TAP top app download banner
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
คู่มือสินค้า
เข้าสู่ระบบ
  • อยากท้อง
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • โภชนาการ เเม่ท้อง เเม่ให้นม
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • ตั้งชื่อลูก
  • แม่ผ่าคลอด
    • พัฒนาการเด็กผ่าคลอด
    • เตรียมตัวผ่าคลอด
    • สุขภาพเด็กผ่าคลอด
    • คู่มือคุณแม่ผ่าคลอด
    • การดูแลหลังผ่าคลอด
    • โภชนาการเด็กผ่าคลอด
  • หลังคลอด
    • คลอดธรรมชาติ
    • ผ่าคลอด
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ลูกหัวกระแทก มีอาการซึม พาไปตรวจกลับเจอมะเร็งอย่างไม่คาดฝัน

บทความ 3 นาที
ลูกหัวกระแทก มีอาการซึม พาไปตรวจกลับเจอมะเร็งอย่างไม่คาดฝัน

ประสบการณ์แสนเจ็บปวดของแม่เอ๋ เมื่อลูกน้อยหัวกระแทกกับกระจก และมีอาการซึม พาไปตรวจกลับเจอมะเร็งที่สมองอย่างไม่คาดฝัน

มะเร็งสมอง

ขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์กับคุณแม่หลายๆ ท่านคะ แม่เอ๋มีลูกชายอายุประมาณ 10 เดือน 9 วัน น้องปกติทุกอย่าง กินเก่ง ขี้เล่น เวลาสอนให้ทำอะไรจะจำได้เร็วมาก แต่เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 58 น้องมีไข้ ซึม จะเอาแต่นอนอย่างเดียว (ปกติน้องเป็นเด็กนอนน้อย) และก็มีอาเจียนพุ่ง แต่ว่าวันนั้นน้องมีหัวกระแทกกับกระจก แม่เอ๋ก็คิดว่าสาเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้น้องมีอาการแบบนี้ แม่เอ๋จึงเริ่มเฝ้าระวังอาการน้องอย่างใกล้ชิดค่ะ

มะเร็งสมอง 4

วันต่อมา (18 สิงหาคม 58) แม่เอ๋กลับจากทำงาน มาถึงบ้านตอนเย็น  น้องยังซึม ไม่ค่อยร่าเริง จะนอนอย่างเดียว แม่เอ๋เอาสตรอว์เบอร์รีให้น้องกิน ยังไม่ทันได้กินเลย น้องก็อาเจียนพุ่งอีกครั้ง แม่เอ๋ก็เลยรีบพาน้องไปโรงพยาบาลทันที ตอนแรกคุณหมอประเมินว่าน่าจะเป็นไข้เลือดออกหรือไม่ก็ไข้หวัดใหญ่ แต่เราบอกว่าน้องหัวกระแทกกระจกด้วย คุณหมอเลยให้เอ็กซเรย์แต่ไม่พบความผิดปกติอะไร แต่คุณหมอบอกว่าจะให้แน่นอนต้องทำ CT Scan เราเลยตกลงทำ ผลออกมาทำให้หัวใจคนเป็นแม่ต้องแหลกสลาย เมื่อต้องรับรู้ว่าน้องมีเนื้องอกในสมอง เลยทำให้น้องมีน้ำในโพรงสมองจำนวนมากและต้องรีบทำการรักษาอย่างเร่งด่วน

บอกตามตรงว่า ตอนนั้นแม่เอ๋ไม่สามารถยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นได้ น้องยังเล็ก จะเป็นเนื้องงอกได้อย่างไร? แม่เอ๋ขอผลการตรวจทั้งหมดแล้วเปลี่ยนโรงพยาบาลไปศิริราชคืนนั้นเลย ตลอดเวลาน้องจะหลับอย่างเดียว ให้กินนมก็อาเจียนออกมา พอเราไปถึงโรงพยาบาล คุณหมอก็ตรวจและรับน้องเข้าเป็นผู้ป่วยหนักทันที และตอนเช้าน้องก็เข้ารับการผ่าตัดที่สมองเพื่อใส่ท่อระบายน้ำ

มะเร็งสมอง 16

เช้าวันที่ 19 สิงหาคม น้องเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกเพื่อใส่ท่อระบายน้ำจากสมอง  การผ่าตัดใช้เวลา 2 ชั่วโมง  คุณหมอแจ้งว่าการผ่าตัดผ่านไปได้ดี แต่น้องต้องอยู่ที่ห้อง icu เพื่อดูอาการตอบสนองจากการใส่ระบายน้ำ

ประมาณ 3 ทุ่มกว่า คุณหมอพาน้องไปตรวจ MRI ผลออกมาว่าก้อนเนื้อที่เราพบมันเกิดขึ้นที่ก้านสมองและก้อนใหญ่มากเมื่อเทียบกับเด็กวัย 10 เดือน ในก้อนเนื้อเต็มไปด้วยเส้นเลือดถ้าเราผ่าก้อนเนื้อนี้ออกน้องจะเสียชีวิตระหว่างผ่าตัดซึ่งคุณหมอลงความเห็นว่าผ่าตัดก้อนเนื้อชิ้นนี้ออกเพื่อรักษาไม่ได้ ทำได้เพียงตัดไปตรวจว่าเป็นชนิดไหนเพื่อหาหนทางรักษากันต่อไป

แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ มีเนื้องอกกระจายไปที่ไขกระดูกสันหลังของน้อง บอกตรงๆ ว่าหัวใจคนเป็นแม่แทบสลาย ในใจคิดว่าเนื้อดีมันต้องไม่กระจาย แต่ก็ปลอบตัวเอง ขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นด้วยเถิด

มะเร็งสมอง 7

วันที่ 21 สิงหาคม คุณหมอพาน้องเข้าห้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อทำการผ่าก้อนเนื้อไปตรวจ การผ่าตัดครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี น้องฟื้นเร็วมาก มีสติดี ตลอดการรักษาที่น้องอยู่ห้อง icu และใช้เครื่องช่วยหายใจ น้องลืมตาตื่นดี

วันที่ 22 สิงหาคม ประมาณหนึ่งทุ่ม คุณหมอถอดเครื่องช่วยหายใจ เพื่อให้น้องลองหายใจด้วยตัวเองและจะได้กินนม น้องก็สามารถหายใจเองได้ค่ะ แต่ยังร้องไม่มีเสียง

พอวันที่ 23 สิงหาคม คุณหมออนุญาตให้น้องดื่มนมจากขวดได้แต่จะเป็นคุณพยาบาลเป็นคนให้เองนะคะ และผลทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีคุณหมอเลยย้ายน้องไปรักษาตัวที่ห้องผู้ป่วยสามัญคะ แต่ตลอดเวลาที่รักษาตัวน้องลืมตาตื่น น้องมีสติทุกอย่าง น้องยังรำ น้องยังสวัสดีเราได้นะคะ ขนาดระหว่างที่เราอุ้มน้องเพื่อย้ายห้องเค้ายังรำเพลงหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยวกับเราได้ตลอดทางเลยคะ เค้าพูดหม่ำๆ ขอเรากินนมได้

แต่วันสุดท้ายที่เราเห็นเค้าลืมตาตื่นและรำให้เราดูได้คือวันที่ 25 สิงหาคม

มะเร็งสมอง 14

25 สิงหาคม เรามาเฝ้าลูกตามปกติตั้งแต่เช้าถึงมืด พอสองทุ่มก็ต้องกลับเพราะที่โรงพยาบาลไม่ให้นอนค้าง วันรุ่งขึ้น (26 สิงหาคม) เรามาถึงโรงพยาบาลตอนสิบโมง ก็เห็นน้องหลับอยู่ค่ะ เราก็เลยคุยกับคุณพยาบาลว่าน้องหลับนานหรือยังคะ คุณพยาบาลบอกว่าตอนแปดโมงเช้าน้องตื่นมากินนมและยังจับปูดำให้ดูอยู่แต่หลังจากนั้นน้องก็หลับ คุณพยาบาลก็เอะใจ เพราะปกติน้องจะตื่นมาขอหม่ำๆ  เค้าเลยตามคุณหมอมาตรวจ แล้วพาน้องตรวจ CT Scan อีกครั้ง ผลออกมาเริ่มไม่ดีคะ พอประมาณบ่าย 2-3 น้องเริ่มมีอาการชักอีกครั้ง (น้องเคยชักมา 1 ครั้ง ตอนอยู่ห้องไอซียู เลยต้องให้กันชักทุกเที่ยงวันและเที่ยงคืน) เพราะน้องไม่ได้ยากันชักคะ พอคุณพยาบาลเอายามาให้ น้องไม่ชักแต่ทุกอย่างในตัวน้องตกคะ ผลออกมาไม่ดี คุณหมอเรียกเรากับแฟนเราไปคุยอีกครั้ง

หมอบอกว่าอาการน้องไม่สู้ดีนัก ผลชิ้นเนื้อออกมาชนิดที่น้องเป็นคือเนื้อร้าย(มะเร็ง) แต่เราเองทำใจมาแล้วเพราะคุณหมอได้บอกเราบ้างแล้ว ส่วนหนทางรักษา คุณหมอบอกว่า น้องยังเล็กเกินไปที่จะรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉายแสง ส่วนคีโมก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เพราะมะเร็งชนิดที่น้องเป็นไม่มีผลกับการให้คีโม การรักษาต่างๆ อาจทำให้น้องสมองบวม สมองฝ่อ  ยิ่งทำ อาจยิ่งทำให้น้องจากไปเร็วขึ้น เพราะชนิดที่น้องเป็นมันโตเร็วมาก คุณหมอบอกตามตรงว่าน้องจะอยู่กับเราได้อีกไม่นาน เรากับแฟนเลยเลือกที่จะไม่รักษาต่อ เพราะไม่อยากให้น้องต้องเจ็บและทรมานไปมากกว่านี้ และขอใช้เวลาอยู่กับน้องให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้

มะเร็งสมอง 11

แม่เอ๋ขออยู่กับน้องในช่วงชีวิตสุดท้ายของเค้า เรากอดและหอมแก้มเค้าทุกวัน โดยระหว่างนี้ก็พยายามทำใจในความสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น พอวันที่ 12 กันยายน น้องก็จากเราอย่างสงบ รวมอายุได้ 11 เดือน 2 วัน  แม่เอ๋ขอขอบคุณแม่ๆ ทุกคนมากนะคะที่ตามอ่านจนจบ  สุดท้ายครอบครัวเราต้องขอขอบคุณทีมแพทย์ศิริราชและพยาบาลที่ศิริราช  ที่รับน้องรักษา ดูแลน้อง ช่วยน้องอย่างเต็มที่ ถ้าเราไม่ได้รักษาที่นี่น้องคงไปตั้งวันแรกที่รู้แล้วค่ะ

ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของแม่เอ๋ที่ใครได้ทราบต่างก็รับรู้ได้ถึงความปวดร้าวที่ต้องเสียแก้วตาดวงใจไปเพราะโรคมะเร็งสมอง ทางดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ต้องขอขอบคุณแม่เอ๋ที่อนุญาตให้แบ่งปันเรื่องราว และขอเป็นกำลังให้คุณแม่และครอบครัวกลับมาเข้มแข็งอีกครั้งนะคะ

ที่มา:  My’Gril Nooaey

บทความที่น่าสนใจ

บทความจากพันธมิตร
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
เสริมภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยตั้งแต่วันแรก จุดเริ่มต้นที่คุณแม่สร้างได้
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
รีวิวเจาะลึกนมผง เด่นเรื่องสมอง เสริม DHA และพัฒนาการรอบด้านของเด็ก แถมมีสารอาหารแน่น มาดูกันชัดๆ ว่ากล่องไหน ตอบโจทย์แม่ที่สุด
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
ไม่ใช่แค่ยุงกัด...แต่คือวิกฤต เมื่อ “ไข้เลือดออก” สร้างผลกระทบที่ลึกซึ้งมากกว่าที่คิดในครอบครัว
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน
อาหารมื้อแรก สำหรับลูกรัก กินอะไรดี? เพื่อสารอาหารที่ครบถ้วน

ลูกกระดูกเปราะเพระผงชูรสจริงหรือ? คำอธิบายจากหมอ

โฆษณาซึ้ง ๆ เกี่ยวกับแม่ จากเค้าโครงเรื่องจริง

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

ชื่นชนก เชื้อพันธุ์

  • หน้าแรก
  • /
  • พัฒนาการลูก
  • /
  • ลูกหัวกระแทก มีอาการซึม พาไปตรวจกลับเจอมะเร็งอย่างไม่คาดฝัน
แชร์ :
  • ลูกชอบจับจู๋ จับจิ๋ม ผิดปกติไหม? พ่อแม่ควรรับมือยังไงดี?

    ลูกชอบจับจู๋ จับจิ๋ม ผิดปกติไหม? พ่อแม่ควรรับมือยังไงดี?

  • ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน ของเล่นอันตราย ตุ๊กตาโมนิ หรือ ของเล่นกดสิว แถมเข็มฉีดยา

    ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน ของเล่นอันตราย ตุ๊กตาโมนิ หรือ ของเล่นกดสิว แถมเข็มฉีดยา

  • 20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

    20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

powered by
  • ลูกชอบจับจู๋ จับจิ๋ม ผิดปกติไหม? พ่อแม่ควรรับมือยังไงดี?

    ลูกชอบจับจู๋ จับจิ๋ม ผิดปกติไหม? พ่อแม่ควรรับมือยังไงดี?

  • ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน ของเล่นอันตราย ตุ๊กตาโมนิ หรือ ของเล่นกดสิว แถมเข็มฉีดยา

    ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์ฯ เตือน ของเล่นอันตราย ตุ๊กตาโมนิ หรือ ของเล่นกดสิว แถมเข็มฉีดยา

  • 20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

    20 กิจกรรมเสริม IQ EQ ให้ลูกวัย 3-6 ปี ฉลาด สมาธิดี ควบคุมอารมณ์ได้

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
  • พัฒนาการลูก
  • ชีวิตครอบครัว
  • ระยะการตั้งครรภ์
  • โภชนาการ
  • ไลฟ์สไตล์
  • TAP สังคมออนไลน์
  • ติดต่อโฆษณา
  • ติดต่อเรา
  • Influencer Marketing (KOL)
  • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Vietnam flag Vietnam
© Copyright theAsianparent 2025. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว