TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards 2025
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
    • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
    • TAPpedia
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ไลฟ์สไตล์
    • ที่เที่ยว
    • ที่กิน
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • VIP

โรคคางทูม ลูกมีไข้ ปวดและบวมบริเวณหน้าหู

บทความ 3 นาที
โรคคางทูม ลูกมีไข้ ปวดและบวมบริเวณหน้าหู

น้องเจ อายุ 5 ปี มาพบหมอด้วยอาการ มีไข้ ร่วมกับปวดและบวมบริเวณหน้าหู ทั้ง 2 ข้าง คุณพ่อสงสัยว่าจะเป็นคางทูม ซึ่งหลังจากที่หมอได้ซักถามอาการและตรวจร่างกาย ก็เห็นด้วยกับคุณพ่อว่าน้องเจน่าจะเป็นโรคคางทูมจริงๆ

โรคคางทูม ลูกมีไข้ ปวดและบวมบริเวณหน้าหู

แก้มบวมเกิดจากอะไร โรคคางทูม ลูกมีไข้ ปวดและบวมบริเวณหน้าหู …ช่วงสัปดาห์นี้ หมอได้เจอเด็กๆ ในวัยเรียนเป็นโรคคางทูมกันหลายคน จึงอยากจะมาทบทวนเรื่องนี้ ให้คุณพ่อคุณแม่ได้มีความรู้ความเข้าใจกันนะคะ

โรคคางทูมคืออะไร?

โรคคางทูม (mumps) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบติดเชื้อของต่อมน้ำลายบริเวณกกหู จนเห็นเป็นอาการบวมนูนของคางจึงเรียกว่า “คางทูม” ซึ่งมักพบในเด็กปฐมวัยขึ้นไปจนถึงวัยเรียน มักจะพบผู้ป่วยได้บ่อยในฤดูหนาวและในต้นฤดูร้อน

โรคคางทูมเกิดจากอะไร?

โรคคางทูมเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชื่อ Mumps virus ก่อให้เกิดอาการบวมจากการอักเสบของต่อมน้ำลายชื่อ ต่อมพาโรติด (Parotid glands) บริเวณกกหูเหนือขากรรไกรทั้ง 2 ข้าง ซึ่งสามารถติดต่อได้จากระบบทางเดินหายใจ หรือสัมผัสน้ำลายของผู้ป่วย เช่น ใช้ภาชนะร่วมกันในการ กินน้ำ และอาหาร

อาการของโรคคางทูมเป็นอย่างไร?

ผู้ป่วยโรคนี้จะเริ่มป่วยด้วยอาการมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว เบื่ออาหาร จากนั้น 2-3 วันต่อมาจะเริ่มเจ็บและบวมบริเวณหน้าหู อาจมีอาการข้างใดข้างหนึ่งก่อน ต่อมาจึงลามเป็นทั้ง 2 ข้าง

อาการบวมจะเป็นอยู่ประมาณ 1 สัปดาห์ จากนั้นจะค่อยๆยุบหายไปได้เอง ผู้ป่วยบางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น อัณฑะอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ สมองอักเสบ ซึ่งพบได้ไม่บ่อยในเด็ก เมื่อเทียบกับวัยรุ่น และผู้ใหญ่ หากมีประวัติเป็นคางทูมมาภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนเกิดอาการปวด บวม บริเวณถุงอัณฑะ, ปวดท้องหรือปวดศีรษะมาก ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อการวินิจฉัย รักษา นะคะ

คุณหมอสามารถให้การวินิจฉัยคางทูมได้อย่างไร?

เนื่องจากโรคนี้มีอาการที่เป็นลักษณะชัดเจน คุณหมอจึงสามารถให้การวินิจฉัยจากประวัติ อาการ และอาการแสดงของการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายได้ทันที โดยอาจจะมีการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการบางอย่างตามความเหมาะสม หรือมีข้อบ่งชี้ เช่น สงสัยอาการคางบวมจากโรคอื่นๆ ได้ การวินิจฉัยโรคที่จำเพาะ คือจากการตรวจหาเชื้อไวรัส จากน้ำลาย จากสารคัดหลั่ง หรือ ตรวจเลือดหาระดับสารภูมิต้านทาน ของเชื้อไวรัสคางทูม

การรักษาโรคคางทูมทำได้อย่างไร?

เนื่องจากคางทูมเกิดจากเชื้อไวรัส จึงไม่มีวิธีรักษาเฉพาะเจาะจง นอกจากการรักษาตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดลดไข้ พาราเซตามอล บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ รับประทานอาหารอ่อน และสังเกตอาการ หากมีอาการ ไข้สูง ปวดศีรษะมาก คอแข็ง ปวดท้องมาก ทานไม่ได้ ซึมลง ควรรีบไปพบคุณหมอ เพราะอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ค่ะ

การป้องกันโรคคางทูมทำได้อย่างไร?

โชคดีที่เรามีวัคซีนป้องกันโรคคางทูมได้ โดยเป็นวัคซีนเข็มรวม หัด-หัดเยอรมัน-คางทูม ทำให้อุบัติการณ์ของโรคลดลงมาก ในปัจจุบัน นอกจากนั้นก็ควรส่งเสริมให้เด็กๆรู้จักการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หากเด็กเป็นโรคคางทูมก็หยุดโรงเรียน เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

โดยทั่วไปเมื่อเป็นคางทูมแล้วมักจะไม่เป็นซ้ำเพราะ ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคนี้ได้ตลอดชีวิต แต่มีรายงานผู้ป่วยบางรายติดเชื้อได้อีก โดยที่อาการมักไม่รุนแรงและไม่ค่อยเกิดผลข้างเคียง

 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

กรมควบคุมโรคเตือนพ่อแม่ ระวังเด็กเล็กป่วยเป็นโรคหัด

พาลูกฉีดวัคซีนเรื่องไม่เล็กที่พ่อแม่ควรรู้

 

บทความจากพันธมิตร
Ask The Expert คุณแม่ถาม คุณหมอตอบ  ยุงเล็ก เสี่ยงใหญ่ ทำไมเด็กเล็กต้องระวังเป็นพิเศษ
Ask The Expert คุณแม่ถาม คุณหมอตอบ ยุงเล็ก เสี่ยงใหญ่ ทำไมเด็กเล็กต้องระวังเป็นพิเศษ
เจาะลึก การเสริมภูมิคุ้มกัน RSV ในหญิงตั้งครรภ์ ส่งผ่านภูมิคุ้มกันให้ทารกแรกเกิดได้อย่างไร
เจาะลึก การเสริมภูมิคุ้มกัน RSV ในหญิงตั้งครรภ์ ส่งผ่านภูมิคุ้มกันให้ทารกแรกเกิดได้อย่างไร
สร้างเกราะป้องกัน เตรียมพร้อมปกป้องลูกจากไวรัสอาร์เอสวี ในฤดูฝน
สร้างเกราะป้องกัน เตรียมพร้อมปกป้องลูกจากไวรัสอาร์เอสวี ในฤดูฝน
Ask The Expert คุณแม่ถาม คุณหมอตอบ ลูกปลอดภัย ไกลยุงร้าย ง่ายนิดเดียว
Ask The Expert คุณแม่ถาม คุณหมอตอบ ลูกปลอดภัย ไกลยุงร้าย ง่ายนิดเดียว

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี

  • หน้าแรก
  • /
  • สุขภาพ
  • /
  • โรคคางทูม ลูกมีไข้ ปวดและบวมบริเวณหน้าหู
แชร์ :
  • วิธีแก้ลูกหายใจครืดคราด: สาเหตุ อาการ สัญญาณอันตราย และสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้

    วิธีแก้ลูกหายใจครืดคราด: สาเหตุ อาการ สัญญาณอันตราย และสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้

  • แม่แชร์ "อุทาหรณ์ลูกเป็นหวัด" แต่กลับต้องผ่าตัดที่เท้า!

    แม่แชร์ "อุทาหรณ์ลูกเป็นหวัด" แต่กลับต้องผ่าตัดที่เท้า!

  • DKSH ผนึกกำลัง PacBio และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “LIFE-SEQ” จีโนมิกส์เพื่อการแพทย์แม่นยำครั้งแรกในเอเชีย

    DKSH ผนึกกำลัง PacBio และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “LIFE-SEQ” จีโนมิกส์เพื่อการแพทย์แม่นยำครั้งแรกในเอเชีย

powered by
  • วิธีแก้ลูกหายใจครืดคราด: สาเหตุ อาการ สัญญาณอันตราย และสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้

    วิธีแก้ลูกหายใจครืดคราด: สาเหตุ อาการ สัญญาณอันตราย และสิ่งที่พ่อแม่ควรรู้

  • แม่แชร์ "อุทาหรณ์ลูกเป็นหวัด" แต่กลับต้องผ่าตัดที่เท้า!

    แม่แชร์ "อุทาหรณ์ลูกเป็นหวัด" แต่กลับต้องผ่าตัดที่เท้า!

  • DKSH ผนึกกำลัง PacBio และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “LIFE-SEQ” จีโนมิกส์เพื่อการแพทย์แม่นยำครั้งแรกในเอเชีย

    DKSH ผนึกกำลัง PacBio และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดโครงการ “LIFE-SEQ” จีโนมิกส์เพื่อการแพทย์แม่นยำครั้งแรกในเอเชีย

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว