X
theAsianparent Thailand Logo
theAsianparent Thailand Logo
Product Guide
เข้าสู่ระบบ
  • TAP Awards
  • อยากท้อง
  • ตั้งครรภ์
    • คำนวณวันคลอด
    • ฉันกำลังตั้งครรภ์
    • ไตรมาสที่ 1
    • ไตรมาสที่ 2
    • ไตรมาสที่ 3
    • Project Sidekicks
    • ตั้งชื่อลูก
    • การให้นมลูก
  • สุขภาพและโภชนาการ
    • โภชนาการ
    • สุขภาพ
  • ลูก
    • ทารกแรกเกิด
    • ทารก
    • เด็กวัยหัดเดิน
    • เด็กก่อนวัยเรียน
    • เด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น และวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • ความรักและความสัมพันธ์
    • การเลี้ยงลูก
    • มุมคุณพ่อ
    • ประกันชีวิต
    • การวางแผนการเงิน
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • การศึกษา
    • เด็กวัยประถม
    • โรงเรียนประถม
    • มัธยมศึกษา
    • แบบฝึกหัดและข้อสอบ
    • แนะแนวการศึกษาต่างประเทศ
  • ไลฟ์สไตล์
    • ดวง
    • ทำนายฝัน
    • สีมงคล
    • บทสวดมนต์
    • ข่าว
    • ดูแลบ้าน
    • แนะนำโดย TAP
    • อีเว้นท์
  • ที่เที่ยว
    • เที่ยวไทย
    • เที่ยวต่างประเทศ
    • ที่พัก และ โรงแรม
  • ที่กิน
    • ร้านอร่อย
    • ร้านอร่อยสำหรับเด็ก
    • คาเฟ่
    • เมนูอาหาร
  • ผู้หญิง
    • แฟชั่น
    • ความงาม
    • ฟิตเนส
  • TAPpedia
  • วิดีโอ
    • การตั้งครรภ์
    • ทารก
    • คำแนะนำในการเลี้ยงลูก
    • การให้นมบุตร
    • อาหารเสริมทารก & โภชนาการ
    • เด็กเล็ก
  • ชอปปิง
  • อีเว้นท์
    • TAP idol
    • TAP x Safari Largest Treasure Hunt
  • #สอนลูกเรื่องเงิน ฉบับพ่อแม่
  • VIP

ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม

9 Apr, 2017
ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม

เว็บไซต์ anngle.org ได้รายงานข่าวที่น่าตกใจ เมื่อทารก 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง! สาเหตุเกิดจากโรคโบทูลิซึม

ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม

ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม …ทารกผู้เคราะห์ร้าย อาศัยอยู่ในเขตอาดาจิ ณ เมืองหลวงโตเกียว มีอายุเพียง 6 เดือนเท่านั้น โดยเหตุการณ์น่าเศร้านี้ เกิดตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ เมื่อทารกตัวน้อย เกิดอาการไอ จนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ มีอาการแย่ลง พบอาการชัก ระบบหายใจล้มเหลว จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบพบว่า เด็กชายคนนี้เสียชีวิตลงเนื่องจากการดื่มน้ำผลไม้ผสมน้ำผึ้งที่มีเชื้อ Clostridium botulinum ซึ่งคนในครอบครัวให้เด็กดื่มเพื่อหย่านม จนทำให้ทางการต้องแจ้งเตือน ครอบครัวที่มีทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี ให้หลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำผึ้ง

ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม

สาเหตุสำคัญมาจาก คนในครอบครัวของทารกน้อย ได้ซื้อน้ำผึ้งมาผสมกับน้ำผลไม้ให้ ดื่มทุกๆ วัน วันละ 2 ครั้ง หวังให้ทารกหย่านม และคิดว่า น้ำผึ้งนั้นดีต่อสุขภาพ เมื่อทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการแล้ว ก็พบเชื้อ Clostridium botulinum จากอุจจาระของเด็กชาย และพบในน้ำผึ้งที่เก็บไว้อยู่ภายในบ้านเช่นกัน

ทารก 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง

จนเมื่อวันที่ 7 เมษายน ทารกเพศชายวัย 6 เดือน ก็ถูกวินิจฉัยสาเหตุการเสียชีวิต ว่าเกิดจาก โรคโบทูลิซึมในทารก (Infant botulism) ซึ่งเกิดจากการเจริญของเชื้อ Clostridium botulinum และสร้างสารพิษโบทูลิซึมในทางเดินอาหารของทารก ซึ่งทางเดินอาหารของทารกมีปัจจัยสำคัญ ที่เหมาะสมในการเจริญของเชื้อ ได้แก่ การพัฒนาการเคลื่อนไหวยังไม่ดีและความเป็นกรดต่ำ โดยอาการที่พบในเด็กทารก จะเริ่มด้วยท้องผูก เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ดูดกลืนลำบาก ร้องไห้เสียงเบา และคออ่อนพับ โรคนี้สามารถป้องกันได้โดยการหลีกเลี่ยงการให้อาหารที่อาจปนเปื้อนเชื้อ Clostridium botulinum เช่น น้ำผึ้ง ในเด็กทารกที่อายุน้อยกว่า 1 ปี

ทารก 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง

สำหรับสถิติ ตั้งแต่ปี 1986 ที่ประเทศญี่ปุ่น พบว่ามีการรายงานผู้ป่วยโรคโบทูลิซึมในทารกทั่วประเทศเพียง 36 ราย รวมกรณีเสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย ซึ่งกรณีเด็กชายนี้ เป็นการเสียชีวิตจากโรคโบทูลิซึมในทารก ครั้งแรกของประเทศญี่ปุ่น โดยโรคโบทูลิซึมในทารกนี้ จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้นเฉพาะกับเด็กทารกเท่านั้น และสัดส่วนความเป็นไปได้ที่จะพบเชื้อชนิดนี้ภายในน้ำผึ้งตามท้องตลาดนั้นก็มีเพียง 5% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมาก

เว็บไซต์ anngle.org ยังรายงานด้วยว่า โรคโบทูลิซึมในทารก คนไทยเราอาจไม่คุ้นเคยนัก แต่จริง ๆ แล้ว เชื้อนี้เป็นชนิดเดียวกับที่เคยมีรายงานการระบาดเป็นครั้งแรกที่จังหวัดน่านในปีพ.ศ.2541 ซึ่งมีสาเหตุมาจากการรับประทานหน่อไม้อัดปี๊บที่ไม่ได้ต้ม และมีการปนเปื้อนของสารพิษจากเชื้อชนิดนี้นั่นเอง

ที่มา : anngle.org

 

อ่าน โรคโบทูลิซึม เพิ่มเติมหน้าถัดไป

โรคโบทูลิซึม เกิดโรคได้อย่างไร?

แพทย์หญิง สลิล ศิริอุดมภาส วว. พยาธิวิทยากายวิภาค อธิบายว่า โรคโบทูลิซึม มีพยาธิสภาพเกิดโรคได้โดย เมื่อกินอาหารที่ปนเปื้อนพิษ หรือทารกที่กินแบคทีเรีย แล้วแบคทีเรียปล่อยพิษออกมาในลำไส้ หรือพิษที่ผลิตอยู่ในบาดแผลก็ตาม พิษเหล่านี้ก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดในที่สุด และเดินทางต่อไปยังปลายเส้นประสาทชนิดที่ผลิตสารสื่อประสาทชื่อ Acetylcholine

ซึ่งได้แก่ ปลายเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อ, ปลายเส้นประสาทของระบบประสาทอัตโนมัติ, รวมถึงปมประสาทส่วนปลายด้วย พิษก็จะออกฤทธิ์ต่อปลายเส้นประสาทเหล่านี้ โดยการไปยับยั้งการหลั่งของสารสื่อประสาท Acetylcholine ผู้ป่วยจึงเกิดอาการจากการที่เส้นประสาทเหล่านี้ไม่ทำงาน และอาการจะหายได้ก็ต่อเมื่อเส้นประสาทมีการสร้างปลายประสาทขึ้นมาใหม่ และเนื่องจากพิษชนิดนี้ไม่เข้าสู่สมองและไขสันหลัง ผู้ป่วยจึงไม่มีอาการของระบบประสาทส่วนกลางเกิดขึ้น

สาเหตุของโรคโบทูลิซึม

การกินเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้เข้าไป แล้วแบคทีเรียปล่อยพิษออกมา (Intes tinal botulism) โดยปกติ หากคนกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียซึ่งยังไม่ผลิตสปอร์เข้าไป กรดและน้ำย่อยชนิดต่างๆ รวมทั้งเชื้อแบคทีเรียที่อาศัยอยู่เป็นปกติในลำไส้ของเราสามารถทำ ลายเชื้อแบคทีเรีย Clostridium botulinum ได้ แต่ในเด็กทารก โดยเฉพาะที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน พัฒนาการของระบบย่อยอาหารยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แบคทีเรียซึ่งเข้าสู่ทางเดินอาหารได้แล้ว จึงสามารถแบ่งตัวสร้างสปอร์ และปล่อยพิษออกมาได้ เพราะในลำไส้ของคนเราอยู่ในสภา วะที่ไม่มีออกซิเจน

โดยส่วนใหญ่แล้ว อาหารที่เป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อแบบนี้ มาจากน้ำผึ้ง ดังนั้นจึงมีข้อแนะนำว่าไม่ควรให้เด็กที่อายุน้อยกว่า 1 ปีกินน้ำผึ้ง เว้นแต่จะนำไปปรุงและผ่านความร้อน นอกจากนี้ในผู้ใหญ่ที่มีโรคของระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน ลำไส้อักเสบเรื้อรัง หรือได้รับการผ่าตัดกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ๆ ก็จะมีโอกาสได้รับพิษ หากกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้ได้เช่นเดียวกับในเด็กทารก

