theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • Project Sidekicks
    • การตั้งครรภ์
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • การสูญเสียทารก
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • สุขภาพ
    • อาการป่วย
    • วัคซีน
    • โภชนาการสำหรับครอบครัว
  • ชีวิตครอบครัว
    • ประกันชีวิต
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ความปลอดภัย
    • มุมคุณพ่อ
  • การศึกษา
    • ข่าวการศึกษา
    • คลีนิกพัฒนาการ
    • เตรียมความพร้อมก่อนวัยเรียน
    • โรงเรียนอนุบาล
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • งานบ้าน
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • ดวงและราศี
    • ดารา-แฟชั่น
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ฟิตเนส
    • อีเว้นท์
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL

เมื่อไหร่ควรลงโทษลูกแบบ time in หรือ time out

บทความ 3 นาที
•••
เมื่อไหร่ควรลงโทษลูกแบบ time in หรือ time outเมื่อไหร่ควรลงโทษลูกแบบ time in หรือ time out

คุณแม่คุณพ่อหลายท่านคงเคยได้ยินหรือรู้จักคำว่า Time out กันมาบ้าง “Time out” เป็นการลงโทษเด็กวิธีหนึ่ง เพื่อเลี่ยงการลงโทษด้วยการตี และจะใช้เมื่อเด็กมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ โดยการนำเด็กยืนหรือนั่งเก้าอี้ แล้วให้หันหน้าเข้ามุมใดมุมหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์โดยให้อยู่ในสายตาพ่อแม่ ระหว่าง time in vs. time out แตกต่างกันอย่างไร ใช้วิธีไหนถึงจะเหมาะสมกับลูก

ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่า การ Time out ไม่ใช่การขังในห้องน้ำ ห้องนอน หรือห้องสำนึกผิดใด ๆ เพียงลำพัง เพราะหลักการของ  time out คือ การให้เด็กได้เรียนรู้ว่า พฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของการ time out คือ พฤติกรรมที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ เป็นพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ และกรณีที่มีอารมณ์โกรธ มีการโวยวาย จะได้สงบสติอารมณ์ได้ด้วยตนเอง โดยให้สงบอยู่นานเป็นนาทีเท่าจำนวนอายุ เช่น อายุ 5 ปี ให้สงบนาน 5 นาที  หากยังโวยวายก็จะยังไม่นับเวลา เมื่อสงบแล้วค่อยคุยกันต่อ  การให้เด็กอยู่ตามลำพังในห้อง อาจทำให้เด็กเบี่ยงเบนไปเล่นสนุกสนาน ไม่เกิดการสำนึกผิด หรือบางคนอาจกลัว กังวล ซึ่งผิดหลักการของการทำให้จิตใจสงบ นอกจากนี้กุศโลบายที่ซ่อนอยู่ใน  Time out คือพ่อแม่เองก็ได้ สงบสติอารมณ์ด้วย จะได้มีสติในการจัดการพฤติกรรมเด็กได้ดีขึ้น

ข้อควรรู้ การลงโทษลูกแบบ time in vs. time out

ส่วนการทำ Time in คือการแยกเด็กออกมาจากจุดเกิดเหตุ  เช่นเดียวกับ Time out แต่ด้วยท่าทีที่นุ่มนวลกว่า ซึ่งจะแตกต่างจาก Time out ที่เป็นภาพของการแยกเพื่อลงโทษชัดเจน  การทำ Time in จะให้พ่อแม่อยู่ด้วย อาจกอด ปลอบ ทำให้เด็กสงบ ไม่รู้สึกถูกทอดทิ้ง หรือถูกลงโทษ ร่วมกับพ่อแม่เปิดโอกาส  ให้เด็กได้พูดระบายความรู้สึก ในขณะเดียวกันก็สอนให้เด็กฝึกสงบสติอารมณ์ของตนเอง  มีการพูดคุยถึงพฤติกรรมที่ควรทำ  เช่น หากครั้งถัดไปหากมีอารมณ์เช่นนี้ควรมีพฤติกรรมอย่างไร สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ เด็กรับรู้ได้ว่า พ่อแม่เข้าใจอารมณ์และความต้องการตนเอง ไม่รู้สึกอับอายหรือหวาดกลัว  มีสัมพันธภาพที่ดี  สามารถเรียก Time in ว่า Positive Time out  หรือ Time out เชิงบวก ซึ่งผู้ที่สนับสนุนการปรับพฤติกรรมโดยการทำ Time in กล่าวว่าการทำ Time in จะทำให้พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ลดน้อยลง

อย่างไรก็ตาม หากจะเลือกใช้การปรับพฤติกรรมโดย Time in  มีข้อพิจารณาและควรระวังดังต่อไปนี้  คือ พ่อแม่ต้องมั่นใจว่า การทำ Time in ไม่ใช่การให้รางวัลเด็ก ยกตัวอย่างเช่น พี่ตีน้อง หลังจากนั้นแม่นำพี่ออกมามุมสงบแล้วกอด พูดคุย ปลอบใจพี่ให้หายโกรธน้อง จะกลายเป็นว่า พี่ได้รับความสนใจมากกว่าน้องทุกครั้งเมื่อมีพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว พฤติกรรมใดที่ได้รับความสนใจพฤติกรรมนั้นจะคงอยู่  ไม่หายไป อีกข้อควรระวังหนึ่ง คือ อารมณ์ของพ่อแม่ในขณะที่จะทำ Time in ต้องสงบเพียงพอ ไม่เช่นนั้นหากเข้ามุม Time in เพื่อพูดคุย แต่เด็กยังโวยวายอยู่ อาจพูดคุยไม่เข้าใจกัน การแสดงอารมณ์โกรธใส่กันอาจยืดเยื้อยิ่งกว่าเดิม

