X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

อาการปวดมดลูก 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 71

บทความ 5 นาที
อาการปวดมดลูก 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 71

อาการปวดมดลูก มักจะเกิดขึ้นหลังจากคุณแม่คลอดบุตรแล้ว เพราะธรรมชาติ มดลูกจะมีการบีบตัว เพื่อเข้าสู่ภาวะปกติ หรือที่เรียกว่า มดลูกเข้าอู่ เพราะฉะนั้น การที่คุณแม่ที่ให้นมบุตร อาจจะรู้สึกได้ถึงมดลูกที่บีบตัว หรือรู้สึกปวดท้องจี๊ด ๆ ในขณะให้นมบุตร นั่นเป็นภาวะปกติที่มักจะเกิดขึ้นได้ โดยไม่มีอันตราย หรือเป็นสัญญาณเตือนจากโรคภัยไข้เจ็บแต่อย่างใด อาการปวดมดลูก นับว่าเป็นอีกหนึ่งสัญญาณ ของการปรับตัวของร่างกายภายใน ทั้งนี้หลังคลอด คุณแม่ยังคงต้องดูแลรักษาสุขภาพ และบำรุงร่างกายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ร่างกายฟื้นกลับสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว แต่ถ้าปวดต่อเนื่องยาวนานกว่าปกติ ก็ควรรีบเข้าพบแพทย์ เพื่อทำการหาสาเหตุ และรักษาต่อไป

อาการปวดมดลูก

ลักษณะอาการของมดลูกบีบ หดตัว…

หลังจากคลอดบุตร มดลูกจะเริ่มลดขนาดลงกลับไปสู่ภาวะปกติ หรือมีขนาดเท่าเดิม ซึ่งในระหว่างที่มดลูกค่อยๆ หดตัว คุณแม่จะรู้สึกถึงอาการเจ็บ ชา ๆ บริเวณมดลูก และหน้าท้อง โดยอาการส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นใน 2 – 3 วันแรกหลังคลอดบุตร และจะกลับเข้าอู่โดยใช้ระยะเวลา ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์

Advertisement

น้ำคาวปลาหลังคลอด

  1. ตามลำดับขั้นตอน หลังคลอดลูกออกมาแล้ว รกจะหลุดลอกตัวตามออกมา
  2. หลังจากนั้นประมาณ 2 – 3 วันจะมีน้ำสีขุ่น ๆ มีเลือดปนออกมาจากช่องคลอด  เรียกว่า  “น้ำคาวปลา”  แรก ๆ จะมีสีเข้มคล้ายสีประจำเดือน และจะค่อย ๆ จางลงเป็นสีชมพู และสีน้ำตาลอ่อน จางลงเรื่อย ๆ และจนหมดภายในระยะเวลาประมาณ 2 – 3 สัปดาห์หลังคลอด
  3. ที่สำคัญคือ น้ำคาวปลานี้จะไม่มีกลิ่นเหม็นรุนแรง หากพบว่า  น้ำคาวปลาที่ซึมออกมานั้นมีสีแดงสดตลอด ไม่มีทีท่าจะจางลง หรือมีกลิ่นเหม็นมาก  ต้องรีบพบคุณหมอเพื่อรับการรักษาโดยด่วน  เพราะอาการเช่นนี้ส่งสัญญาณความผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว

อาการปวดมดลูก

ปวดมดลูกหลังคลอด

  1. อาการอีกอย่างหนึ่งที่จะเกิดขึ้นหลังคลอด คือ  อาการปวดมดลูก เนื่องจากหลังคลอดมดลูกจะลดระดับลงทันทีมาอยู่ที่ระดับสะดือ  ขนาดเท่ากับอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือน
  2. มดลูกจะบีบตัวเพื่อกลับเข้าสู่สภาพเดิมหรือที่เรียกว่า “มดลูกเข้าอู่” ใน 2 – 3 วันแรกจะมีอาการปวดมดลูกมาก และความปวดจะค่อย ๆ ทุเลาลง
  3. อาการปวดที่ว่านี้คล้ายกับการปวดประจำเดือนค่ะ และขณะให้ลูกดูดนม ก็จะมีอาการปวดมากกว่าปกติอีกด้วย

