10 วิธีกระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจให้ลูกในท้อง

แม่ตั้งครรภ์ทุกคนต่างเฝ้าฟูมฟักเจ้าตัวน้อยในครรภ์และเต็มไปด้วยความหวังว่า ลูกจะคลอดออกมาปลอดภัย มีสุขภาพกายที่ดี และเป็นเด็กเลี้ยงง่าย คุณแม่ทราบไหมคะว่า จะให้ลูกคลอดออกมาเป็นเด็กอารมณ์ดีเลี้ยงง่าย เรามีวิธีดี ๆ ช่วยกระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจให้ลูกตั้งแต่ในท้องค่ะ ติดตามอ่าน

การกระตุ้นทารกตั้งแต่ในครรภ์สำคัญหรือไม่

คำตอบ คือ สำคัญ ไม่เพียงเท่านั้น ต้องเรียกว่า สำคัญมากค่ะ เหตุผล ได้แก่ ขณะที่ลูกน้อยเติบโตอยู่ในท้องแม่นั้น ลูกไม่ได้เติบโตเพียงร่างกายเท่านั้นแต่ยังพัฒนาด้านอารมณ์และจิตใจตามไปด้วย!!!! มาดูกันค่ะว่าแต่ละช่วงเดือนเจ้าหนูมีพัฒนาการด้านใดบ้าง

2 – 3 เดือน สมองของทารกน้อยจะเริ่มทำงานรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว

3 – 4 เดือน ประสาทหูและประสาทตาเริ่มทำงานดีขึ้น ทำให้สามารถรับรู้เสียงที่ดังขึ้นและแสงที่จ้าจากภายนอกได้

5 – 6 เดือน ประสาทสัมผัสต่าง ๆ ของลูกในครรภ์สมบูรณ์เต็มที่ ส่งผลให้ลูกน้อยไวต่อประสาทสัมผัส รวมถึงควบคุมการทำงาน

ของกล้ามเนื้อ และเริ่มสื่อสารกับคุณแม่ด้วยการเตะ ถีบ เป็นต้น

ตลอดระยะเวลา 9 เดือนที่อยู่ในท้องนั้น ลูกสามารถเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ที่สำคัญ ลูกสามารถเรียนรู้และซึมซับอารมณ์ของแม่ได้อีกด้วย และจะกลายเป็นพื้นฐานทางด้านจิตใจของลูกต่อไป เมื่อคุณแม่ทราบเช่นนี้แล้ว เชื่อว่า คุณแม่คงเห็นความสำคัญของการกระตุ้น พัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจของลูกตั้งแต่ในท้องแล้วใช่ไหมคะ เรามีวิธีกระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจให้ทารกในครรภ์มาฝาก ซึ่งคุณแม่อ่านแล้วสามารถทำตามได้ทันทีเลยค่ะ อย่ารอช้า

10 วิธีกระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจให้ลูกในท้อง

1. คิดบวก

การคิดบวกหรือการมองโลกในทางบวก หรือในทางสร้างสรรค์ นอกจากจะช่วยให้คุณแม่สามารถจัดสมดุลทางอารมณ์ของตนเองได้ดีแล้ว ความรู้สึกนี้ยังส่งผ่านไปให้ทารกน้อยในครรภ์ด้วยนะคะ ในทางตรงกันข้ามหากคุณแม่หงุดหงิดง่าย ตึงเครียดอยู่เสมอ อารมณ์ด้านลบเช่นนี้ก็จะส่งสัญญาณไปถึงลูกน้อยเช่นกัน ดังนั้น หากคุณแม่มองโลกในแง่ดี พูดสิ่งดี คิดสิ่งดี ลูกก็จะได้รับสิ่งดี ๆ จากคุณแม่ด้วยค่ะ

2. ไม่เครียด

ความเครียดส่งผลต่อทารกในครรภ์โดยตรง ที่สำคัญเมื่อทารกน้อยคลอดออกมาจะกลายเป็นเด็กโยเยร้องไห้เก่ง และเลี้ยงยากฮอร์โมนความเครียดนี้ จะยังยับยั้งการเจริญเติบโตของสมองด้วยนะ เพราะสเตียรอยด์จากหมวกไตจะเพิ่มสูงขึ้นยามที่เราเครียดหรือถูกดดัน และส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างเส้นใยประสาททำให้ระดับเชาวน์ปัญญาของลูกลดต่ำลงในที่สุด

3. หายใจลึก ๆ

การหายใจลึก ๆ เป็นวิธีแสนง่าย แต่ได้ผลดีสุด ๆ เพราะคุณแม่จะรู้สึกผ่อนคลายในเวลาที่รู้สึกเครียดหรือไม่สบายใจ เพราะเมื่อคุณแม่ผ่อนคลาย ทารกน้อยสามารถสัมผัสได้ถึงความสงบในจิตใจของคุณแม่ และรับรู้ได้ถึงความรักของแม่ที่มีต่อตัวเขา สมองของลูกจะได้รับการพัฒนา แถมสารเคมีในสมองยังได้รับการพัฒนาขึ้นมา เพื่อปกป้องลูกน้อยจากฮอร์โมนความเครียด และยังช่วยให้ลูกรู้จักการจัดการความเครียดของตนเองได้เมื่อเขาโตขึ้นอีกด้วย

บทความแนะนำ แม่เครียด มีผลต่อลูก ลึกถึงยีนในสมอง

4. หมั่นพูดคุยกับเจ้าตัวน้อย

เสียงพูดของคุณแม่หรือจะเป็นเสียงเพลงอันไพเราะจะช่วยกระตุ้นพัฒนาการทางด้านอารมณ์ความรู้ของทารกน้อยได้อย่างดี เพราะขณะที่คุณแม่พูดคุย ร้องเพลง หรือฟังเพลง ลูกจะตั้งใจฟังอย่างดีเรื่องนี้พิสูจน์ได้ทางการแพทย์นะคะ โดยวัดจากอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะช้า ๆ ถี่ ๆ รวมถึงทารกยังสามารถดูดกลืนน้ำคร่ำได้เร็วกว่าปกติอีกด้วย

5. ยิ้มรับทุกสถานการณ์

ทุกครั้งที่คุณแม่ยิ้ม รู้ไหมคะว่า เจ้าตัวน้อยในครรภ์ก็กำลังพยายามจะยิ้มอย่างที่คุณทำด้วยเช่นกัน เพราะลูกน้อยในครรภ์จะรู้สึกผ่อนคลายและสุขสงบได้

6. เล่นสนุกกับลูก

การเล่นเกมกับลูกในครรภ์เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยกระตุ้นพัฒนาการได้ง่าย ๆ ยกตัวอย่างเช่น เกมเตะเลยลูก มีวิธีเล่นที่แสนง่าย เพียงแค่เวลาที่ลูกเตะหรือศอก ให้คุณแม่สัมผัสตรงบริเวณที่ลูกเตะ แล้วพูดกับลูกว่า “เตะเลยลูก เตะอีก ๆ” จากนั้นลองสัมผัสท้องส่วนอื่น ๆ เพื่อให้ลูกในท้องเป็นฝ่ายไล่ตามสัมผัสบ้าง โดยขณะที่สัมผัสท้องก็ให้คุณแม่พูดคำเดิม

7. ผักช่วยได้

ลูกน้อยจะพัฒนาประสาทการรับรสได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 14 สัปดาห์ และการเลือกกินอาหารของคุณแม่จึงส่งผลต่อความพึงพอใจในการกินอาหารของลูกน้อยด้วยเช่นกัน มีการศึกษาชิ้นหนึ่งได้ทดลองแบ่งคุณแม่ตั้งครรภ์ออกเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มที่ 1 ให้คุณแม่ดื่มน้ำบร็อกโคลี

กลุ่มที่ 2 ดื่มน้ำแครอท

กลุ่มที่ 3 ดื่มน้ำเปล่าทุกวัน

หลังจากนั้นก็ตามดูว่าเมื่อคลอดลูกออกมาแล้ว พฤติกรรมการกินอาหารเสริมครั้งแรกของเด็ก ๆ จะเป็นอย่างไร พบว่าเด็ก ๆ จะกินอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำผักที่แม่เคยดื่มระหว่างตั้งครรภ์ มากกว่าอาหารอื่นซึ่งจะพออธิบายได้ว่า การกินผักของแม่ในช่วงตั้งครรภ์จะช่วยให้ลูก ๆ กินผักเหล่านั้นได้เมื่อเติบโตขึ้น

8. นวดผ่อนคลาย

การนวดเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทของลูกน้อยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย เพียงคุณแม่ลองหาช่วงเวลาสงบ เอนกายท่าที่สบายในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวก อาจเปิดเพลงบรรเลงคลอเบา ๆไปด้วยก็ได้ จากนั้นเอาน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวถูเบา ๆ ที่มือ ควรเลี่ยงใช้น้ำมันหอมระเหยต่าง ๆ ตอนตั้งครรภ์ค่ะ แล้วค่อย ๆ ลูบไล้ไปที่ท้องอย่างแผ่วเบา โดยเน้นบริเวณที่สัมผัสถึงลูกน้อย แต่ถ้าเวลาที่ลูกเตะให้หยุด แล้วค่อยนวดต่อหลังจากที่ลูกหยุดเตะ

9. ออกกำลังกาย

การออกกำลังกายของคุณแม่ช่วยให้ลูกในครรภ์อารมณ์สงบและผ่อนคลาย เพราะขณะที่คุณแม่ออกกำลังกายในท่วงท่าต่าง ๆ หรืออาจจะเดินออกกำลังกายก็ได้ ในระยะเวลาที่เหมาะสมจะทำให้ออกซิเจนไหลผ่านกระแสเลือดของลูกน้อยได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตโดยเฉพาะสมอง และหลังออกกำลังกายไประยะหนึ่ง ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดรอฟินที่ช่วยให้คุณแม่และลูกรู้สึกถึงความสงบสุขไปได้อย่างยาวนานต่อเนื่องถึง 8 ชั่วโมงเลยทีเดียว

บทความแนะนำ เดิน 30 นาทีต่อวันดีต่อสุขภาพครรภ์

10. มอบความรักแก่คนรอบข้าง

ขณะที่คนเรามีความรักร่างกายจะผลิตฮอร์โมนแห่งรักที่ชื่อ “ออกซิโตซิน” ขึ้นมา ซึ่งเป็นฮอร์โมนตัวเดียวกันกับที่ทำให้คุณแม่รู้สึกรักและผูกพันกับลูกมากขึ้น การมอบความรักความปรารถนาดีต่อคนรอบข้าง จึงช่วยให้ร่างกายของแม่หลั่งสารออกซิโตซินมากขึ้น และฮอร์โมนทั้งหมดที่ส่งผ่านรกไปสู่ลูกจะช่วยทำให้ลูกรู้สึกเช่นเดียวกับคุณแม่ด้วย

ทราบวิธีการกระตุ้นเจ้าตัวน้อยกันแล้วนะคะ ไม่เพียงคุณแม่เท่านั้นที่จะสามารถกระตุ้นลูกน้อยในครรภ์ได้เพียงคนเดียว คุณพ่ออย่าเพิ่งน้อยใจไปค่ะ เพราะงานนี้คุณพ่อก็สามารถมีส่วนร่วมได้เช่นกันค่ะ

คุณพ่อก็มีส่วนร่วมได้

เพียงแค่คุณพ่อลูบท้องของคุณแม่เบา ๆ พร้อมทั้งพูดคุยกับลูกไปด้วย เจ้าหนูจะได้ยินเสียงทุ้มของคุณพ่อ ความจริงแล้วลูกน้อยในครรภ์จะสามารถฟังเสียงทุ้ม ๆ ของคุณพ่อได้ดีกว่าเสียงเล็ก ๆ ของคุณแม่เสียอีก และการสัมผัสลูบคลำท้องคุณแม่ เพื่อรับรู้ความรู้สึกขณะที่ลูกเคลื่อนไหว และจูบที่ท้องของคุณแม่เบา ๆ เพื่อส่งผ่านความรักถึงลูกน้อย

วิธีการเหล่านี้ไม่ยากเลยใช่ไหมคะ มากระตุ้นพัฒนาการด้านอารมณ์และจิตใจให้ลูกในท้องกันค่ะ

หากคุณแม่มีประสบการณ์การกระต้นลูกน้อยในแบบต่าง ๆ ร่วมแชร์ประสบการณ์เล่าเรื่องราวเพื่อเป็นประโยชน์ต่อแม่ท้องคนอื่น ๆ กันนะคะ เพื่อลูกของคุณจะได้มีสุขภาพกายแข็งแรง คลอดออกมาเป็นเด็กเลี้ยงง่ายอารมณ์ดี๊ดี

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://www.s-momclub.com

https://www.si.mahidol.ac.th

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

กระตุ้นพัฒนาการที่ดีให้ลูกรักด้วยโปรแกรมสติมูเลิร์น

เคล็ดลับกระตุ้นพัฒนาการของลูกรัก