การคลอดแบบผ่าท้อง กับ คลอดธรรมชาตินั้นแตกต่างกัน แน่นอนว่าการดูแลหลังคลอด ก็แตกต่างกันไปด้วย การดูแลหลังผ่าท้อง กับ หลังคลอดธรรมชาติ แตกต่างกันอย่างไร แผลผ่าตัด การดูแลทำความสะอาด อาบน้ำ การกำจัดน้ำคาวปลา ต้องทำอย่างไรบ้าง
การดูแลหลังผ่าท้อง
1. แผลผ่าตัด คุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย ไม่ต้องตัดไหม ปิดไว้ด้วยปลาสเตอร์กันน้ำ แผลจะหายประมาณ 7 วัน หากเย็บด้วยไหมธรรมดา ให้ไปตัดไหมเมื่อครบ 7 วัน หากเจ็บแผลขณะเคลื่อนไหว คุณแม่อาจจะใช้ผ้ารัดหน้าท้องช่วยพยุงไว้จะช่วยให้หลับสบายขึ้น
2. การอาบน้ำ ทำความสะอาด ห้ามให้แผลโดนน้ำ คุณแม่สามารถอาบน้ำได้เมื่อครบ 3 วันโดยไม่เป็นอันตรายกับแผล แต่ถ้ากลัวแผลโดนน้ำ ควรใช้วิธีการเช็ดตัวแทนการอาบน้ำ และรอให้ครบ 7 วันก่อน ถ้าสังเกตว่ามีน้ำซึมเข้าแผล ให้ไปเปลี่ยนปลาสเตอร์ปิดแผล
3. การกำจัดน้ำคาวปลา หากผ่าท้อง หลังจากคลอดลูก และคลอดรกแล้ว คุณหมอจะเช็ดทำความสะอาดมดลูก เพื่อให้มั่นใจว่าได้กวาดเอาชิ้นส่วนของรกออกมาให้หมด ไม่ให้มีเหลือตกค้างอยู่ ซึ่งเป็นการช่วยให้เยื่อบุหรือน้ำคาวปลาส่วนใหญ่หลุดลอกออกไป ตั้งแต่เสร็จสิ้นการผ่าตัดแล้ว แต่คุณแม่ก็อาจจะยังคงมีน้ำคาวปลาเหลืออยู่บ้าง ในวันแรก ๆ จะมีสีแดงสด และมีปริมาณมาก หลังจากนั้นจะมีสีอ่อนลงและปริมาณลดลง
4. ใส่สายสวนปัสสาวะ ถ้าผ่าท้องคลอด ใน 12-24 ชั่วโมงแรก คุณแม่จะมีสายสวนปัสสาวะอยู่ หลังจากหมอเอาสายสวนปัสสาวะออกแล้ว คุณแม่ต้องปัสสาวะเองภายใน 6 ชั่วโมง เมื่อสามารถปัสสาวะได้เองแล้ว ต้องทำความสะอาดอย่างดี ในระยะแรกลำไส้ใหญ่อาจจะยังไม่ขยับตัวเพราะได้มีการสวนอุจจาระก่อนที่จะผ่าคลอด แต่ถ้าวันที่ 3 แล้วยังไม่ถ่าย ควรต้องใช้ยาถ่ายช่วย
5. การเคลื่อนไหว ขยับตัว 1 หนึ่งวันหลังคลอด สามารถขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบทได้ ควรลุกออกจากเตียง อย่างน้อย 2 ครั้ง และในวันที่ 2 ควรเดินไปมาได้ แต่การผ่าท้อง ผ่าตัดคลอดอาจทำให้คุณแม่เจ็บแผลหลังคลอดมากและนานกว่าการคลอดธรรมชาติ บางคนผ่านมา 3-5 วันแล้วยังเคลื่อนไหว ลุกเดินลำบาก
6. การกินอาหาร หลังผ่าคลอด โดยทั่วไปจะงดน้ำ และอาหารประมาณ 12-24 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัด ในวันถัดมาสามารถดื่มน้ำ รับประทานอาหารเหลว และอาหารอ่อนได้ พร้อมกับหยุดให้น้ำเกลือ หลังจากนั้นก็กินอาหารได้ปกติ
7. ให้ยาแก้ปวด ภายหลังผ่าตัด 24 ชั่วโมงแรก จะได้รับยาแก้ปวดชนิดฉีดเข้าหลอดเลือด หรือเข้ากล้ามเนื้อ หลังผ่าคลอด วันที่ 2-3 มักเปลี่ยนจากยาฉีด เป็นยากิน เช่น พาราเซตามอลธรรมดาได้ หรืออาจเสริมด้วย NSAID เช่น โวลทาเรน (Voltaren) ถ้าคุณแม่ยังปวดแผลมากอยู่