ดังนั้นการจะใช้ Time in หรือ Time out คงต้องเลือกเป็นกรณีไป เช่น อาละวาดตีน้องต้อง Time out แต่แม่ใช้ให้เก็บของเล่น ร้องไห้ไม่ยอมเก็บ อาจใช้ Time in แต่สิ่งที่สำคัญมากกว่าทั้ง Time in และ Time out คือ “Tune in”

 “Tune in”  คือการให้ความสนใจกับลูกในช่วงที่เป็นเวลาดี ๆ อารมณ์ดี ให้ความสนใจในพฤติกรรมดี แม้ว่าเพียงเล็กน้อย เช่น วันนี้หนูทำตัวน่ารักมากเลย ไม่แกล้ง ไม่ตีน้องเลย เป็นต้น ลูกจะยิ่งทำพฤติกรรมดี เพราะรู้สึกดีที่พ่อแม่ชม รวมถึง ช่วงเวลาคุณภาพของพ่อแม่ลูก โดยการทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกัน พูดคุยเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน  สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้สัมพันธภาพดีขึ้น จะทำให้เด็กอยากร่วมมือกับพ่อแม่มากขึ้น ส่งผลให้พฤติกรรมไม่พึงประสงค์ลดลงได้อย่างชัดเจน

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
Time out ลงโทษแบบสงบแต่สยบลูกน้อยอย่างได้ผล

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

บทความโดย

Napatsakorn .R

  • หน้าแรก
  • /
  • ชีวิตครอบครัว
  • /
  • เมื่อไหร่ควรลงโทษลูกแบบ time in หรือ time out
แชร์ :
•••
  • Time out ลงโทษแบบสงบแต่สยบลูกน้อยอย่างได้ผล

    Time out ลงโทษแบบสงบแต่สยบลูกน้อยอย่างได้ผล

  • วิธีฝึกลูกนอนคว่ำ เสริมพัฒนาการด้วยการใช้หน้าท้อง ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก

    วิธีฝึกลูกนอนคว่ำ เสริมพัฒนาการด้วยการใช้หน้าท้อง ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก

  • อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

    อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

app info
get app banner
  • Time out ลงโทษแบบสงบแต่สยบลูกน้อยอย่างได้ผล

    Time out ลงโทษแบบสงบแต่สยบลูกน้อยอย่างได้ผล

  • วิธีฝึกลูกนอนคว่ำ เสริมพัฒนาการด้วยการใช้หน้าท้อง ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก

    วิธีฝึกลูกนอนคว่ำ เสริมพัฒนาการด้วยการใช้หน้าท้อง ต้องทำแบบนี้ถึงจะถูก

  • อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

    อันตราย!! อย่าปล่อยให้ลูกลิ้มลองแอลกอฮอล์แม้แต่นิดเดียว

  • ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

    ชื่อลูกต้องห้าม ชื่อไหนห้ามตั้งให้ลูก ชื่อลูกความหมายไม่ดี ตั้งแล้วผิดกฎหมาย

  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การตั้งชื่อลูก
    • โภชนาการระหว่างตั้งครรภ์​
    • การคลอดบุตร
    • หลังคลอดบุตร
  • ช่วงวัยของเด็ก
    • ทารก
    • วัยเตาะแตะ
    • เด็กเล็ก
    • เด็กวัยเรียน
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การเงิน การวางแผนครอบครัว
    • โรงเรียนพ่อแม่
    • เซ็กส์และความสัมพันธ์
  • การตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • นมแม่และนมผง
  • ไลฟ์สไตล์​
    • ข่าว
    • ดวงและราศี
    • กิจกรรมของครอบครัว
    • ดารา-แฟชั่น
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore
  • Thailand
  • Indonesia
  • Philippines
  • Malaysia
  • Sri Lanka
  • India
  • Vietnam
  • Australia
  • Japan
  • Nigeria
  • Kenya
พันธมิตรของเรา
Mama's Choice Partner Brand Logo
© Copyright theAsianparent 2021. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้
บทความ
  • สังคมออนไลน์
  • COVID-19
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • ช่วงวัยของเด็ก
  • สุขภาพ
  • ชีวิตครอบครัว
  • การศึกษา
  • ไลฟ์สไตล์​
  • วิดีโอ
  • ชอปปิง
  • TAP IDOL
เครื่องมือ
  • ?คอมมูนิตี้สำหรับคุณแม่
  • ติดตามการตั้้งครรภ์
  • ติดตามพััฒนาการของลูกน้อย
  • สูตรอาหาร
  • อาหาร
  • โพล
  • VIP Parents
  • การประกวด
  • โฟโต้บูท

ดาวน์โหลดแอปของเรา

  • ติดต่อโฆษณา
  • เกี่ยวกับเรา
  • ทีม
  • กฎการใช้งานคอมมูนิตี้
  • ติดต่อเรา
  • ข้อกำหนดการใช้
  • มาเข้าร่วมกับเรา
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ?ฟีด
  • โพล
เปิดในแอป