ปวดมดลูกหลังคลอดแบบไหนที่ถือว่าผิดปกติ

  1. ปวดท้องมากกว่าปกติ ปวดท้องระหว่างที่ไม่ได้ให้นมบุตร
  2. น้ำคาวปลามีปริมาณมากขึ้น และมีกลิ่นเหม็น
  3. มีไข้
  4. มีลิ่มเลือดออกมาจากช่องคลอดปริมาณมาก

อาการปวดมดลูก สามารถบรรเทาอาการได้โดยวิธีใดบ้าง

  1. ใช้ถุงประคบร้อน เพราะถุงร้อน จะช่วยทำให้การหมุนเวียนเลือดดีขึ้น ช่วยทำให้มดลูกคลายตัว
  2. แช่น้ำอุ่น คุณแม่ประคบร้อน หรือลงแช่ในน้ำอุ่นประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายได้
  3. ทานยาลดอาการปวด พาราเซตามอล
  4. นอนในท่าที่คุณแม่รู้สึกสบาย เพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวด โดยอาจใช้หมอนช่วยพยุงก็ได้

หลังคลอด คุณแม่ยังคงต้องดูแลรักษาสุขภาพ และบำรุงร่างกายเพื่อให้ฟื้นกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว ลดความเครียด ทำจิตใจให้แจ่มใส ร่างกายก็จะกลับมาแข็งแรงในเร็ววันได้ และหากคุณแม่มีอาการเตือนถึงความผิดปกติตามที่กล่าวไปข้างต้น ควรรีบเข้ามาพบแพทย์ เพื่อทำการหาสาเหตุ และรักษาต่อไป

อาการปวดมดลูก

ปวดท้องหลังคลอดเกิดจากอะไร และวิธีลดอาการปวด

หลังจากที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ได้คลอดลูกเรียบร้อยแล้ว ส่วนใหญ่มักจะคิดว่าอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์ น่าจะหายไปบ้าง แต่พอถึงเวลาก็รู้สึกว่าอาการเหล่านี้ยังคงอยู่ หรือปวดมากกว่าเดิม อีกทั้งมีความกังวลว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเอง หรือไม่ และจะมีวิธีวิธีลดอาการปวดได้อย่างไรบ้าง เรามีคำแนะนำดี ๆ มาฝากค่ะ

อาการปวดท้องเกิดจากอะไร

  1. ผลข้างเคียงจากการผ่าคลอด เป็นอาการปวดที่อยู่บริเวณรอบ ๆ แผลผ่าตัด ดังนั้นคุณแม่ควรนอนราบ และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งพักผ่อนให้มาก ๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดได้ดี
  2. มดลูกหดตัว เมื่อคุณแม่คลอดลูกออกมาแล้ว ก็จะส่งผลให้มดลูกค่อย ๆ หดตัวลงขนกลับไปสู่ขนาดเดิม ซึ่งจะมีอาการปวดชา ๆ ที่บริเวณหน้าท้องและมดลูก โดยมักจะเกิดในช่วง 2 – 3 วันแรก ๆ ช่วงหลังคลอด แล้วมดลูกจะกลับเข้าอู่ในระยะเวลาที่นานกว่า 6 สัปดาห์ นอกจากนี้คุณแม่ที่ท้องสอง หรือท้องสามส่วนใหญ่ จะมีอาการปวดมากกว่าท้องลูกคนแรก
  3. ท้องผูก มักเกิดจากการบีบรัด หรือการเคลื่อนไหวของลำไส้ที่ทำให้รู้สึกปวดท้อง รวมทั้งอาจเกิดจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่ยังค้าง หรือเกิดจากผลของยาบางชนิดที่ทำให้คุณแม่มีอาการท้องผูกได้

