ร่างกายคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้เกิดอาการไม่สบายต่างๆ และหนึ่งในนั้นคือ อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ บทความนี้จะพาคุณแม่ไปทำความรู้จักกับ 7 อาการปวดที่พบบ่อย พร้อมสาเหตุ วิธีบรรเทา และเมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อให้คุณแม่สามารถรับมือได้อย่างสบายใจและราบรื่นตลอด 9 เดือนค่ะ
7 อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ
สารบัญ
1. ปวดหลังส่วนล่าง
อาการปวดหลังเป็นเรื่องปกติมากในคุณแม่ตั้งครรภ์ มีคุณแม่ถึง 50-80% ที่ต้องเจอกับอาการปวดหลัง โดยเฉพาะช่วง ไตรมาสที่ 2 และ 3 ค่ะ
สาเหตุ | |
ท้องใหญ่ขึ้น | จุดศูนย์ถ่วงเปลี่ยน ทำให้หลังแอ่น กล้ามเนื้อทำงานหนัก |
ฮอร์โมนรีแลกซิน | ทำให้ข้อต่อและเส้นเอ็นคลายตัว เตรียมพร้อมคลอด |
น้ำหนักตัวเพิ่ม | หลังต้องแบกรับภาระมากขึ้น |
กล้ามเนื้อหน้าท้องอ่อนแรง | พยุงหลังได้ไม่เต็มที่ |
วิธีบรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่างตอนท้อง | |
ปรับท่าทางให้ถูก | ยืนตรง ไม่แอ่นหลัง, นั่งเก้าอี้มีพนักพิง, ย่อตัวยกของ |
ออกกำลังกายเบาๆ | เช่น โยคะคนท้อง, เดิน, ยืดเหยียด (ควรปรึกษาคุณหมอก่อน) |
ประคบร้อน/เย็น | เลือกแบบที่รู้สึกสบาย |
ใช้หมอนรองครรภ์ | ช่วยรองรับสรีระตอนนอน |
กายภาพบำบัด | ในกรณีที่ปวดรุนแรงมาก |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- ปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือปวดจนทนไม่ไหว
- ปวดร้าวลงไปที่ขา หรือมีอาการชา อ่อนแรงที่ขา
2. ปวดเชิงกราน
อาการปวดเชิงกราน เป็นอาการปวดหน่วงๆ ที่บริเวณหัวหน่าว ขาหนีบ หรือสะโพกด้านหลังค่ะ คุณแม่ประมาณ 20% อาจเจออาการนี้ได้ โดยมักจะเริ่มปวดตั้งแต่ ไตรมาสแรก แต่จะพบได้บ่อยขึ้นในช่วง ไตรมาสที่ 2 และ 3 ค่ะ
สาเหตุ | |
ฮอร์โมนรีแลกซิน | ฮอร์โมนตัวนี้จะทำให้ข้อต่อบริเวณเชิงกรานของคุณแม่คลายตัวและหย่อนยานขึ้น เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดได้ |
น้ำหนักลูกและมดลูกกดทับ | เมื่อลูกน้อยเติบโตและมดลูกขยายใหญ่ขึ้น น้ำหนักก็จะไปกดทับบริเวณเชิงกราน |
ท่าทางการเคลื่อนไหว | การเคลื่อนไหวบางท่าที่ไม่เหมาะสม เช่น การยืนขาเดียว หรือการก้าวขายาวๆ อาจไปกระตุ้นให้อาการปวดแย่ลงได้ค่ะ |
วิธีบรรเทาอาการปวดเชิงกรานตอนท้อง | |
หลีกเลี่ยงท่าที่กระตุ้น | ลองสังเกตว่าท่าไหนที่ทำให้คุณแม่ปวดมากขึ้น แล้วพยายามหลีกเลี่ยง เช่น การยืนขาเดียว หรือก้าวขายาวๆ |
ใช้เข็มขัดพยุงครรภ์ | เข็มขัดพยุงครรภ์ (Maternity Belt) สามารถช่วยพยุงมดลูกและลดแรงกดบริเวณเชิงกรานได้ |
บริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว | การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว (Core Muscles) ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยพยุงและลดอาการปวดได้ |
นอนตะแคงหนีบหมอน | เวลานอน ลองนอนตะแคงแล้วเอาหมอนรองไว้ระหว่างขา จะช่วยจัดท่าทางของเชิงกรานให้เหมาะสมและลดอาการปวดได้ |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- ปวดรุนแรงมาก จนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้
- มีอาการ ชาหรืออ่อนแรง ร่วมด้วย
3. ปวดสะโพกและก้น
คุณแม่บางคนอาจจะรู้สึก ปวดที่สะโพกหรือก้น และบางครั้งอาจมีอาการ ปวดร้าวลงไปที่ขา ด้วย อาการนี้พบบ่อยในช่วง ไตรมาสที่ 2 และ 3 ค่ะ
