X
TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

29 Jun, 2016
พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร

ลูกสาวกับลูกชายมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านร่างกาย แล้วในด้านอื่นๆ ที่เรามองไม่เห็นล่ะ เช่น ด้านสติปัญญา อารมณ์ สังคม เด็กหญิงกับเด็กชายมีการพัฒนาการที่เหมือนหรือต่างกันอย่างไร นี่คือสิ่งที่คุณแม่ควรทำความเข้าใจค่ะ
การเดิน

การเดิน

แม้ว่าพ่อแม่หลายคนจะบอกว่าเด็กผู้ชายมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวเร็วกว่าเด็กผู้หญิง เช่น ลุกนั่ง คลาน คืบ และเดิน เร็วกว่าเด็กผู้หญิง แต่กุมารแพทย์ไม่เห็นด้วยค่ะ งานวิจัยพบว่าไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างเด็กชายและเด็กหญิงในเรื่องของพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว เด็กทั้งสองเพศจะเริ่มเดินในช่วงอายุ 9-16 เดือน แต่คุณแม่มักคาดหวังว่าเด็กผู้ชายจะเดินได้เร็วกว่าเด็กผู้หญิง เนื่องจากเด็กผู้ชายมีพัฒนาการด้านร่างกายมากกว่าเด็กผู้หญิง เช่น ตัวสูงกว่า และน้ำหนักเยอะกว่า นั่นเอง

วิธีส่งเสริมการเดินของลูกน้อย

คุณแม่สามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อของลูกน้อยโดยให้ลูกใช้เวลากับการนอนคว่ำตอนตื่นตั้งแต่ในช่วงเดือนแรกๆ และไม่ปล่อยให้ลูกใช้เวลาอยู่ในรถเข็น หรือในคาร์ซีทมากนัก เพราะการเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงจะทำให้ลูกพร้อมสำหรับการคลาน การนั่ง และเดินได้เร็วขึ้นค่ะ

ทักษะด้านมิติสัมพันธ์

ทักษะด้านมิติสัมพันธ์

เหตุผลที่เด็กผู้ชายทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ได้มากกว่าเด็กผู้หญิง เป็นเพราะมีทักษะด้านมิติสัมพันธ์ หรือความสามารถในการแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับ ขนาด ระยะทาง และความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุที่ดีกว่า งานวิจัยพบว่า เด็กผู้ชายสามารถเข้าใจกฎของการเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเด็กผู้หญิงถึง 2 เดือน โดยเมื่อคุณแม่กลิ้งของเล่นเข้าไปใต้โซฟา เด็กผู้ชายจะรู้ว่า ของเล่นจะกลิ้งออกมาอีกฝั่งหนึ่ง ในขณะที่เด็กผู้หญิงยังไม่เข้าใจ

วิธีส่งเสริมทักษะด้านมิติสัมพันธ์ให้ลูกสาว

ชวนลูกสาวเล่นต่อบล็อก หรือชวนคุยเรื่องตัวเลข เล่นลูกบอล หรือเล่นเกมที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของวัตถุ การคำนวณระยะทาง เช่น Angry Birds เป็นต้น

การเล่นของเล่น

การเล่นของเล่น

เด็กเล็กๆ นั้นไม่ได้แยกของเล่นว่าเป็นของเล่นของเด็กผู้หญิงหรือของเด็กผู้ชายหรอกค่ะ งานวิจัยชี้ว่า เด็กผู้ชายก็ชอบเล่นตุ๊กตาเหมือนกัน ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะคิดว่า การที่เด็กผู้ชายชอบเล่นรถ ส่วนเด็กผู้หญิงชอบเล่นทำอาหาร เป็นเพราะคนรอบตัวบอกพวกเขาให้ทำเช่นนั้นต่างหาก

แม้เพื่อนจะมีอิทธิพลต่อการเลือกของเล่นของเด็กวัยเรียน แต่มีหลักฐานว่า เด็กจะเริ่มมีความรู้สึกชอบของเล่นบางอย่างเมื่ออายุราว 1 ปี นอกจากนี้ยังพบว่า เด็กผู้หญิงได้รับฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติตั้งแต่อยู่ในท้องจะสนใจเล่นรถมากกว่าปกติด้วย ในขณะที่การศึกษาในลิง พบว่า ลิงตัวผู้เลือกของเล่นที่มีล้อมากกว่าตุ๊กตา ในขณะที่ลิงตัวเมียเลือกทั้งสองอย่าง นั่นหมายความว่า เด็กผู้หญิงเปิดกว้างในการเล่นมากกว่าเด็กผู้ชายนั่นเอง

วิธีส่งเสริมการเล่นของลูกชาย

คุณแม่ควรเปิดกว้างทางเลือกในการเล่นของลูกชาย แทนที่จะยึดติดกับประเภทของเล่นที่เป็นแบบแผนสำหรับเด็กผู้ชายเท่านั้นค่ะ

ทักษะทางสังคม

ทักษะทางสังคม

จริงหรือไม่? ผู้หญิงรับรู้อารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่าผู้ชาย? จริงค่ะ จากงานวิจัยกว่า 100 ชิ้นสรุปตรงกันว่า แม้แต่ในวัยทารก เด็กผู้หญิงสามารถรับรู้ความรู้สึกจากสีหน้าได้ดีกว่าเด็กผู้ชาย นอกจากนี้ งานวิจัยจากประเทศอังกฤษชิ้นหนึ่งยังพบว่า เด็กผู้หญิงชอบมองหน้าผู้คนมากกว่าวัตถุที่เคลื่อนไหว ในขณะที่เด็กจะผู้ชายชอบมองวัตถุที่เคลื่อนไหวมากกว่า

นอกจากนี้เด็กผู้หญิงยังมีความสามารถในการอ่านสีหน้าดีกว่าเด็กผู้ชายอย่างชัดเจน ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า เป็นเพราะเด็กผู้หญิงถูกสอนให้แสดงความรู้สึกมากกว่าเด็กผู้ชายนั่นเอง

วิธีส่งเสริมทักษะทางสังคมให้ลูกชาย

แทนที่จะสอนให้ลูกชายเก็บความรู้สึก คุณแม่ควรสอนคำศัพท์ที่ใช้อธิบายความรู้สึก เพื่อให้ลูกชายบอกความรู้สึกของเขาออกมาค่ะ

การเคลื่อนไหวร่างกาย

การเคลื่อนไหวร่างกาย

เมื่อออกไปที่สนามเด็กเล่น คุณจะเห็นเด็กผู้ชายกำลังวิ่ง เล่นบอล และกระโดด มากกว่าเด็กผู้หญิง และความแตกต่างนี้อาจจะเริ่มตั้งแต่ในครรภ์ นักวิจัยชาวแคนาดาได้ข้อสรุปว่า เด็กผู้ชายมีการเคลื่อนไหวมากกว่าเด็กผู้หญิงตั้งแต่ยังเป็นทารก เด็กผู้ชายจะไม่ค่อยอยู่นิ่งแม้แต่ตอนเปลี่ยนผ้าอ้อม ในรถเข็น และคลานไกลกว่าเด็กผู้หญิง นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า แม้โดยเฉลี่ยแล้วเด็กผู้ชายจะไม่ได้เคลื่อนที่มากไปกว่าเด็กผู้หญิงมากนัก แต่ในเด็กส่วนใหญ่ที่แอคทีฟ มักพบว่าเป็นเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง

วิธีส่งเสริมการเคลื่อนไหวให้ลูกน้อย

คุณแม่ควรสนับสนุนให้เด็กได้ทำกิจกรรมที่ต้องมีการเคลื่อนไหวหลากหลายรูปแบบ ทั้งลูกชายและลูกสาว เช่น การเต้น การเล่นกีฬา รวมถึงกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ

ความก้าวร้าว

ความก้าวร้าว

งานวิจัยพบว่า เด็กผู้ชายแสดงออกถึงความก้าวร้าวทางกายมากกว่าเด็กผู้หญิงตั้งแต่อายุ 2 ปี ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในคุณแม่ท้องเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เด็กผู้ชายมีแนวโน้มที่จะเผชิญหน้ามากกว่าเด็กผู้หญิง แต่เด็กผู้หญิงก็ไม่ได้เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้หรอกนะ เพราะเด็กผู้หญิงวัยเตาะแตะนั้น ทั้งเตะ กัด และตีมากกว่าที่เด็กที่เข้าโรงเรียนแล้วถึงสามเท่า เพราะเมื่อเข้าโรงเรียน เด็กจะได้รับการหล่อหลอมทางสังคมให้ใช้คำพูดมากกว่าการใช้กำลัง

วิธีส่งเสริมพฤติกรรมที่เหมาะสม

คุณแม่ควรสอนให้ลูก รู้จักขีดจำกัด และควรตั้งกฎ “ห้ามตี” พร้อมบังคับใช้อย่างจริงจัง

พัฒนาการด้านการพูด

พัฒนาการด้านการพูด

โดยเฉลี่ย เด็กผู้หญิงจะเริ่มพูดเร็วกว่าเด็กผู้ชายประมาณ 1 เดือน นักวิจัยชาวอังกฤษพบว่า เด็กผู้หญิงรู้จักคำศัพท์มากกว่าเด็กผู้ชายตั้งแต่ 18 เดือน อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ทักษะด้านการพูดของเด็กชายและเด็กหญิงในวัยเตาะแตะมีความแตกต่างกันเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่สภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูที่ให้เด็กได้ซึมซับภาษามากกว่า สามารถทำให้เด็กมีความแตกต่างกันได้กว่า 50 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

วิธีส่งเสริมการพูดของเด็ก

คุณแม่ควรพูดคุยกับลูกหรืออ่านหนังสือให้ลูกฟังบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นพัฒนาการด้านภาษาและการพูดทั้งลูกชายและลูกสาวค่ะ

การฝึกขับถ่าย

การฝึกขับถ่าย

เด็กผู้หญิงสามารถเลิกผ้าอ้อมได้เร็วกว่าเด็กผู้ชาย โดยเด็กผู้หญิงส่วนใหญ่มักเริ่มฝึกขับถ่ายเมื่ออายุได้ 20-30 เดือน ส่วนเด็กผู้ชายอาจช้ากว่าเด็กผู้หญิงราว 3 เดือน เด็กผู้หญิงสามารถบอกฉี่ได้โดยเฉลี่ยเมื่ออายุ 33 เดือน แต่สำหรับเด็กผู้ชายอาจต้องถึงเดือนที่ 37 นอกจากนี้เด็กผู้หญิงสามารถนั่งนิ่งๆ บนกระโถนเป็นเวลา 5 นาทีเพื่ออุจจาระได้เมื่ออายุราว 3 ขวบ 3 เดือน ในขณะที่เด็กผู้ชายจะทำได้ช้ากว่าเด็กผู้หญิงราว 5 เดือน

วิธีส่งเสริมการฝึกขับถ่ายของเด็กผู้ชาย

แม้ว่าลูกชายจะสามารถขับถ่ายด้วยตัวเองช้ากว่าลูกสาว แต่คุณแม่สามารถฝึกลูกได้ตั้งแต่ 2 ขวบ โดยไม่จำเป็นต้องซีเรียสว่าลูกต้องทำได้เร็วๆ เพียงแค่ทำให้ลูกรู้สึกสนุกกับการนั่งกระโถนก็พอค่ะ การจูงใจเช่นนี้อาจทำให้ลูกอยากนั่งกระโถนด้วยตัวเองเร็วขึ้น

ทราบอย่างนี้แล้วคุณแม่พอจะคลายกังวลได้แล้วนะคะว่า ทำไมตอนเลี้ยงลูกชายคนแรก เขาทำอย่างนี้ได้แล้วทำไมน้องสาวถึงยังทำไม่ได้ หรือเด็กผู้หญิงข้างบ้านวัยเดียวกันพูดได้แล้ว ทำไมลูกชายเรายังไม่ยอมพูด นอกจากนี้ เด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการไปตามสเต็ปของเขา ซึ่งคุณแม่อาจช่วยเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเร่ง ถึงเวลาเขาก็จะทำได้เองค่ะ

ถัดไป
img

บทความโดย

สิริลักษณ์ อุทยารัตน์

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • ทำความเข้าใจ พัฒนาการ ลูกสาว vs ลูกชาย ต่างกันอย่างไร
แชร์ :
  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

    เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

  • หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

    หากลูกหมกมุ่นกับ 3 สิ่งนี้... พฤติกรรมที่ผู้ปกครองควรจับตา และรับมืออย่างทันท่วงที

  • เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

    เคลือบสูติบัตรได้ไหม เรื่องต้องรู้ก่อนเคลือบสูติบัตร

  • อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

    อย่ามองแค่เกรด! 5 ทักษะที่มีค่าที่สุด ช่วยลูกรับมือกับอุปสรรคในชีวิต

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว