไข่เค็ม รวมถึงไข่นกกระทา ก็สามารถนำมาทำเป็นไข่เค็มได้เหมือนกัน ซึ่งวิธีการทำไข่เค็มนั้น แต่ละวิธีจะมีขั้นตอนที่แตกต่างกันออกไป แบ่งออกได้ดังนี้
วิธีการทำไข่เค็ม
(รูปโดย Mat Brown จาก Pexels)
1. ดองด้วยน้ำเกลือ
มากันที่วิธีแรกนั้นคือการทำไข่เค็มที่ดองด้วยน้ำเกลือ เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่คนส่วนใหญ่นิยมทำตามกันเป็นอย่างมาก เพราะเป็นขั้นตอนที่ง่ายและทำตามได้ไม่ยาก โดยการทำนั้นเราจะนำเกลือมาทำเป็นสารละลายให้ได้ความเข้มข้นประมาณ 30-35% ซึ่งตอนที่เราวางไข่ลงไปเราจะต้องภาชนะอะไรก็ได้ที่สามารถวางทับไข่ให้จมเกลือได้ แต่วิธีนี้ค่อนข้างที่จะใช้เวลาในการดองนานเพราะน้ำเกลือซึมผ่านเปลือกได้ยาก ส่วนอีกหนึ่งกรณีคือเราอาจจะเติมเหล้าขาวลงไปเพื่อที่จะทำให้เกลือซึมผ่านเปลือกไข่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้ไข่แดงของไข่ที่เราดองนั้นมีความมันและเยิ้มมากขึ้นอีกด้วย ดังนั้นสำหรับใครที่อยากให้ไข่เค็มมีความอร่อยและมันมากขึ้นก็สามารถเลือกวิธีการดองได้ตามความชอบ
2. ดองแบบแห้ง
เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำตามได้ง่าย ๆ เช่นกัน โดยวิธีนี้จะเป็นขั้นตอนที่ใช้เวลาดองไม่นานมาก แถมขั้นตอนการทำไม่ยุ่งยากอีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการทำนั้นเราจะนำเกลือมาฟอกที่บริเวณให้ทั่ว เพื่อที่จะให้ความเค็มของเกลือซึมเข้าไปในตัวไข่ ซึ่งการที่จะทำให้ไข่เค็มได้นั้นเราจะใช้หลักการเดียวกันกับการพอกดิน นั่นคือหลักการที่เรียกว่า หลักการออสโมซิส ซึ่งวิธีนี้จะเป็นวิธีที่จะทำให้ความเค็มของเกลือเข้าไปในไข่ได้โดยตรง เท่านั้นยังไม่พอวิธีนี้วยังทำให้ไข่มีความเค็มมากว่าการพอกแบบอื่นอีกด้วย
3. ดองแบบพอกดิน
มากันอีกหนึ่งวิธีกันบ้าง วิธีนี้จะเป็นการดองไข่ที่พอกด้วยดิน เรียกได้ว่าเป็นวิธีที่สืบทอดกันมาจากคนรุ่นหลัง โดยขั้นตอนการทำนั้นเราจะใช้ดินที่ได้จากจอมปลวกมาทำ เพราะดินเหล่านี้จะมีเนื้อที่ละเอียดและมีความเหนียว ซึ่งเหมาะแก่การนำมาดองไข่เค็มเป็นอย่างมาก มาที่ขั้นตอนการทำกันบ้าง สิ่งแรกที่ทำเลยคือเราจะต้องล้างไข่ให้สะอาดก่อนที่จะนำมาดอง เมื่อล้างเสร็จเราก็จะนำดินมาผสมให้เข้าด้วยกันกับเกลือและน้ำอุ่น จากนั้นเราก็จะเอาไข่ไปจุ่มลงในดินแล้วพอกให้ทั่ว ซึ่งดินที่เราพอกนั้นจะต้องมีความหนาที่พอประมาณ ไม่ควรบางหรือหนาจนเกินไป ขั้นตอนต่อไปเราก็จะนำไข่ไปคลุกกับขี้เถ้าแกลบ เพื่อที่ความเค็มที่อยู่ในดินจะซึมเข้าสู่ไข่ได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังทำให้ไข่ที่เราดองนั้นไม่ติดกันนั่นเอง
อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ มากมาย
(รูปจาก pantip.com)
- ทองแดง 0.5 มิลลิกรัม
- สังกะสี 3.5 มิลลิกรัม
- คลอไรด์ 2920 มิลลิกรัม
- โซเดียม 1690 มิลลิกรัม
- โพแทสเซียม 800 มิลลิกรัม
- แคลเซียม 99 มิลลิกรัม
- กรดไขมันไม่อิ่มตัว 2.7 กรัม
- โคเลสเตอรอล 890 มิลลิกรัม
- แมกนีเซียม 13 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 270 มิลลิกรัม
- โปรตีน 14.6 กรัม
- ไขมัน 15.5 กรัม
- คาร์โบไฮเดรต มีน้อย
- พลังงาน 198.0 แคลลอรี่
- กรดไขมันอิ่มตัว 3.8 กรัม
- เหล็ก 3.2 มิลลิกรัม
- แมงกานีส 0.1 มิลลิกรัม
อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ มากมาย
- วิตามินบีสอง 3.5 มิลลิกรัม
- ไรโบเฟลวิน 0.52 มิลลิกรัม
- เรตินอล 85 ไมโครกรัม
- ไนอะซีน 0.10
- ไธอะมีน 0.16 มิลลิกรัม
“กินไข่เค็ม” แล้วดีอย่างไร?
(รูปจาก freepik.com)
- ไข่เค็มนอกจากจะให้ความอร่อยแล้ว หารู้ไม่ว่าไข่เค็มยังสามารถช่วยป้องกันมะเร็งเต้านมให้กับคุณแม่อย่างเรา ๆ ได้อีกด้วย ดังนั้นเวลาที่เรากินไข่เค็มควรที่จะกินในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ควรกินบริเวณที่มันเค็มจนเกินไป
- สำหรับใครที่ชอบกินไข่เค็มเป็นประจำแต่ก็ยังไม่รู้ว่าไข่เค็มนั้นมีประโยชน์อย่างไร บอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะในตัวของไข่เค็มจะสารอาหารสำคัญที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามิน ที่จะช่วยเราในเรื่องของการบำรุงสมองและระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้น โดยสารอาหารนี้มีชื่อว่า “โคลีน” นั่นเอง
- เท่านั้นยังไม่พอไข่เค็มยังอุดมไปด้วยวิตามินและโปรตีน ที่ช่วยส่งเสริมให้ร่างกายเรามีการเจริญเติบโตที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างสมวัยอีกด้วย ซึ่งอาจจะเหมาะสำหรับคุณแม่คนไหนที่อยากให้ลูกมีการเจริญเติบโตที่ดีและสมวัยเราก็อาจจะให้ลูกกินไข่เค็มได้ แต่อาจจะให้กินในปริมาณที่ไม่มากนักและไม่ให้กินบ่อยจนเกินไป
เมนูไข่เค็มที่ทำตามกันได้ง่าย
นอกจากคุณค่าทางโภชนาการแล้ว ไข่เค็มยังถือเป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายสุด ๆ ยกตัวอย่างได้ดังนี้
1. ปลาหมึกผัดไข่เค็ม
(รูปจาก sistacafe.com)
เชื่อว่าหลายคนคงเคยคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับอาหารเมนูนี้ บอกเลยว่าถ้าใครได้ลองเป็นต้องติดใจกันอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อปลาหมึกที่มีความหวานกำลังพอดีประกอบกับความมันและความเยิ้มของไข่เค็มที่ผสมเข้าด้วยกันอย่างลงตัว จึงไม่แปลกที่จะยกให้เป็นอีกหนึ่งเมนูที่หลายคนโปรดปราน และสำหรับคุณแม่คนไหนที่ไม่รู้ว่าจะทำอาหารอะไรให้ลูกกินนั้น เมนู “ปลาหมึกผัดไข่เค็ม” ก็ตอบโจทย์ลูกเราได้เช่นกัน
2. ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา
(รูปจาก sistacafe.com)
มาในส่วนของไข่เค็มที่อยู่ในรูปแบบของหวานกันบ้าง แน่นอนว่าเอ่ยถึงชื่อนี้ ทุกคนต้องรู้จักกันอย่างแน่นอนนั้นคือ เมนู “ขนมเปี๊ยะไข่เค็มลาวา” เป็นอีกหนึ่งเมนูที่มีความหวาน หอม อร่อยผสมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัวมาก ๆ และเรียกได้ว่าเป็นเมนูที่สามารถทำตามได้ง่ายและสามารถทำให้ลูกกินที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถกินได้ทุกวัย แต่สำหรับใครที่ลูกยังเล็กอยู่ เราก็อาจจะให้เขากินได้ในปริมาณที่น้อย ๆ ก่อนนั่นเอง
(รูปโดย Anthony Shkraba จาก Pexels)
ไข่เค็ม จึงถือได้ว่าเป็นอาหารที่ดีและมีประโยชน์ต่อร่างกายเราอีกหนึ่งชนิด เพราะมากด้วยคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารที่สำคัญต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปประกอบเป็นอาหารได้หลากหลายเมนูอีกด้วย ไม่ว่าจะทำเป็นของหวาน หรือของคาวก็ออกมาอร่อยและลงตัวกันแบบสุด ๆ ดังนั้นสำหรับคุณแม่คนไหนที่กลัวลูกจะเบื่ออาหาร และไม่รู้จะให้ลูกกินอะไรถึงจะมีประโยชน์ เราก็อาจจะให้ลูกกินไข่เค็มแทนอาหารอื่น ๆ ได้ แต่ในขณะเดียวกันเราไม่ควรที่จะให้ลูกกินบ่อยและกินในปริมาณมาก เพราะสิ่งนี้อาจจะส่งผลไม่ดีต่อร่างกายของเขาได้ หรือถ้าใครที่ลูกกำลังเล็กอยู่ก็อาจจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อนให้ลูกกิน เพื่อลูกจะได้ปลอดภัยและแม่ก็จะไม่ได้กังวลใจไปด้วย
บทความที่น่าสนใจ : 10 ชุดอาหารบำรุงครรภ์ เสริมภูมิคุ้มกันคุณแม่ แข็งแรงถึงลูก
อาหารเช้าเพื่อสุขภาพ มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด จริงหรือไม่อย่างไร?
เด็กกินมังสวิรัติ ดีต่อสุขภาพหรือไม่? ปลอดภัยหรือเปล่า?
ที่มา : pasusat, guilinlake
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!