แม่ท้องคลอดริมถนน แม่ใกล้คลอด อย่าลืมเช็ค สัญญาณคลอด ให้ดี : โซเชียลแห่แชร์กระหน่ำ หลังสมาชิกเฟสบุ๊ครายหนึ่ง ได้แชร์ภาพเหตุการณ์ที่ตนไม่คาดคิดมาก่อน โดยพลเมืองดีรายนี้เล่าว่า ตนกำลังจะไปรับเด็ก ๆ จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงร้อง นึกว่าสามีภรรยาทะเลาะกัน แต่ที่ไหนได้ กลับกลายเป็นพบ คุณแม่รายหนึ่ง กำลังร้องเสียงหลงแทน หลังจากนั้นไม่นาน ถุงน้ำคร่ำก็แตก และมีเสียงร้องของทารกร้องดังตามออกมา พบว่าทารกรายนี้ เป็นทารกเพศหญิง ที่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงครบถ้วนดี
โดยสมาชิกเฟสบุ๊ครายนี้ได้โพสท์ข้อความว่า “หัวใจจะวาย พี่กำลังจะไปรับเด็ก ๆ นึกว่าผัวเมียตีกัน ร้องเสียงดังมาก ที่ไหนได้ โผละ!! มือพี่นี่สั่นเลย หมอก็ไม่มาสักที ตำรวจก็ไม่รับโทรศัพท์ มีไว้ฉุกเฉินเพื่อ ?? น้องเป็นผู้หญิง สาธุ เฮง ๆ” งานนี้ อาจเป็นอุทาหรณ์สำหรับ แม่ใกล้คลอด เตรียมตัวสำหรับ สัญญาณคลอด เดือนสุดท้ายให้ดี
โพสท์จากสมาชิกเฟสบุ๊ค พลเมืองดี
ทีมงานดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ทุกคน ขอแสดงความยินดีกับคุณแม่รายนี้ด้วยนะคะ และขอขอบคุณในความมีน้ำใจของพลเมืองดีรายนี้ ที่เข้าช่วยเหลือคุณแม่ได้ทัน อย่างไรก็ดี จากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่สามารถยกเป็นตัวอย่างให้กับคุณแม่ใกล้คลอดทุกคน เพราะปัญหาของการจราจรที่ติดขัด อาจทำให้เหตุการณ์ดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นกับคุณแม่ใกล้คลอดได้ ดังนั้นนอกจากการที่เราจะต้องเผื่อเวลาเดินทางไว้ให้มากแล้ว การศึกษาสัญญาณใกล้คลอดให้ดี จึงเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติเป็นอย่างยิ่ง
สัญญาณคลอด เจ็บท้องเตือนเดือนสุดท้าย
1.เจ็บท้องเตือนไตรมาสสุดท้าย จะมีความรู้สึกว่าท้องแข็งเกร็งเป็นระยะ แต่อาการดังกล่าวไม่ถึงกับเจ็บปวดรุนแรง เพียงแต่จะรู้สึกแน่นๆ และอึดอัดอัด แต่ไม่เจ็บมากและเจ็บไม่นาน ครั้งละประมาณ 25 วินาที มักจะเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ หากได้นั่งหรือนอนในท่าสบายๆ อาการนี้ก็จะทุเลาลงและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
2.เจ็บท้องเตือนก่อนคลอด อาการ จะแตกต่างจากเจ็บท้องเตือนในช่วงระยะเวลาท้องในไตรมาสสุดท้ายที่มักจะเป็นๆ หายๆ การเจ็บท้องเตือนก่อนคลอดจะเกิดขึ้นก่อนประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนถึงกำหนด คลอด ถือเป็นการอุ่นเครื่องก่อนจะเจ็บจริง อาการนี้มักจะเจ็บถี่ขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณในการเตรียมพร้อมของร่างกาย คุณแม่ต้องเริ่มคอยสังเกตอาการที่เกิดขึ้นในระยะนี้
3.มีมูกเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด มูก เลือดที่ว่านี้เกิดจากร่างกายสร้างขึ้นเพื่อปิดปากมดลูกไว้เพื่อป้องกันไม่ ให้เชื้อโรคเข้าไปในมดลูกในระหว่างตั้งครรภ์ ถือเป็นปราการด่านแรกที่ปกป้องเจ้าตัวน้อยในครรภ์ เมื่อถึงช่วงเวลาใกล้คลอดเจ้ามูกเลือดนี้จะหลุดออกมาก่อน และอาจมีเลือดผสมออกมา เนื่องจากเกิดการแตกของเส้นเลือดเล็กๆ บริเวณปากมดลูก อาการแบบนี้เรียกว่าปากมดลูกเปิดแล้ว รีบคว้ากระเป๋าไปพบคุณหมอได้เลยค่ะ
4.น้ำเดิน หรือ ที่เรียกกันว่าถุงน้ำคร่ำแตก น้ำที่ออกมาจะเป็นลักษณะใสๆ คล้ายน้ำปัสสาวะ อาการถุงน้ำคร่ำแตกแสดงถึงมดลูกเริ่มบีบตัวหดเล็กลงเพื่อบีบให้ศีรษะของเด็ก เคลื่อนลงสู่อุ้งเชิงกราน หากคุณแม่เกิดอาการแบบนี้แล้ว ควรรีบไปโรงพยาบาลด่วน เพราะเป็นสัญญาณสำคัญของการคลอดที่กำลังจะมาถึง
5.การเจ็บท้องจริง คุณ แม่จะรู้สึกเจ็บเป็นระยะต่อเนื่องและถี่ขึ้น อาการเจ็บท้องจริงจะคล้ายกับตอนที่เจ็บท้องมีประจำเดือน แต่จะเริ่มปวดถี่แรงขึ้นเป็นจังหวะ การปวดระยะแรกจะนานประมาณ 1-2 นาที และจะเกิดในทุกๆ 10-15 นาที หลังจากนั้นจะเริ่มปวดกระชั้นเข้ามาทุก 5 นาที อาการแบบนี้คุณแม่เตรียมหิ้วกระเป๋าไปพบคุณหมอได้แล้วคะ เพราะนี่คือการส่งสัญญาณในการลืมตาดูโลกของเจ้าตัวน้อยนั่นเอง
รู้ไว้ใช่ว่า ท่าคลอดลูกเองเมื่อเจ็บท้องคลอดฉุกเฉิน
บทความ : รู้ไว้ใช่ว่า กับท่าคลอดลูกเอง สำหรับกรณีฉุกเฉิน!
ท่าที่ 1 ท่ายืน
mydoulaheart
เริ่มต้นด้วยการยืนแยกขาเล็กน้อย จับพนักเก้าอี้ไว้ หลังจากนั้นให้งอเข่าเล็กน้อย และหมุนสะโพกไปมาเป็นวงกลมหรือส่ายสะโพกไปมาทางซ้ายขวาก็ได้ ในขณะที่ทำอยู่นั้นก็ให้คุณแม่หายใจออกตามไปด้วยนะคะ เป็นจังหวะตามแบบการหายใจเบ่งคลอดค่ะ
ท่าที่ 2 ท่าคุกเข่า
ภาพจาก scotdir
ให้คุณแม่คุกเข่าลงกับพื้น มือทั้งสองข้างเท้าเอวไว้ แล้วจึงโยกสะโพกเป็นวงกลมหรือโยกสะโพกไทางซ้ายหรือขวาก็ได้ ท่านี้สามารถใช้ในเวลาที่คลอดในน้ำได้
ท่าที่ 3 ท่าคลาน
ภาพจาก mydoulaheart
ท่านี้เป็นท่าที่ปลอดภัยที่สุด เพราะทั้งหัวเข่าและมือจะพยุงตัวคุณแม่ไว้เต็มที่ ในขณะที่มดลูกทำงานบีบตัวมากขึ้นและถี่ขึ้น ท่านี้จะช่วยให้คุณแม่สามารถควบคุมความเจ็บปวดได้ดี และยังลดอาการปวดหลังอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น สิ่งที่ควรมาเป็นอย่างแรกก็คือ “สติ” รีบให้คนใกล้ตัวโทรหาศูนย์กู้ภัย หรือกู้ชีพไม่ว่าจะเป็น ศูนย์นเรนทร (เบอร์ 1669) สำหรับคุณแม่ที่อยู่ต่างจังหวัด และศูนย์เอราวัณ (เบอร์ 1646) สำหรับคุณแม่ที่อยู่ในกรุงเทพ
แต่ถ้าหากในระหว่างที่รอนั้น ไม่ทันจริง ๆ เพราะลูกน้อยอยากออกมาลืมตาดูโลกแล้วละก็ ปล่อยให้เขาออกมาเลยค่ะ ไม่ต้องไปอั้นไว้นะคะ เบ่งออกมา ถ้ารู้สึกว่าหัวศีรษะโผล่แล้ว ก็อย่าเบ่งเด็ดขาด เอามือประคองศีรษะของลูกไว้ แล้วก็เบ่งต่อ แต่ต้องอย่าลืมสังเกตให้ดีว่า รกไม่ได้พันอยู่ที่คอของลูกนะคะ ถ้าหากมีละก็ให้คุณแม่ค่อย ๆ เอานิ้วสอดเข้าไปแล้วแกะออกมาเบา ๆ ไม่ต้องตกใจค่ะ
หลังจากนั้นให้เอาลูกมาแนบอก ไม่ต้องไปสนใจว่าจะเลอะเทอะหรือไม่อย่างไร ถ้าหากลูกไม่ร้องให้คุณแม่สัมผัสตัวเขาเบา ๆ นะคะ พยายามให้ศีรษะของลูกนั้นอยู่ต่ำกว่าเท้า จากนั้นลูบหลังให้ลูกหายใจเอาน้ำคร่ำออกมา หากไม่ได้ผลก็ให้เป่าปากลูกต่อไปค่ะ เพื่อเป็นการให้ออกซิเจนกับลูก จากนั้นก็พยายามให้ลูกดูดนมนะคะ
ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าเพิ่งตัดสายสะดือโดยเด็ดขาด! เพราะการตัดสายสะดือนั้นจะต้องมั่นใจว่าสะอาดและปลอดเชื้อจริง ๆ
ที่มา :pregnant.thebump.com , หนังสือคู่มือ ตั้งครรภ์คุณภาพ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง สัญญาณใกล้คลอดที่ควรรู้
6 สาเหตุความเจ็บปวดระหว่างคลอด
น้ำเดินหรือปัสสาวะเล็ดกันแน่ สัญญาณคลอดที่แม่ท้องต้องสังเกต
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!