อยากทำประกันสุขภาพให้ลูก ไม่ต้องคิดนาน ประกันเด็ก ซื้อได้เลยไม่ต้องรอ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ อยากทำประกันสุขภาพให้ลูก อาจมีข้อสงสัยว่า เหตุใดเบี้ยประกันของเด็กเล็กจึงสูงกว่าของเด็กโต ซึ่งความแตกต่างของเบี้ยประกันนี้เอง เป็นสาเหตุให้คุณพ่อคุณแม่บางท่านตัดสินใจรอให้ลูกโตอีกสักนิด เพื่อให้เบี้ยประกันถูกลง จึงค่อยทำประกันให้ลูก ซึ่งจริง ๆ แล้ว สาเหตุที่ทำให้เบี้ยประกันของเด็กเล็กสูงกว่าเด็กโต ทั้ง ๆ ที่โดยส่วนมากเบี้ยประกันจะสูงขึ้นตามอายุของผู้ทำประกันนั้น มีดังนี้
- ระบบภูมิคุ้มกันของเด็กแรกเกิด – 5 ปี ยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์ จึงมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ ได้มากกว่า บ่อยกว่า และหนักกว่าเด็กโต
- เด็กเล็กยังไม่สามารถดูแลตัวเองได้ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากมาย
- เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังไม่สามารถสื่อสารได้ดีเท่าที่ควร ทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าไม่สบายตรงไหน หรือเจ็บป่วยมากน้อยเพียงใด
- จากสถิติพบว่ายอดเคลมประกันของเด็กเล็กวัยแรกเกิด – 5 ปี มีความเสี่ยงในการเคลมประกันมากกว่าเด็กโต
ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง ส่งผลให้เบี้ยประกันของเด็กวัยแรกเกิด – 5 ปี มีราคาแพงกว่าเด็กโต แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับค่ารักษาพยาบาลแต่ละครั้งที่สูงลิบลิ่วแล้ว อาจทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องหันมาพิจารณาความสำคัญในการทำประกันสุขภาพให้ลูกน้อยวันแรกเกิด – 5 ปี กันอย่างละเอียดถี่ถ้วน โดยไม่ต้องรอให้ลูกโต รอให้ลูกป่วย หรือเลือกทำประกันสุขภาพเด็กเล็กที่ค่าเบี้ยถูกลง แต่มีเงื่อนไขไม่ครอบคลุมเมื่อเจ็บป่วยบางโรค และเมื่อลองมองภาพรวมแล้ว การเลือกทำประกันสำหรับเด็กที่ค่าเบี้ยสูงขึ้นอีกนิด แต่คุ้มครองสุขภาพลูกน้อย รวมถึงสุขภาพของคุณพ่อคุณแม่ไปพร้อม ๆ กัน ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ฉลาดและคุ้มค่า
เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ตัดสินใจเลือกซื้อประกันสุขภาพสำหรับลูกน้อยง่ายขึ้น เราได้รวบรวมเทคนิคในการซื้อประกันสุขภาพสำหรับเด็ก มาฝากดังนี้

- ศึกษาแผนความคุ้มครองจากหลาย ๆ บริษัท ดูว่าประกันฉบับนี้คุ้มครองในเรื่องอะไรบ้าง เช่น อุบัติเหตุ เจ็บป่วย ผู้ป่วยใน (IPD*) และผู้ป่วยนอก (OPD*) หรือความคุ้มครองผลประโยชน์อื่น ๆ หรือเอกสารแนบท้ายที่ทางประกันคุ้มครองเพิ่มเติม เช่น ค่าทันตกรรม ค่าดูแลโดยพยาบาลพิเศษ เป็นต้น โดยเลือกตามความต้องการของคุณเองเป็นหลัก
- วงเงินคุ้มครองที่เหมาะสม ประกันสุขภาพเด็กโดยทั่วไปจะมีให้เลือกอยู่ 2 แบบ คือ แบบแยกค่าใช้จ่าย และแบบเหมาจ่าย หากคุณต้องการจ่ายเบี้ยน้อยแนะนำให้เลือกความคุ้มครองแบบแยกค่าใช้จ่ายที่สอดคล้องกับค่าใช้จ่ายตามจริงดีกว่า โดยอาจจะอ้างอิงกับการพาลูกไปหาหมอที่โรงพยาบาลประจำ จากนั้นมาคำนวณค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นเมื่อลูกต้องนอนโรงพยาบาล
- ชำระเบี้ยประกันต้องอยู่ในกำลังทรัพย์หรือวงเงินที่เหมาะกับตัวเอง หลายบริษัทสามารถให้คุณเลือกชำระเบี้ยประกันได้ทั้งแบบรายเดือน และรายปี หรือแม้แต่การผ่อนชำระ
- เข้าใจระยะเวลารอคอย ระยะรอคอย (Waiting Period) เป็นระยะเวลาที่เกิดขึ้นหลังจากที่คุณทำประกันสุขภาพแล้วรอการอนุมัติกรมธรรม์ เพื่อป้องกันการเรียกค่าสินไหมเกินจากสภาพที่เป็นมาก่อนเอาประกันภัย โดยแต่ละบริษัทจะกำหนดระยะเวลารอคอยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับแผนประกันแต่ละประเภท ดังนั้น ก่อนซื้อควรดูว่ามีระยะรอคอยเท่าไหร่ถึงจะสามารถใช้ได้
- เลือกซื้อจากบริษัทนายหน้าหรือตัวแทนที่น่าเชื่อถือ ควรซื้อประกันจากนายหน้า หรือตัวแทนที่มีความจริงใจ ตรงไปตรงมา และสามารถติดต่อได้ง่ายเมื่อต้องการขอคำปรึกษา
*IPD หรือ ผู้ป่วยใน คือเงินที่บริษัทประกันจะจ่ายให้เมื่อมีการนอนค้างคืนที่โรงพยาบาล โดยมีค่าห้องกับค่าอาหาร
*OPD หรือ ผู้ป่วยนอก คือเป็นเงินที่ทางบริษัทจะจ่ายแทนสำหรับค่าใช้จ่ายในการไปหาหมอแต่ไม่ได้นอนโรงพยาบาล
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบถึงวิธีเลือกซื้อประกันสุขภาพเป็นอย่างดีแล้ว theAsianparent จึงขอหยิบประกันสุขภาพเด็กสุดคุ้ม อย่าง ประกันสุขภาพเด็ก Family Care มารีวิวให้คุณพ่อคุณแม่ทราบอย่างละเอียด ดังนี้
- คุ้มครองตั้งแต่ อายุ 1 เดือน 1 วัน
- เลือกจ่ายได้ทั้งแบบรายเดือน หรือรายปี
- ค่ารักษาพยาบาล 50,000 บาทต่อปี
- เจ็บป่วย และเสียชีวิตรับ 50,000 บาท
- มีให้เลือกแบบผู้ป่วยในอย่างเดียว หรือจะรวมผู้ป่วยนอกด้วย


สำหรับแผนประกันนี้ ข้อดี คือ ค่าเบี้ยประกันสุขภาพเท่ากันทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชาย ซึ่งมีความแตกต่างจากแผนประกันอื่น และคุณพ่อคุณแม่ ยังสามารถทำประกันสุขภาพได้เมื่อมีอายุ 20 ปี ขึ้นไป โดยที่เบี้ยประกันสุขภาพของคุณแม่เริ่มต้นที่ 410 บาทต่อเดือน ส่วนคุณพ่อเริ่มต้นที่ 419 บาทต่อเดือน
เงื่อนไขประกัน
- ประกันภัยแบบปีต่อปี เบี้ยประกันปรับตามช่วงอายุที่เพิ่มขึ้น
- ไม่สามารถซื้อประกันสุขภาพเฉพาะลูกได้ พ่อหรือแม่ต้องซื้อประกันร่วมด้วย
- ต้องเลือกผลประโยชน์แบบเดียวกันทั้งครอบครัว เช่น ลูกแผน 1 พ่อหรือแม่ต้องซื้อแผนที่ 1 เช่นเดียวกัน
- ซื้อได้สูงสุด 1 กรมธรรม์ต่อคน
- หากซื้อพร้อมกันทั้งพ่อ แม่ ลูก ได้รับส่วนลด 25%
ตารางเบี้ยประกันสุขภาพพ่อ แม่ และลูก (ส่วนลด 25%)

ตัวอย่างการเลือกซื้อประกัน
ครอบครัวน้องออมเงิน กำลังจะเปรียบเทียบซื้อประกันระหว่าง “แผน 1” (IPD เท่านั้น) และ “แผน 2” (IPD + OPD) โดยเลือกชำระเบี้ยประกันแบบรายเดือน และกำลังเทียบว่า “ซื้อประกัน 2 คน (แม่ + ลูก)” กับ “ซื้อประกัน 3 คน (พ่อ + แม่ + ลูก)” แบบไหนคุ้มกว่ากัน

จากตารางข้างต้น จะเห็นว่าการซื้อประกันของลูกพ่วงพ่อและแม่คุ้มกว่า เพราะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้ถึง 25% ให้คุณและลูกได้รับความคุ้มครองทั้งครอบครัว
ตัวอย่างความคุ้มครองที่ได้รับ
น้องออมเงิน ทำประกันสุขภาพเด็ก Family Care โดยเลือกเบี้ยแบบรายเดือน แผน 1 (IPD เท่านั้น)
ปรากฎว่า ในระหว่างที่ถือกรมธรรม์ น้องป่วยเป็นไข้หวัด ต้องนอนพักรักษาตัวเป็นเวลา 4 วัน
- ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าบริการ วันละ 2,500 บาท = 10,000 บาท (2,500 x 4)
- ค่ายาและเวชภัณฑ์ = 8,000 บาท
- ค่าตรวจรักษา = 4,000 บาท
รวมค่ารักษาตลอด 4 วัน = 22,000 บาท
จากผลประโยชน์ผู้ป่วยใน (IPD) วงเงิน 25,000 บาท/ครั้ง ไม่เกิน 50,000 บาท/ปี
น้องออมเงินป่วยครั้งนี้ใช้เงินทั้งสิ้น 22,000 บาท ซึ่งอยู่ในวงเงิน 25,000 บาท = คุณไม่ต้องจ่ายเพิ่ม
ดังนั้น น้องออมเงิน จะมีวงเงินประกันคงเหลือ 28,000 บาท ภายในปีกรรมธรรม์
เพราะความเจ็บป่วยเลี่ยงไม่ได้ แต่เราช่วยดูแลลูกน้อยและครอบครัวของคุณได้ อย่ารอให้ลูกป่วยก่อน …
ลงทะเบียน เพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม
หมายเหตุ
- ผู้ซื้อควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
- รับประกันโดย บริษัท เอฟดับบริวดี ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน)
- บริษัท ไทยพาณิชย์ โพรเทค จำกัด เป็นนายหน้าประกันชีวิตในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัย
บทความที่น่าสนใจ
อัปเดต!! ประกันสุขภาพครอบครัว Family Care ประกันที่น่าสนใจที่สุดในปี 2564
ควรทำ ประกันสุขภาพเด็ก ตอนไหน เลือกอย่างไรให้คุ้มครองครบถ้วน
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!