จากกรณีที่มีการแชร์โพสต์เคนเด็กวัย 7 เดือนที่กระดูกขาส่วนปลายหักสองชิ้นข้างขวาจนต้องใส่เฝือกนั้น สาเหตุเกิดจากความหวังดี ที่กลัวลูกหลานขาโก่ง จึงลงมือ ดัดขาลูก ให้ จนน้องมีอาการร้องไห้งอแงทุกครั้งที่จับขาน้อง เมื่อพาไปหาหมอ ผลเอ็กซเรย์ออกมาว่า ดัดขาลูก ส่งผลให้กระดูกขาส่วนปลายหักสองชิ้นข้างขวา ทำให้หนูน้อยรายนี้ต้องเข้าเฝือก
ดัดขาลูก-1
เคสนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่ง เพราะปกติแล้วนั้น ทารกแรกเกิดคลอดออกมาขาจะโก่งกันแทบทุกคน เพราะด้วยสรีระขอทารกตอนอยู่ในท้องนั้น พวกเขาจะต้องนอนคุดคู้ม้วนตัวอยู่ภายในท้องของคุณแม่ จึงเป็นธรรมดาเมื่อทารกออกมาขาจะโก่ง แต่เมื่อพวกเขาโตขึ้นร่างกายก็จะพัฒนาและขาตรงเองได้ในที่สุด
ส่วนเด็กที่ขาโก่งนั้น สาเหตุส่วนหนึ่งก็เกิดจากกรรมพันธุ์ เพราะฉะนั้นจึงไม่จำเป็นต้องไปดัดขาพวกเขานะคะ แต่ทั้งนี้ขาโก่งของเด็กก็มีแบบที่ไม่ปกติด้วยเช่นกัน
จะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กขาโก่งแบบปกติ
ดัดขาลูก-2
ตามรูปด้านบนนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงเด็กที่มีขาโก่งโดยธรรมชาติที่เป็นมาตั้งแต่เกิด
โดยภาพที่ 1A ลักษณะขาเด็กจะโก่งออกนอก เข่าทั้งสองข้างจะห่างกัน และข้อเท้าชิดกัน ซึ่งลักษณะนี้จะเกิดขึ้นในเด็กทุกคนหลังจากคลอดออกมาใหม่ๆ ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งอาจมาจากการที่เด็กเจริญเติบโต หรือขดตัวอยู่ในมดลูกของคุณแม่ซึ่งมีลักษณะกลมๆ
ภาพที่ 2B เมื่อเด็กอายุได้ประมาณ 2 ขวบ ขาเด็กจะตรงขึ้น
ภาพที่ 3C เมื่อเด็กอายุได้ 3 ขวบ ขาเด็กมีลักษณะเป็นขาเป็ด
ภาพที่ 4D เมื่อเด็กอายุได้ 7 ขวบ ขาเด็กจะกลับมาตรงเป็นปกติเหมือนขาผู้ใหญ่
ตามภาพนี้จะแสดงให้เห็นว่าเป็นขาโก่งที่ปกติ คือสามารถหายได้เองตามธรรมชาติเมื่อเด็กโตขึ้น
ดัดขาลูก-3
การสังเกตว่าเด็กขาโก่งผิดปกติ
แน่นอนว่าภาวะขาโก่งในเด็กนั้นเป็นไปตามธรรมชาติตั้งแต่แรกคลอด แต่หากเมื่อลูกอายุได้ 2 ขวบ ขาไม่ตรงคือยังคงเป็นลักษณะขาโก่งอยู่(ตามรูป1A) และสามขวบก็โก่งมากขึ้น แนะนำว่าไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เพราะเมื่อลูกอายุโตขึ้นขาก็จะยิ่งโก่งมากขึ้น ผลทางสุขภาพที่ตามมาคือจะเจ็บปวดตรงหัวเข่า และข้อเข่าจะเสื่อม
วิธีการรักษาเด็กขาโก่งที่ผิดปกติ
ในเด็กที่มีภาวะขาโก่งที่ผิดปกติคือไม่สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ การรักษาจะใช้วิธีการผ่าตัด โดยตัดแต่งกระดูกให้ตรง ใส่เฝือกขารอกระดูกติด เป็นวิธีรักษาที่ได้ผลมากที่สุด ยิ่งหากเป็นเด็กเล็กอายุน้อยๆ การผ่าตัดจะรักษาได้หายเร็วกว่าเด็กที่อายุโต เพราะเด็กเล็กๆ กระดูกจะติดเร็ว หลังผ่าตัดคุณหมอจะใส่เฝือกให้ประมาณ 1-2 เดือน จากนั้นจะฝึกกายภาพให้เด็ก ยืน เดิน ออกกำลังกายเบาๆ ให้กล้ามเนื้อฟื้นความแข็งแรง ขาก็จะตรงเดินได้ตามปกติ
ความเชื่อว่าดัดขาลูกแต่เล็ก ขาจะไม่โก่งจริงหรือ?
ความเชื่อว่าดัดขาลูกแต่เล็ก ขาจะไม่โก่งจริงหรือ? โดยธรรมชาติแล้ว เด็กแรกเกิด แทบทุกคน จะเกิดมาพร้อมกับขา ที่โก่ง ซึ่งเรียกว่าโก่ง แบบธรรมชาติ และ ขาที่แม่ดูโก่ง ๆ โค้ง ๆ นั้นจะเริ่มเข้าที่ เมื่อลูกมีอายุประมาณ 2 ขวบ แต่อีกภาวะหนึ่ง เรียกว่าเป็น โรคขาโก่ง ที่เด็กจะมี ลักษณะขาโก่งออกด้านนอก หัวเข่าไม่ชิดกัน เวลาเดิน ขาจะถ่าง ๆ ออกจากกัน แบบนี้ จะไม่สามารถหายได้เอง หากสังเกตว่า เมื่อลูกอายุถึง 2 ขวบแล้ว แต่ขายังโก่งผิดปกติอยู่ แนะนำว่า อาการแบบนี้ ควรพาเจ้าตัวเล็กไปหาหมอ เพื่อตรวจแต่เนิ่น ๆ ไม่ควรปล่อยทิ้งเอาไว้นะคะ เพราะเมื่อลูก อายุมากขึ้น ขาจะยิ่งโก่งมากขึ้น เกิดผลเสียต่อสุขภาพ ตรงหัวเข่า และ ข้อเข่าของลูกได้ ความเชื่อที่ว่า ดัดขาลูกตั้งแต่เล็ก พยายามดัดขาลูก ให้ตรงนั้น จะช่วยแก้ปัญหาขาโก่ง ทำให้ลูกมีขาที่ ตรงสวย จริง ๆ แล้วตามหลักการแพทย์ ถือว่าเป็นความเชื่อ ที่ไม่ถูกต้อง และ ไม่ควรทำ เพราะขาของลูกน้อย ยังมีพัฒนาการไม่เต็มที่ การดัดขาลูก หากทำผิดวิธี อาจทำให้เกิดอันตรายแก่ลูกน้อยได้
วิธีสังเกตว่าเจ้าตัวน้อยขาโก่ง หรือไม่
- จับลูกนอน เหยียดขาตรง จับข้อเท้าให้ชิดกัน จับเข่าให้กระดูกสะบ้าหัวเข่า ทั้ง 2 ข้าง หันตรงไปด้านหน้า
- วัดระยะ ระหว่างหัวเข่าด้านใน ทั้งสองข้าง ไม่ควรห่างเกิน 8 ซม.
- ถ้าช่องว่างระหว่างขา มีความห่างมากกว่า 8 ซม. ในช่วงที่อายุเกิน 2 ขวบควรพาลูก ไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อหาสาเหตุ และ รักษาอาการ อย่างถูกวิธีนะคะ
- สังเกตการเดินของลูกว่า มีการเดินกระเผลก เดินได้สะดวก หรือไม่ หรือ มีอาการเท้าปุก ร่วมด้วย หากพบความผิดปกติ ก็ควรหาลูกไปหาคุณหมอ เพื่อตรวจให้ละเอียดเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากลูกอายุยังไม่เกิน 2 ขวบ คุณแม่ อาจจะเห็นว่าลูกมีขาโก่ง แต่การเดินปกติ ไม่มีอาการอื่น ร่วมด้วย ถือว่าเป็นธรรมชาติ ที่เด็กทุกคนต้องเป็น ตั้งแต่แรกเกิดอยู่แล้ว และ จะเริ่มเข้าที่ดี เมื่อโตขึ้น ไม่ควรไปดัดขาลูก หรือ วิตกกังวลไปก่อน สิ่งสำคัญก็คือการดูแลลูก ให้มีสุขภาพที่แข็งแรง และ เสริมพัฒนาการด้านร่างกาย ที่เหมาะสมให้ กับลูกน้อยตามวัยกันนะคะ
ลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ กับ theAsianparent Thailand ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก มาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ว่าลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และ ลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแลทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ
ที่มา: เพจสมาคมแชร์ประสบการณ์การเป็นคุณแม่ และคุณแม่ตั้งครรภ์
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
10 ความเชื่อหลังคลอดเกี่ยวกับทารก
ดื่มเหล้าไม่รู้ว่าท้อง ลูกจะพิการไหม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!