ระยะเวลาการปวดท้อง

คุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ จะมีอาการปวดท้องหลังคลอดไม่นานมากนัก ซึ่งแตกต่างจากการผ่าคลอด ที่จะมีอาการปวดท้องนานถึง 2 – 3 สัปดาห์ หรืออาจจะกินเวลานานมากกว่านั้น โดยขึ้นอยู่กับภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น หรือประวัติการผ่าตัดที่ผ่านมา แต่อาการนี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น

วิธีลดอาการปวดท้อง

  1. แช่น้ำร้อน เวลาที่มีอาการปวดท้องบริเวณมดลูก ลองแช่น้ำอุ่นในอ่างน้ำเพียงวันละครึ่งชั่วโมง จะช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย และบรรเทาอาการปวดได้ดีพอสมควร
  2. ประคบด้วยกระเป๋าน้ำร้อน วิธีนี้จะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น กล้ามเนื้อหน้าท้องที่หดตัวลง จนรู้สึกปวดตึงจะเริ่มผ่อนคลาย เพราะฉะนั้นอาการปวดท้องจึงทุเลาลงตามไปด้วย
  3. ดื่มน้ำสมุนไพร การดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น และน้ำมะนาว จะช่วยบรรเทาอาการปวดท้อง อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นยาฆ่าเชื้อด้วยเช่นกัน หรืออาจจะดื่มน้ำสะระแหน่สด ผสมน้ำมะนาววันละ 2 ครั้ง ก็จะช่วยลดอาการปวดลงได้ โดยเฉพาะแก้อาการท้องผูกที่จะช่วยให้คุณแม่รู้สึกสบายตัวมากขึ้น

 

ช่วงที่คุณแม่มีอาการปวดท้องหลังคลอดนั้น อาจจะรู้สึกปวดมากราวกับว่า เหมือนมีอะไรมากด หรือบีบมดลูก คล้ายกับว่ามดลูกจะพัง แต่เมื่อเราทราบสาเหตุ  และปฏิบัติตามคำแนะนำที่กล่าวมานี้อย่างสม่ำเสมอ อาการปวดท้องนั้นก็จะค่อย ๆ ทุเลาลงจนสามารถหายไปเองได้ค่ะ

 

ที่มา :

https://www.phyathai.com/article_detail

https://www.punnita.com/blog/

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 21 มดลูก จะเข้าอู่เมื่อไร ?

ยาคลายมดลูก คืออะไร 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 76

บทความจากพันธมิตร
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
ดูแลทารกแรกเกิดวิกฤติน้ำหนักเพียง 500 กรัมสำเร็จ ด้วยความเชี่ยวชาญระดับสากล ที่ โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช อินเตอร์เนชั่นแนล
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
เคล็ดลับดูแลครรภ์ และ สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อย
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
โรคภูมิแพ้ในเด็ก ป้องกันได้ตั้งแต่แรกเกิด ด้วยนมแม่ที่มีคุณสมบัติเป็น H.A. (Hypoallergenic)
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก
พ่อแม่ต้องรู้! วิธีป้องกัน RSV ในเด็ก ช่วยลูกไม่ป่วยหนัก

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

ammy

  • หน้าแรก
  • /
  • เจ็บป่วย
  • /
  • อาการปวดมดลูก 100 สิ่งที่คุณแม่หลังคลอดต้องรู้ ตอนที่ 71
แชร์ :
  • หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

    หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

  • ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

    ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

  • เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

    เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

  • หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

    หมอห่วง เด็ก 0-4 ขวบป่วยโควิดเยอะ ป่วยช่วงนี้ เสี่ยงโควิดสูงกว่าไข้หวัดใหญ่

  • ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

    ลูกเป็นไข้ อาบน้ำได้ไหม วิธีไหนลดไข้เร็วที่สุด

  • เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

    เลี้ยงลูกปลอดภัย กินอย่างไร ไม่เสี่ยง โรคแอนแทรกซ์

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว