เมื่อลูกน้อยอายุได้ 3 เดือน คุณพ่อคุณแม่ก็คงจะสงสัยใช่ไหมว่าเมื่อลูกอายุได้ 3 เดือนจะมีการพัฒนาการด้านใดบ้าง เมื่อลูกอายุได้ 3 เดือน เราไม่เรียกเจ้าตัวน้อยว่าเด็กแรกเกิดแล้วนะ แต่เราจะเรียกว่า ทารกแทน แม้ว่าลูกน้อยจะโตขึ้นมาอีกสเต็ปหนึ่งแล้ว แต่ลูกก็ยังต้องเรียนรู้อีกมากและมีอะไรที่ทำให้คุณแม่ทึ่งใน พัฒนาการเด็ก 3 เดือน ของเขาได้อีกเยอะเลยล่ะมีอะไรบ้าง
พัฒนาการเด็ก 3 เดือน จะมีการพัฒนาด้านด้านใดบ้าง?
พัฒนาการทารก 3 เดือน พัฒนาการด้านร่างกาย
ร่างกายแข็งแรงขึ้นทั้งส่วนบนและส่วนล่าง
เมื่อลูกน้อยอายุได้ 3 เดือน ลูกน้อยจะมีพัฒนาการทางด้านกล้ามเนื้อคอที่มีความแข็งแรงมากขึ้น และในเวลาที่ลูกนอนคว่ำเขาจะสามารถที่จะใช้แขนดันพื้นยกหน้าอกและศรีษะขึ้นมาเองได้ แถมยังสามารถที่จะยืดขา และเตะได้อีกด้วย
ควบคุมกล้ามเนื้อคอได้ดีขึ้น
ลูกน้อยจะมีกล้ามเนื้อคอที่แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณอุ้มลูกขึ้นมาตรงๆ จะสังเกตได้ว่าศีรษะลูกจะไม่โงนเงนอีกแล้ว
การประสานสัมพันธ์ดีขึ้น
ลูกน้อยสามารถที่จะกำมือ แบมือ เอามือมาประสานกัน หรือเอามือปัดของเล่นสีสันสดใสที่ห้อยอยู่ตรงหน้าได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นการสำรวจสิ่งต่าง ๆ ด้วยมือของเขาเองนั้นเอง
เอามือเข้าปาก
ในช่วง 3 เดือน ลูกน้อยจะชอบคว้าของเล่นเข้าปาก หรือเอามือเข้าปาก คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะเลือกของเล่นที่ปลอดภัยให้กับ และควรระวังอย่าให้มีของเล่น หรืออะไรต่าง ๆ ที่เป็นชิ้นเล็ก ๆ อยู่ใกล้ลูก เนื่องจากลูกน้อยอาจจะคว้าของเล่นเข้าปาก หรืออาจจะกลืนลงไปติดคอได้
พลิกคว่ำ
เมื่อลูกอายุได้ 3 เดือน ลูกจะสามารถพลิกคว่ำได้แล้ว ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะต้องระวังในเรื่องของการเปลี่ยนผ้าอ้อม หรือการเล่นกับลูกบนเตียงให้ดี ถ้าดูไม่ดีลูกอาจจะเกิดการบาดเจ็บได้ ลูกวัย 3 เดือน ลูกจะไม่นอนนิ่ง ๆ แล้ว การเผลอเพียงนิดเดียวอาจจะเกิดอุบัติเหตุได้
บทความที่เกี่ยวข้อง : พ่อแม่ต้องรู้! วิธี เสริมพัฒนาการเด็ก 3 เดือน เด็กวัยนี้ต้องมีพัฒนาการอะไรบ้าง?
พัฒนาการทารก 3 เดือน พัฒนาการด้านประสาทสัมผัส
การสัมผัส
ทารกวัยนี้จะสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว อยากจะสัมผัสและรู้สึกถึงผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน
การได้ยิน
คุณจะสังเกตเห็นว่าลูกน้อยสามารถหันศีรษะและยิ้มตอบต่อเสียงของคุณ และเริ่มที่จะแสดงออกว่าชอบฟังเพลงแล้ว
การมองเห็น
ถ้าคุณจ้องมองลูก เขาก็จะจ้องตาคุณกลับ และลูกวัยนี้ยังมีความสุขกับการจ้องมองตัวเองในกระจกอีกด้วย
พัฒนาการทารก 3 เดือน พัฒนาการด้านสติปัญญา
เหตุและผล
เมื่อลูกน้อยตีของเล่นที่ห้อยอยู่ให้เคลื่อนไหว เขาจะเริ่มเข้าใจเหตุและผลของสิ่งต่าง ๆ จากนั้นสมองของลูกน้อยจะเชื่อมโยงสิ่งต่าง ๆ ด้วยกันเมื่อเขาได้เรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น
มองตามวัตถุที่เคลื่อนที่
ตาทั้งสองทำงานประสานกันได้ดีในการเคลื่อนไหวและปรับโฟกัส โดยเฉพาะเมื่อมีวัตถุกำลังเคลื่อนที่ผ่านหน้าไป เช่น ของเล่น หรือมือของคุณแม่
ยิ้มเพื่อตอบสนองสังคม
ยิ้มหวาน ๆ ของลูกไม่ได้มีไว้เฉพาะคุณพ่อคุณแม่อีกต่อไป เพราะตอนนี้ลูกน้อยเริ่มเผื่อแผ่รอยยิ้มไปยังคนอื่น ๆ ที่ยิ้มให้เขาก่อนด้วย
เป็นมิตร
ลูกน้อยจะเริ่มสนใจทารกคนอื่น ๆ รอบตัว รวมถึงภาพสะท้อนตัวเองในกระจกด้วย
การเข้าใจอารมณ์
ลูกน้อยพยายามเข้าใจอารมณ์และการสื่อสาร ด้วยการเริ่มเชื่อมโยงสิ่งที่คุณพูดกับสีหน้าที่คุณแสดงออก เช่น การยิ้มแย้ม การหัวเราะ การขมวดคิ้วเมื่อไม่พอใจ ส่งเสียงเรียกคนคุ้นเคย ในวัยนี้เด็กจะมีการเล่นกับตัวเองมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการให้มีคนเล่นด้วย ไม่ชอบอยู่ตามลำพัง คุณพ่อคุณแม่จึงควรใช้เวลาในการเล่นกับลูกอย่างสม่ำเสมอ
พัฒนาการทารก 3 เดือน พัฒนาการด้านภาษา
การสื่อสาร
ในวัยนี้ การร้องไม่ใช่วิธีการหลักในการสื่อสารอีกต่อไป ลูกน้อยเริ่มแสดงความรู้สึกด้วยวิธีการอื่น เช่น การส่งเสียง อ้อแอ้ โอ้ อู้ อ้า เป็นต้น
ภาษาทารก
ยิ่งคุณคุยกับลูกมากเท่าไหร่ ลูกน้อยก็จะพัฒนาด้านการพูด โดยจะพยายามทำเสียง และท่าทางเพื่อสื่อสารกับคุณเร็วขึ้นเท่านั้น
กิจกรรมกระตุ้นพัฒนาการลูกน้อยวัย 3 เดือน
เรามีวิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการด้านต่าง ๆ ให้กับลูกน้อยวัย 3 เดือนมาฝากกัน
อ่านนิทานแสนสนุก
ลูกน้อยของคุณอาจยังไม่เข้าใจคำพูดที่คุณพูด และยังอ่านหนังสือไม่ออก แต่การอ่านออกเสียงดัง ๆ ให้ลูกน้อยฟัง ไม่ว่าเขาจะอายุน้อยแค่ไหน ก็สามารถที่จะช่วยให้เขาคุ้นเคยกับเสียง คำ ภาษาที่แตกต่าง และยังช่วยให้เขารู้จักคุณค่า และความสนุกจากหนังสืออีกด้วย
สิ่งที่ต้องเตรียม : หนังสือภาพสีสันสดใส
พัฒนาการที่ได้: การมอง ภาษา การพูด การออกเสียง
คว้าจับ ขยับมือ
ในช่วงนี้ลูกน้อยคอแข็งขึ้น และสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวศีรษะได้ดีขึ้น ต้องการการช่วยประคองน้อยลง เขาจะสนุกกับการเอื้อมคว้า และจับของเล่น และสิ่งต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้โลกรอบตัวเขา คุณพ่อคุณแม่ลองยื่นของเล่นสีสดใส ที่เป็นห่วง หรือที่เป็นแบบเขย่าได้ให้ลูกเอื้อมคว้า หรือแขวนโมบายที่ลูกสามารถเอื้อมมือถึงได้ และดูเวลาที่เขายืดแขนเพื่อคว้าจับ
สิ่งที่ต้องเตรียม : ของเล่นที่เป็นห่วง ของเล่นที่เขย่าแล้วมีเสียง สีสันสดใสที่เหมาะกับวัย
พัฒนาการที่ได้: การเคลื่อนไหว การประสานสัมพันธ์มือ และตา
พลังแห่งดอกไม้
ลูกน้อยอายุได้ 3 เดือน จะพยายามใช้ประสาทสัมผัสด้านการดมกลิ่น เพื่อแยกแยะความแตกต่างระหว่างคนที่เขารู้จัก และคนแปลกหน้า ลองนำของที่มีกลิ่นหลาย ๆ แบบมาให้ลูกลองดมดุ เช่น กลิ่นดอกไม้ กลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นคุกกี้ แล้วดูว่ากลิ่นแบบไหนที่ลูกชอบ
สิ่งที่ต้องเตรียม : ดอกไม้ เครื่องเทศ คุกกี้ หรือสิ่งอื่นๆ ที่มีกลิ่นหอม
พัฒนาการที่ได้: การดมกลิ่น
สัมผัสจับดู
ทักษะด้านการสัมผัสของลูกกำลังพัฒนาขึ้น คุณจะเห็นว่าลูกสนุกกับการสำรวจทุกอย่างรอบตัวโดยการสัมผัส และรู้สึกด้วยมือ และนิ้ว กระตุ้นให้ลูกรู้จักแบ่งประเภทผิวสัมผัสที่แตกต่างกัน เช่น ผ้ากำมะหยี่นุ่ม ผ้าฝ้ายขนปุย หนังผิวเรียบ ผิวสัมผัสขรุขระ และอื่น ๆ
สิ่งที่ต้องเตรียม : สิ่งต่าง ๆ ที่มีผิวสัมผัสแตกต่างกัน
พัฒนาการที่ได้: การสัมผัส การเคลื่อนไหว
ด้านโภชนาการของลูกวัย 3 เดือน
จากการศึกษาได้พบว่า การให้ลูกรับประทานอาหารแข็งเร็วมากจนเกินไปอาจจะเป็นผลอันตรายต่อลูกน้อยของคุณในวัย 3 เดือนได้ เมื่อต้องเลี้ยงลูกน้อยวัย 3 เดือน ควรให้ลูกน้อยรับประทานนมแม่ต่อไปเนื่องจากการดื่มนมแม่นั้นมีสารอาหารที่ครบถ้วนที่ทารกวัย 3 เดือนต้องการ หากคุณแม่คนไหนที่ไม่สามารถให้นมลูกน้อยดื่มได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ทางเลือกเดียวคือนมสูตร โดยทางเด็กวัย 3 เดือนที่เป็นผู้ชายต้องการ 644.6 แคลอรี่ต่อวัน ส่วนผู้หญิงต้องการ 609 แคลอรี่ต่อวัน โดยประมาณนมแม่ หรือนมสูตรสำหรับลูกน้อยของคุณแม่ มีดังนี้
- นมแม่ : 19.3 – 30.4 ออนซ์/วัน
- สูตร : 24 ออนซ์/วัน
เนื่องจากลูกน้อยของคุณนั้นยังไม่มีระบบย่อยอาหารที่สมบูรณ์จึงมีโอกาศสูงที่ลูกจะไม่สามารถแปรรูป หรือย่อยอาหารที่แข็งได้ การที่ให้ลูกกินของแข็งมากจนเกินไปอาจจะนำไปสู่โรคอ้วน หรือกระตุ้นปฏิกิริยาภูมิแพ้ที่เป็นไปได้ ทำให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร หรือแม้แต่อันตรายจากการสำลักซึ่งอาจจะทำเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนี้ อย่าลืมว่าทารกที่กำลังเติบโตไม่ได้ต้องการเพียงแค่อาหารเพื่อที่จะบำรุงร่างกายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทารกยังต้องการการนอนหลับที่เพียงพออีกด้วย
เคล็ดลับสำหรับพ่อแม่
คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ อาจจะได้รับคำแนะนำมากมายในการเลี้ยงดูชูกจากคนรู้จักที่หวังดีกับคุณมากมาย แต่อยากที่จะให้คุณระวังเรื่องการอย่าบริโภคข้อมูลมากจนเกินไป ต่อไปนี้จะมาแนะนำเคล็บลับสำหรับคุณพ่คุณแม่ที่อาจจะเลี้ยงลูกไม่ค่อยเก่งกัน มีดังนี้
การเติบโตของลูก
คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตว่าลูกน้อยของคุณนั้นเริ่มที่จะตัวสูงขึ้น และผอมลง นั้นไม่ใช่ว่าลูกของคุณรับสารอาหารต่าง ๆ ไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะอยู่ในช่วงที่กระดูก และกล้ามเนื้อของลูกกำลังที่จะเติบโตขึ้น และแขนขาของลูกตอนนี้คลายออกได้มากขึ้นกว่าเมื่อก่อนแล้วด้วย
นอนหลับยาวตลอดคืน
แม้ว่าทารกส่วนใหญ่จะเริ่มนอนยาวเมื่ออายุได้ 3 เดือน แต่ก็ไม่จำเป็นว่าเด็กทุกคนจะต้องเหมือนกัน ลูกของคุณอาจจะยังไม่สามารถที่จะทำได้ในตอนนี้ก็เท่านั้นเอง
คุณอาจรู้สึกเหน็ดเหนื่อย อ่อนแรงจากการไม่ได้นอนตอนกลางคืนสะสมเรื่อยมาตั้งแต่หลังคลอด และคุณอาจได้รับคำแนะนำให้ปล่อยให้ลูกร้องไปเลย เดี๋ยวก็หลับไปเอง อย่างไรก็ตามวิธีดังกล่าวอาจไม่เหมาะกับลูกของคุณ และอาจขัดกับความเชื่อในการเลี้ยงลูกของคุณ ดังนั้น แนะนำให้เชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง และทำในสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้องดีกว่า
อย่าเพิ่งรีบให้อาหารเสริม
ที่บ้านคุณอาจมีคุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ที่พยายามจะป้อนอาหารเสริมให้กับหลานรัก เช่น อาหารเสริมสำเร็จรูป หรือกล้วยบด เพื่อให้อิ่มนานและหลับได้ยาวตลอดคืน แต่จากการศึกษาหลายต่อหลายชิ้นต่างยืนยันว่า การให้อาหารเสริมกับทารกเป็นอันตรายอย่างมาก เนื่องจากระบบย่อยอาหารของลูกยังไม่พร้อม จึงไม่สามารถย่อยอาหารอื่นได้นอกจากนม การให้อาหารเสริมก่อน 6 เดือนยังนำไปสู่การเป็นโรคอ้วนในเด็ก ก่อให้เกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้ ก่อให้เกิดปัญหาทางเดินอาหาร หรือแม้กระทั่ง อันตรายจากการสำลักอาหาร ซึ่งอาจะเป็นอันตรายถึงชีวิต
หากลูกวัย 3 เดือน เป็นแบบนี้ ปกติไหม
โดยปกติแล้ว เด็กทารกวัย 3 เดือน มีพฤติกรรมและพัฒนาการตามวัยหลายอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ควรสังเกต ซึ่งบางอย่างอาจเป็นเรื่องปกติของพัฒนาการเด็กในวัยนี้ แต่บางอย่างก็อาจจะเป็นสัญญาณของความผิดปกติที่ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือรับการรักษาจากแพทย์ค่ะ มีอะไรบ้าง มาดูกันค่ะ
หากลูกมีอาการ หัวแบน หรือ หัวเบี้ยว ในวัยนี้ ไม่ต้องตกใจไปค่ะ การหัวแบนไม่ได้ส่งผลเสียต่อทารกแต่อย่างใดค่ะ เมื่อโตขึ้นก็จะดูแบนหรือเบี้ยวน้อยลงไปได้เองค่ะ
ทั้งนี้ปัญหาลูกหัวแบนหัวเบี้ยวนั้น เกิดขึ้นมาจากท่านอนของลูก เช่น ท่านอนหงาย ซึ่งแม้ว่าจะเป็นท่านอนที่ปลอดภัยต่อเด็กมากที่สุด แต่หากนอนในท่านี้นาน ๆ จะทำให้ศีรษะของลูกถูกกดทับ และสามารถทำให้ลูกหัวแบนได้ ทางที่ดีควรลองพยายามเปลี่ยนท่านอนให้ลูกได้นอนหันข้าง สลับกันไปมาบ้าง และหมอนที่ใช้ก็ควรเป็นหมอนที่นิ่มกำลังดี ไม่มีรูหรือหลุมตรงกลางค่ะ
บางครั้งคุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตเห็นว่าลูกในวีย 3 เดือน มักดึงผมตัวเองบ่อย ๆ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ เป็นช่วงเวลาที่ทารกกำลังพยายามทำความรู้จักกับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ที่อยู่รอบตัว และตอบสนองต่อสิ่งต่าง ๆ ค่ะ เช่น อยากที่จะลองสัมผัสเส้นผม อยากเห็นเส้นผม ก็เลยพยายามจะดึงผมของตัวเอง
นอกจากนี้เด็กทารกมักจะดึงผมตัวเองเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น การรู้สึกตกใจกับเสียงต่าง ๆ หรือ แสงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวที่มากมายแสดงออกว่าต้องการที่เล่น หรือบ่งบอกถึงความรู้สึกเหนื่อยหรือหิว
ปกติแล้วทารกวัยแรกเกิด – 6 เดือน มักจะมีอุจจาระสีเหลืองหรือเหลืองเข้ม เนื่องจากช่วงวัยนี้จะกินแค่นมแม่เพียงอย่างเดียว เด็กที่กินนมแม่จึงมักจะมีอุจจาระสีเหลืองเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตเห็นว่าลูก 3 เดือนถ่ายเป็นสีเขียวบ้าง ก็ไม่ต้องตกใจไปนะคะ เด็กที่กินนมแม่หรือกินนมผง สามารถมีลักษณะอุจจาระเป็นสีเขียวได้บ้างในบางครั้งค่ะ โดยส่วนมากแล้ว อุจจาระสีเขียวมักจะเกิดจากยาหรือวิตามินที่ทารกกินเข้าไป หรืออาจมาจากยาหรือวิตามินที่แม่กินเข้าไป ส่งผ่านทางน้ำนม ก็เป็นสาเหตุที่สามารถทำให้ทารกอุจจาระเป็นสีเขียวได้เช่นเดียวกันค่ะ
ในช่วงวัยนี้ หากลูกมีอาการคอเอียง เราสามารถแบ่งอาการนี้ได้ออกเป็น 2 แบบ คือหัวเอียงปกติ หรือหัวเอียงแบบไม่ปกติ ซึ่งแบบประเภทที่ 2 นี่แหละค่ะ ที่จะต้องไปพบแพทย์
หัวเอียงปกติ หมายถึง การที่ศีรษะของเด็กเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง แต่ยังสามารถจะหันคอได้ จับศีรษะให้ตั้งตรงได้ ถือว่าปกติ ซึ่งลักษณะเช่นนี้มักเกิดจากการที่ลูกอยู่ในท่าเดิมนาน ๆ เช่น นอนตะแคง กินนมก็กินแต่ข้างเดียว การที่ลูกอยู่แต่ท่าเดิมแบบนี้นาน ๆ อาจทำให้คอเอียงได้ สามารถแก้ได้ด้วยการสลับฝั่งให้ลูกบ้าง
ส่วนปัญหาหัวเอียง คอเอียงที่ต้องไปพบแพทย์คือ มีปัญหาหัวเอียงแต่ไม่สามารถจับศีรษะให้ตั้งตรงได้ ไม่สามารถหันคอได้ กรณีเช่นนี้ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันทีค่ะ เพราะอาจมีความผิดปกติของกล้ามเนื้อคอ หรือความผิดปกติรุนแรงอื่น ๆ ได้
เด็กในวัย 3 เดือนจะชอบอมมือ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไปค่ะ เพราะการอมมือจะช่วยทำให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย สงบ และปลอดภัย อาการอมมือก็จะค่อย ๆ หายไปได้ เมื่อลูกมีอายุมากขึ้นเองตามช่วงวัยอื่น ๆ ค่ะ สิ่งที่ควรระวังเป็นอย่างยิ่ง คือนิ้วมือที่สกปรก เพราะอาจจะทำให้ทารกได้รับเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกายได้ ทางที่ดีคุณพ่อคุณแม่อาจทดแทนได้ ด้วยการใช้จุกนมปลอมแทนค่ะ
เมื่อไหร่ที่ควรกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อย
แม้ว่าเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ไม่เท่ากัน แต่คุณแม่ก็ควรสังเกตพัฒนาการบางอย่างที่อาจผิดปกติสำหรับลูกน้อยวัย 3เดือน เช่น
- ไม่ตอบสนองต่อเสียงดัง เช่น เสียงปิดประตู เสียงสัญญาณกันขโมย
- ไม่สนใจมองมือตัวเอง
- ไม่ยิ้มตอบเมื่อได้ยินเสียงของแม่
- ไม่มองตามวัตถุที่เคลื่อนที่
- ไม่คว้าจับ และถือวัตถุ
- ไม่ยิ้มให้คนอื่น
- ไม่สามารถควบคุมศีรษะได้
- ไม่เอื้อมมือเพื่อคว้าของเล่น หรือสิ่งต่างๆ รอบตัว
- ไม่พูดอ้อแอ้ หรือไม่พูดภาษาทารก ไม่เลียนแบบเสียงที่คุณทำ
- ไม่เอาของเข้าปาก
- กรอกตาข้างเดียว หรือทั้งสองข้างไปในทิศทางต่างๆ ได้อย่างลำบาก
- ไม่สบตา
- ไม่สนใจใบหน้าใหม่ๆ หรือ ดูเหมือนกลัวใบหน้าใหม่และสิ่งรอบตัวอย่างมาก
หากลูกน้อยมีอาการดังกล่าวข้างต้น หรือคุณแม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับพัฒนาการของลูก แนะนำให้ปรึกษาพบกุมารแพทย์เพื่อตรวจหาความผิดปกติโดยเร็วค่ะ
ลูกน้อยวัย 3 เดือนของคุณทำอะไรได้บ้างแล้วคะ โชว์พัฒนาการของลูกได้ที่ช่องคอมเมนต์ด้านล่างเลยค่ะ
ที่มา sg.theasianparent.com, Enfababy
บทความที่น่าสนใจอื่น ๆ
ทำไมเจ้าตัวเล็กถึงชอบร้องและตื่นนอนตอนกลางคืน?
“แม่หลายคนให้ลูกกินอาหารแข็งเร็วไป” กรมป้องกันและควบคุมโรคเผย
12 ลักษณะอุจจาระทารก อึของเบบี๋แต่ละแบบบอกอะไรคุณแม่ได้บ้าง
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!