มีปัญหากับนกพิราบที่น่ารำคาญเกาะที่พักของคุณหรือไม่? นกพิราบสามารถสร้างปัญหามากมายให้กับเจ้าของบ้าน ตั้งแต่การทิ้งมูลไว้ทั่วบ้าน ไปจนถึงส่งเสียงดังและสร้างความวุ่นวาย โชคดีที่มีวิธีการบางอย่างที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและมีประสิทธิภาพในการขับไล่นกพิราบและกันพวกมันให้ออกห่างจากบ้านของคุณ ในวันนี้เราจะมาพูดถึง 5 วิธีที่พบได้บ่อยที่สุด (และประสบความสำเร็จมากที่สุด) ใน วิธีไล่นกพิราบ และกันไม่ให้นกพิราบออกจากบ้าน ซึ่งรวมถึงการใช้กลิ่น อะลูมิเนียมฟอยล์ และแม้แต่น้ำส้มสายชู ไม่ว่าคุณจะต้องการกำจัดนกพิราบที่มีอยู่หรือป้องกันไม่ให้มีนกพิราบใหม่เข้ามา กลยุทธ์เหล่านี้สามารถช่วยได้ เราจะมาแนะนำวิธีไล่นกพิราบออกจากที่พักของคุณกันค่ะ
นกพิราบ พาหะนำโรคร้าย?
ในมูลของนกพิราบ มีเชื้อราที่เรียกว่า ‘Cryptococcus neoformans’ เชื้อคริปโตคอคคัส โดยเชื้อนี้ เป็นที่มาของการเกิดโรคต่าง ๆ โดยสามารถติดต่อเชื้อได้ผ่าน ‘การสัมผัส’ มูลสัตว์ หรือ ‘การหายใจ’ การสูดดมละอองเชื้อราตัวนี้เข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดโรคร้ายแรง ถึงขั้นเสียชีวิตได้อีกด้วย !
1. โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ปกติแล้วโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อโรค เชื้อไวรัส หรือแบคทีเรียจากสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเรา ที่มาจากที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อมที่ไม่สะอาด หรือมาจากพยาธิที่มากับอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะ กึ่งสุกกึ่งดิบ ข้อมูลที่มาจากศูนย์ข้อมูลโรคติดเชื้อและพาหะนำโรค พบว่าเชื้อ Cryptococcus neoformans จากมูลนกพิราบ เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ สูงถึงร้อยละ 9.09 ซึ่งสามารถทำให้เสียชีวิตได้ !
บทความที่เกี่ยวข้อง : เยื่อหุ้มสมองอักเสบ อาการ เป็นยังไง โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากอะไร
2. โรคคริปโตคอกโคสิส
โรคสมองอักเสบจากเชื้อราคริปโตคอคคัส เป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่เจริญเติบโตได้ง่าย และพบในมูลของนกพิราบ ส่วนใหญ่มักเกิดกับผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น คนที่ได้รับยากดภูมิ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่าคนปกติถึง 1,000 เท่า
3. โรคปอดอักเสบ
หากหายใจและสูดดมเอาเชื้อราชนิดนี้เข้าไปในปอด ก็อาจทำให้เกิดปอดอักเสบได้ โดยเริ่มจากอาการปอดติดเชื้อก่อน แล้วอาจค่อย ๆ ลามไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้ ในนกพิราบยังมีแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่เรียกว่า “คลาไมเดีย” ที่ทำให้เกิดอาการปอดบวมได้อีกด้วย
สังเกตอาการเสี่ยงติดเชื้อ
หากได้สูดดมเชื้อเข้าไปในร่างกาย จะทำให้ติดเชื้อที่ปอด ทั้งยังสามารถลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ เช่น สมอง ได้อีกด้วย โดยจะมีอาการไข้ ไอเป็นเลือด เจ็บบริเวณทรวงอก มีปัญหาทางการมองเห็น มีอาการมึนงง หากมีการติดเชื้อที่สมองจะมีอาการสับสน และพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป และอาจไม่ใช่เฉพาะมีอาการปอดอักเสบ แต่เชื้ออาจลามไปทำลายสมองได้อีกด้วย
หยุดให้อาหารนกพิราบ – วิธีป้องกันตนเองจากความเสี่ยงติดเชื้อราจากมูลนกพิราบ
คนที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่าคนปกติ ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น คนที่ได้รับยากดภูมิ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมาตั้งแต่กำเนิด สำหรับคนที่มีภูมิคุ้มกันปกติก็สามารถที่จะติดเชื้อได้เช่นกัน โดยควรป้องกันตนเอง เพื่อลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อราจากมูลนกพิราบ โดยมีวิธีป้องกันดังนี้
- ไล่นกพิราบไปไกล ๆ ไม่ให้มาอาศัยอยู่ภายในบริเวณบ้าน
- ทำความสะอาดอาคารเก่า หรือบริเวณที่พบนกเคยอยู่อาศัย และล้างมือหลังจากทำความสะอาดทุกครั้ง
- ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ซึ่งจะเป็นการช่วยป้องกันเชื้อโรคได้
- คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ ไม่ควรเข้าไปใกล้นกพิราบ เพราะอาจได้รับเชื้อในมูลเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจ
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสนก การเข้าไปอยู่ในฝูงนกพิราบ หากต้องเข้าใกล้ ควรใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันเชื้อโรค
- ไม่ให้อาหารนกพิราบ เพื่อป้องกันการระบาดของโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน
ไล่นกพิราบอย่างไร ? วิธีไล่นกพิราบ จากไปไม่กลับมาอีกเลย!
1. ใช้กลยุทธ์ที่ทำให้ตกใจ
การใช้กลวิธีทำให้ตกใจเป็นวิธีที่ได้ผล ในการไล่นกพิราบออกจากบ้านของคุณ โดยสามารถใช้เครื่องไล่ด้วยเสียงหรือสิ่งที่ขัดขวางนกด้วยการมองเห็น เพื่อทำให้นกพิราบตกใจหรือกลัวได้ แม้ว่าจะไม่รับประกันผลสำเร็จในระยะยาว สิ่งที่ขัดขวางนกด้วยการมองเห็น เช่น หุ่นนกฮูกพลาสติก ภาพเงาเหยี่ยว หรือวัตถุอื่น ๆ ที่นกพิราบอาจมองว่าเป็นภัยคุกคาม เครื่องไล่ด้วยเสียงอาจรวมถึงอุปกรณ์อัลตราโซนิก การบันทึกเสียงของสัตว์นักล่า หรือเสียงที่ดังอื่น ๆ
2. กันแหล่งอาหารให้ห่างจากบริเวณนั้น
นกพิราบอาจถูกดึงดูดไปยังพื้นที่ที่เข้าถึงอาหารได้ง่าย ให้นำแหล่งอาหาร น้ำ หรือเศษกิ่งไม้ที่นกใช้ทำรังออก เช่น อ่างอาบน้ำ อาหารสัตว์เลี้ยง หรือขยะ เพื่อให้ห่างจากทรัพย์สินของคุณ ปิดฝาถังขยะให้แน่น ทำความสะอาดเศษอาหารที่เลอะเทอะ และหลีกเลี่ยงการทิ้งเศษอาหารในที่ที่นกพิราบสามารถเข้าไปกินได้
3. ติดตั้งตาข่ายหรือสิ่งกีดขวาง เพื่อป้องกันไม่ให้นกพิราบเข้าถึงพื้นที่
หากคุณต้องการกันนกพิราบให้ออกห่างจากพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง การติดตั้งสิ่งกีดขวางทางกายภาพ เช่น ตาข่าย อาจเป็นทางออกที่ได้ผล ตาข่ายนี้ควรติดตั้งให้สูงจากพื้นอย่างน้อย 3 ฟุต และยึดแน่นกับผนังหรือพื้นผิวอื่น ๆ นอกจากนี้ ควรทนทานพอที่จะป้องกันไม่ให้นกพิราบฉีกหรือกรงเล็บทะลุได้ และควรตรวจสอบเป็นประจำเพื่อให้แน่ใจว่ายังคงอยู่ในสภาพที่ดี นี่เป็นวิธีแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพที่ยาวนานในการไล่นกพิราบออกจากพื้นที่
4.ใช้ยาขับไล่ตามธรรมชาติ เช่น น้ำส้มสายชู เพื่อไล่นกพิราบออกจากพื้นที่
การขับไล่ตามธรรมชาติเป็นทางเลือกที่ได้ผลดี ในการไล่นกพิราบออกจากพื้นที่บ้าน โดยใช้น้ำส้มสายชูเป็นตัวช่วยไล่แบบธรรมชาติ สามารถนำมาใช้ได้ในหลายวิธีเพื่อไล่นกพิราบ เช่นฉีดพ่นลงบนพื้นเพื่อให้เกิดกลิ่น หรือผสมน้ำแล้วฉีดไปที่ตัวนกโดยตรง น้ำส้มสายชูสามารถไล่นกพิราบได้ผลดีแค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ เท่านั้นไม่ควรใช้เป็นวิธีแก้ปัญหาระยะยาว
บทความที่เกี่ยวข้อง : น้ำส้มสายชู กับ 10 ประโยชน์ของน้ำส้มสายชู ที่คุณไม่เคยรู้ จะมีอะไรบ้างมาดูกัน!
5. ใช้อะลูมิเนียมฟอยล์หรือพื้นผิวสะท้อนแสงอื่น ๆ เพื่อไล่นกพิราบ
การใช้อะลูมิเนียมฟอยล์หรือวัสดุสะท้อนแสงอื่น ๆ เป็นอีกวิธีที่มีประสิทธิภาพในการไล่นกพิราบออกจากที่พักของคุณ โดยการวางกระดาษฟอยล์หรือวัสดุสะท้อนแสงอื่น ๆ ใกล้รังของนกพิราบหรือบริเวณที่นกพิราบบินลงมา แสงที่สะท้อนจากวัสดุดังกล่าวจะทำให้นกพิราบตกใจกลัว นอกจากนี้ยังสามารถใช้อะลูมิเนียมฟอยล์และวัสดุสะท้อนแสงอื่น ๆ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้นกพิราบเข้ามาในบริเวณที่พักของคุณได้
มีหลากหลายวิธีในการช่วยไล่นกพิราบออกจากบ้านของคุณ ตั้งแต่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น หุ่นไล่กา ไล่ด้วยเสียง และตาข่าย ไปจนถึงไล่วิธีธรรมชาติอย่างอะลูมิเนียมฟอยล์และน้ำส้มสายชู ขั้นตอนเหล่านี้สามารถช่วยป้องกันไม่ให้นกพิราบเข้ามาในบ้านของคุณได้ แม้ว่าวิธีการเหล่านี้อาจช่วยให้คุณไล่นกพิราบได้ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าลืมทำเท่าที่จำเป็น เพื่อนกพิราบจะไม่ได้รับอันตรายนั่นเองค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ไข้หวัดนกมีอาการเป็นอย่างไร โรคไข้หวัดนกเกิดมาจากสาเหตุอะไร มีวิธีรักษาไหม
15 วิธีไล่หนู กำจัดหนูในบ้านยังไงให้ไม่ต้องรู้สึกบาป!
15 วิธีไล่ยุง ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ ปลอดภัย อ่อนโยนต่อลูกน้อย ไม่อันตราย
ที่มา : sikarin, worldbirds
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!