การดูแลหลังคลอดธรรมชาติ
1. แผลฝีเย็บ คุณหมอจะเย็บด้วยไหมละลาย แผลจะหายประมาณ 7 วัน แต่อาจจะรู้สึกเจ็บประมาณ 2 สัปดาห์
2. การอาบน้ำ ทำความสะอาด คุณแม่อาบน้ำทำความสะอาดได้ หลัง 12-24 ชั่วโมง โดยใช้น้ำและสบู่ล้างจากด้านหน้าไปด้านหลัง และซับให้แห้งเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อย ๆ ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด หรืออาบน้ำในอ่าง
3. การกำจัดหน้าคาวปลา ถ้าคลอดปกติ สิ่งที่จะช่วยให้เกิดการขับน้ำคาวปลาได้ดี คือการขยับตัวให้เร็ว ควรขยับตัวให้ได้ภายใน 24 ชม. การเคลื่อนไหว การขยับตัวได้เร็วจะช่วยทำให้น้ำคาวปลาไหลได้สะดวกยิ่งขึ้น
4. ไม่ต้องใช้สายสวนปัสสาวะ หลังคลอด 8 ชั่วโมง คุณแม่ควรถ่ายปัสสาวะได้เอง แต่บางคนจะถ่ายปัสสาวะลำบากใน 1-2 วันแรกหลังคลอด เนื่องจากความตึงตัวของ กล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่มีกำลัง หรือยืดมากเกินไป ท้าให้ปัสสาวะคั่งหรือถ่ายลำบาก
5. ลุกนั่ง ขยับตัวได้หลังคลอด คลอดธรรมชาติ หลังคลอดวันเดียวก็ขยับตัว หรือลุกเดินได้แล้ว และการเคลื่อนไหวร่างกาย และเดินไปเดินมาจะช่วยให้มดลูกเข้าอู่ได้ดีขึ้น
6. การกินอาหาร ควรเน้นอาหารที่มีเส้นใย เช่น ผักผลไม้สด ป้องกันอาการท้องผูก ดื่มน้ำมาก ๆ เน้นอาหารบำรุงน้ำนม เพื่อให้มีน้ำนมสำหรับลูก
7. การให้ยาระงับปวด ถ้าคุณแม่ปวดมาก คุณหมอจะให้ยาแก้ปวดเป็นยารับประทาน เพื่อระงับการปวดแผลที่ฝีเย็บ เช่น ยาพาราเซตามอล (Paracetamol)
การดูแลหลังผ่าท้อง
การดูแลหลังผ่าท้อง ต่างจากการคลอดธรรมชาติอย่างไร
- การดูแลแผลผ่าท้องห้ามโดนน้ำ แต่คลอดธรรมชาติสามารถโดนน้ำ อาบน้ำได้
- ผ่าท้องต้องมีสายสวนปัสสาวะ คลอดธรรมชาติไม่ต้องใช้สวนปัสสาวะ
- การผ่าท้อง น้ำคาวปลาจะน้อยกว่า เพราะมีการเอาออกไปบ้างตอนผ่าท้องคลอด
- ผ่าท้องเจ็บแผลมากกว่า นานกว่า คลอดธรรมชาติแผลเล็ก เจ็บแผลน้อยกว่า
- คุณแม่ที่ผ่าท้องคลอดมักให้นมลูกได้ลำบาก หรือช้ากว่า ถ้ามีอาการเจ็บแผลผ่าคลอด
ถ้าหากคุณเป็นคุณแม่สายโซเชียล ชอบเล่น Facebook หาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
มาร่วม join กรุ๊ป เพื่อบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆ ใน คลับแม่ผ่าคลอด (C Section Club) กันได้นะคะ
เคลียร์ทุกข้อสงสัย เจาะลึกทุกประเด็นของคุณแม่ผ่าคลอด
ค้นหาคำตอบกันได้ที่ “คลับแม่ผ่าคลอด” คลิก!! https://bit.ly/32T4NsU
ที่มา (rtcog) (paolohospital) (baby.kapook) (med.cmu) (samitivejhospitals)
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!