สาเหตุ | |
น้ำหนักตัวเพิ่มและการกดทับ | เมื่อคุณแม่น้ำหนักเพิ่มขึ้น มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นอาจไปกดทับเส้นประสาทบางเส้น โดยเฉพาะ เส้นประสาทไซอาติก (Sciatic Nerve) ทำให้เกิดอาการปวดคล้ายๆ กับหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทได้เลยค่ะ |
กล้ามเนื้อตึง | ร่างกายคุณแม่จะปรับท่าทางเพื่อรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณสะโพกและก้นต้องทำงานหนักและอาจเกิดอาการตึงตัวได้ |
ปวดร้าวจากเชิงกราน | บางครั้งอาการปวดที่เชิงกราน (PGP) ก็อาจจะปวดร้าวมาถึงสะโพกและก้นได้เหมือนกันค่ะ |
วิธีบรรเทาอาการปวดสะโพกและก้นตอนท้อง | |
ยืดเหยียดเบาๆ | ค่อยๆ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อสะโพกและก้น เบาๆ เช่น ท่าพิราบในโยคะ (แต่ต้องระมัดระวังและทำเท่าที่ไหว) |
ประคบร้อน/เย็น | ลองประคบร้อนหรือเย็นบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยบรรเทาอาการ |
ขยับเปลี่ยนท่า | พยายาม หลีกเลี่ยงการยืนหรือนั่งในท่าเดิมนานๆ ลุกขึ้นเดินหรือเปลี่ยนท่านั่งบ้าง |
ใช้หมอนรองนั่ง | หาหมอนนิ่มๆ มารองนั่ง เพื่อลดแรงกดทับ |
นอนตะแคงหนีบหมอน | เวลานอน ลองนอนตะแคงแล้วเอาหมอนรองไว้ระหว่างขา จะช่วยจัดแนวสะโพกให้เหมาะสม |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- ปวดรุนแรงมาก จนทนไม่ไหวหรือไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้
- มีอาการ ชาหรืออ่อนแรงที่ขา
- ปวดร้าวลงไปถึงปลายเท้า
4. ปวดขาและตะคริว
ตะคริวขึ้นขาจนต้องสะดุ้งตื่นกลางดึก อาการนี้พบบ่อยมากเลยค่ะ โดยเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 โดยมีคุณแม่ถึง 30-50% ที่ต้องเจอกับปัญหานี้ ยิ่งตอนกลางคืนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นกันบ่อยเลยค่ะ
สาเหตุ | |
ขาดน้ำและแร่ธาตุ | ร่างกายคุณแม่ต้องการน้ำและแร่ธาตุมากขึ้น เช่น แมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลเซียม ถ้าได้รับไม่เพียงพอ กล้ามเนื้อก็อาจจะหดเกร็งเป็นตะคริวได้ง่าย |
มดลูกกดทับ | เมื่อมดลูกขยายใหญ่ขึ้น อาจไปกดทับเส้นเลือดและเส้นประสาทที่ขา ทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก |
เลือดไหลเวียนไม่ดี | การไหลเวียนของเลือดในร่างกายคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลง ทำให้เลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อขาได้ไม่เต็มที่ |
เมื่อยล้า | การที่ร่างกายต้องแบกรับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตลอดทั้งวัน ทำให้กล้ามเนื้อขาเกิดความเมื่อยล้าสะสม |
วิธีบรรเทาอาการปวดขาและตะคริวตอนท้อง | |
ดื่มน้ำให้พอ | จิบน้ำบ่อยๆ ตลอดทั้งวัน |
กินอาหารที่มีแร่ธาตุ | เน้นอาหารที่มี โพแทสเซียม (เช่น กล้วย), แคลเซียม (เช่น นม โยเกิร์ต), และ แมกนีเซียม (เช่น ผักใบเขียว ถั่ว) |
ยืดเหยียดก่อนนอน | ค่อยๆ ยืดกล้ามเนื้อน่องเบาๆ ก่อนเข้านอน จะช่วยลดโอกาสการเกิดตะคริว |
นวดเบาๆ | ถ้าตะคริวขึ้น ให้ค่อยๆ นวดคลึง บริเวณที่เป็นเบาๆ |
ยกเท้าสูง | เวลานอน ลองหาหมอนมารองใต้เท้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น |
ใส่ถุงน่องพยุง | ถุงน่องพยุงขา (Compression Stockings) ก็ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นและลดอาการบวมได้ค่ะ |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- ตะคริวเกิดขึ้นบ่อยมากและรุนแรง จนรบกวนการนอนหรือชีวิตประจำวัน
- มีอาการ ขาบวม แดง ร้อน ที่ขาข้างเดียว (อาจเป็นสัญญาณของลิ่มเลือดอุดตัน ซึ่งเป็นภาวะที่อันตรายและต้องได้รับการรักษาทันที)
5. ปวดหน้าท้อง
อาการปวดหน้าท้อง เป็นอีกหนึ่งอาการที่คุณแม่ท้องอาจเจอได้บ่อย และมักทำให้กังวลใจ เพราะบางครั้งก็เป็นเรื่องปกติ แต่บางครั้งก็อาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะอันตรายได้ การปวดท้องสามารถเกิดได้ตลอดการตั้งครรภ์ ขึ้นอยู่กับสาเหตุค่ะ
อาการปกติที่พบบ่อย (ไม่ต้องกังวล) | |
เจ็บหน่วงๆ รอบท้อง | เป็นอาการที่เกิดจาก เส้นเอ็นที่ยึดมดลูกมีการยืดตัว ค่ะ มักจะรู้สึก เจ็บหน่วงๆ เหมือนโดนดึง บริเวณท้องน้อยด้านข้าง มักพบในช่วงไตรมาสที่ 2 และมักจะดีขึ้นเมื่อคุณแม่ได้พัก |
มดลูกหดรัดตัวแบบ Braxton Hicks | เป็นการซ้อมคลอดของมดลูกค่ะ คุณแม่จะรู้สึกว่าท้องแข็งขึ้นเป็นพักๆ ไม่เจ็บมาก ไม่ถี่ ไม่สม่ำเสมอ และมักจะหายไปเมื่อเปลี่ยนท่าทางหรือได้พัก |
ท้องผูก/แก๊สในกระเพาะอาหาร | ฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปและการที่ลำไส้เคลื่อนไหวช้าลง ทำให้คุณแม่ท้องผูกหรือมีแก๊สในกระเพาะอาหารได้ง่าย ซึ่งทำให้เกิดอาการปวดท้องหรือไม่สบายตัวได้ |
อาการที่ควรระวัง (รีบหาหมอทันที!) | |
ปวดหน่วงๆ ร่วมกับมีเลือดออก | อาจเป็นสัญญาณของ การแท้งคุกคาม หรือ แท้งบุตร |
ปวดท้องน้อยข้างเดียวรุนแรง ร่วมกับเลือดออก | อาจเป็นสัญญาณของ การท้องนอกมดลูก |
ปวดท้องมาก ร่วมกับเลือดออก | อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะรกเกาะต่ำ หรือ รกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉิน |
ปวดท้องส่วนบนด้านขวา หรือจุกแน่นลิ้นปี่ | อาจเป็นสัญญาณของ ภาวะครรภ์เป็นพิษ ซึ่งอันตรายต่อทั้งแม่และลูก |
ปวดท้องสม่ำเสมอ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ มีมูกเลือด หรือน้ำเดิน | นี่คือสัญญาณของ การเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด ซึ่งต้องได้รับการดูแลอย่างเร่งด่วน |
วิธีบรรเทาอาการปวดหน้าท้อง | |
สำหรับอาการปกติ: |
|
สำหรับอาการที่ควรระวัง: |
|
หากไม่แน่ใจว่าอาการปวดท้องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติหรือไม่ ปรึกษาคุณหมอที่ฝากครรภ์อยู่ทันที เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และลูกน้อยค่ะ
6. ปวดคอและไหล่
ปวดเมื่อยที่คอและไหล่ อาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ ตลอดการตั้งครรภ์ แต่จะพบบ่อยขึ้นในช่วง ไตรมาสที่ 2 และ 3 ค่ะ
อาการปกติที่พบบ่อย (ไม่ต้องกังวล) | |
ท่าทางเปลี่ยน | พอท้องใหญ่ขึ้น คุณแม่จะเริ่มปรับท่าทางการยืนและนั่ง ทำให้หลังแอ่นและคอยื่นไปข้างหน้า ส่งผลให้กล้ามเนื้อคอและไหล่ต้องทำงานหนัก |
น้ำหนักหน้าอกเพิ่มขึ้น | ขนาดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เพิ่มภาระให้กล้ามเนื้อบริเวณคอและไหล่ค่ะ |
ความเครียดและฮอร์โมน | ความเครียดจากการตั้งครรภ์ และการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย ก็มีส่วนทำให้กล้ามเนื้อตึงและปวดได้ง่าย |
ใช้มือถือ/ทำงานนานๆ | การก้มหน้าเล่นมือถือ หรือทำงานในท่าเดิมนานๆ ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คุณแม่ปวดคอและไหล่ได้ค่ะ |
วิธีบรรเทาอาการปวดคอและไหล่ตอนท้อง | |
ปรับท่าทาง | พยายามยืดหลังตรง ไม่ก้มคอมากเกินไป โดยเฉพาะเวลาที่ต้องก้มมองหรืออ่านหนังสือ |
ยืดเหยียดเบาๆ | ค่อยๆ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อคอและไหล่ช้าๆ ทำอย่างสม่ำเสมอ |
ประคบร้อน | ใช้แผ่นประคบร้อน ประคบเบาๆ บริเวณที่ปวด เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ |
นวดผ่อนคลาย | ถ้าคุณแม่รู้สึกตึงมาก ลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน การนวดสำหรับคนท้องเพื่อช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ |
เลือกหมอนที่เหมาะสม | การนอนโดยใช้หมอนที่รองรับช่วงคอได้ดี ก็ช่วยลดอาการปวดได้มาก |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- ปวดร้าวลงไปที่แขน
- มีอาการ ชาหรืออ่อนแรงที่แขนหรือมือ
- ปวดศีรษะรุนแรงร่วมด้วย
7. ปวดมือและข้อมือ
คุณแม่หลายคนอาจเคยรู้สึก มือชา หรือกำมือไม่ถนัด โดยเฉพาะช่วงกลางคืน อาการนี้เรียกว่า “ผังผืดทับเส้นประสาทข้อมือ” หรือ Carpal Tunnel Syndrome ค่ะ พบบ่อยในช่วง ไตรมาสที่ 3 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงหลังคลอด โดยมีคุณแม่ถึง 30-60% ที่มีอาการนี้เลยทีเดียว
สาเหตุ | |
บวมน้ำ | ระหว่างตั้งครรภ์ ร่างกายคุณแม่จะมีการบวมน้ำมากขึ้น ทำให้เกิดการบวมบริเวณช่องในข้อมือ ส่งผลให้ เส้นประสาท Median Nerve ที่อยู่ในช่องนั้นถูกกดทับ |
ฮอร์โมนเปลี่ยน | การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนก็มีส่วนทำให้เนื้อเยื่อรอบเส้นประสาทเกิดการเปลี่ยนแปลงและบวมได้ |
วิธีบรรเทาอาการปวดมือและข้อมือตอนท้อง | |
ยกมือและแขนสูง | พยายาม ยกมือและแขนให้สูงกว่าระดับหัวใจ บ่อยๆ เพื่อช่วยลดอาการบวม |
ประคบเย็น | ใช้ผ้าเย็นหรือเจลประคบเย็น ประคบที่ข้อมือเพื่อช่วยลดอาการบวมและชา |
ใส่เฝือกอ่อน | การสวมเฝือกอ่อนที่ข้อมือ (Wrist Splint) โดยเฉพาะเวลานอน จะช่วยให้ข้อมืออยู่ในท่าที่เหมาะสม และลดการกดทับเส้นประสาท |
บริหารข้อมือเบาๆ | ค่อยๆ บริหารข้อมือเบาๆ เช่น กำมือ-แบมือ หมุนข้อมือ เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น |
หลีกเลี่ยงท่าเดิมๆ | พยายามหลีกเลี่ยงการกำมือแน่นๆ หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้ข้อมือซ้ำๆ นานๆ |
เมื่อไหร่ที่ต้องรีบไปหาคุณหมอ?
- อาการชาและอ่อนแรงรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
- ไม่สามารถใช้งานมือได้ปกติ หรือหยิบจับสิ่งของลำบาก
อาการปวดที่คนท้องต้องเจอ เหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการตั้งครรภ์ หากคุณแม่ทำความเข้าใจสาเหตุและรู้วิธีรับมือจะช่วยให้คุณแม่คลายความกังวล ที่สำคัญคือ หมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตนเอง และ ไม่ควรกังวลอยู่คนเดียว หากไม่แน่ใจหรือมีอาการปวดรุนแรง ควรรีบปรึกษาคุณหมอที่คุณแม่ฝากครรภ์ทันทีนะคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
คนท้องปวดก้นกบ ทำยังไงดี? 6 วิธีบรรเทาอาการปวดก้นกบแม่ตั้งครรภ์
อาการปวดหลังในคนท้องอ่อนๆ ปกติมั้ย? แนะนำ 9 วิธีบรรเทาอาการ
คนท้อง เจ็บท้องน้อยข้างซ้าย จี๊ดๆ ปวดท้องร้าวไปถึงหลัง อันตรายไหม ?