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่อาการแสดงน่าสงสัยว่าจะเป็นโรคโบทูลิซึม จะต้องได้รับการรักษาล่วงหน้าไปก่อนได้รับวินิจฉัยยืนยันว่า อาการเกิดจากโรคนี้ เนื่องจากการรอผลการตรวจหาพิษ Botulinum toxin เพื่อยืนยันใช้เวลามากกว่า 1 วัน หากรักษาล่าช้า จะทำให้ผู้ป่วยมีโอกาสเสียชีวิตได้

สำหรับอัตราการเสียชีวิตในผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากอาหารคือ ประมาณ 5-10% โดยผู้สูงอายุมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ป่วยอายุน้อย, ในผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากการมีบาดแผล อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่า คือประมาณ 15-17% และสำหรับในเด็กทารก โอกาสเสียชีวิตจากโรคโบทูลิซึมจะน้อย คือน้อยกว่า 1% อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้เด็กทารกที่มีอายุน้อยกว่า 1 ปี บริโภคน้ำผึ้ง ยกเว้นจะนำไปปรุงเป็นอาหารที่ผ่านความร้อนที่อุณหภูมิมากกว่า 116 องศาเซลเซียส ร่วมกับการเพิ่มความกดอากาศขณะปรุง เช่น การตุ๋น หรือการอบ เพื่อทำลายสปอร์ของเชื้อโรคโบทูลิซึมที่อาจปนเปื้อน

 

เครดิต : haamor.com

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ลูกลำไส้ติดเชื้อ เพราะการสัมผัสจากคนแปลกหน้า

อาหารป้อนลูกน้อย 9 อย่าง ที่คุณแม่และคุณพ่อต้องระวัง

 

บทความจากพันธมิตร
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
สร้างความแข็งแกร่งของฮีโร่ตัวน้อย ด้วย LPR โพรไบโอติก ตัวดัง
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
วันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 กระทรวง อว. ชวนเจ้าตัวเล็ก ร่วมกิจกรรม Online “ถนนสายวิทยาศาสตร์” ลุ้นเปิด “กล่องสุ่มของเล่น” กระจายความสนุกพร้อมกันทั่วประเทศ
ดีแทค ขอชวนน้อง ๆ มา #เปลี่ยนโลกช่วงปิดเทอม กับ dtac Young Safe Internet Leader Cyber Camp ซีซั่น 3
ดีแทค ขอชวนน้อง ๆ มา #เปลี่ยนโลกช่วงปิดเทอม กับ dtac Young Safe Internet Leader Cyber Camp ซีซั่น 3
ครั้งแรกในไทยฟิลิปส์ เปิดตัวโคมUVCยับยั้งเชื้อโรคแบบตั้งโต๊ะ รองรับตลาดการใช้งานในครัวเรือนและธุรกิจบริการ
ครั้งแรกในไทยฟิลิปส์ เปิดตัวโคมUVCยับยั้งเชื้อโรคแบบตั้งโต๊ะ รองรับตลาดการใช้งานในครัวเรือนและธุรกิจบริการ

มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!

Follow us on:
facebook-logo instagram-logo tiktok-logo
img
บทความโดย

Tulya

  • หน้าแรก
  • /
  • ข่าว
  • /
  • ทารกวัย 6 เดือน เสียชีวิตจากน้ำผึ้ง ด้วยโรคโบทูลิซึม
แชร์ :
  • โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

    โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

  • โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

    โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

  • โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

    โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

  • โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

    โอ้ละพ่อ! เด็ก ป.1 หายตัวปริศนา แจ้งตามหากันให้วุ่น สรุปสุดท้าย อยู่ในห้องเรียนนั่นแหละ !

ลงทะเบียนรับคำแนะนำเรื่องการตั้งครรภ์พัฒนาการลูกในท้องได้ที่นี่
  • เตรียมตัวเป็นผู้ปกครอง
    • ก่อนตั้งครรภ์
    • การคลอด
    • ระยะการตั้งครรภ์
    • การคลอด
  • พัฒนาการลูก
    • ทารก
    • เด็กก่อนเข้าเรียน
    • ช่วงวัยของเด็ก
    • เด็กก่อนวัยรุ่น
  • ชีวิตครอบครัว
    • การวางแผนการเงิน
    • การเลี้ยงลูก
    • ความรัก และ เซ็กส์
  • ระยะการตั้งครรภ์
    • ไตรมาส 1
    • ไตรมาส 2
    • ไตรมาส 3
    • นมแม่และนมผง
  • โภชนาการ
    • สินค้าเด็ก
    • นมผง
    • เมนูอาหาร
    • สินค้าแม่
  • เพิ่มเติม
    • TAP สังคมออนไลน์
    • ติดต่อโฆษณา
    • ติดต่อเรา
    • Influencer Marketing (KOL)
    • มาเข้าร่วมกับเรา


  • Singapore flag Singapore
  • Thailand flag Thailand
  • Indonesia flag Indonesia
  • Philippines flag Philippines
  • Malaysia flag Malaysia
  • Sri-Lanka flag Sri Lanka
  • India flag India
  • Vietnam flag Vietnam
  • Australia flag Australia
  • Japan flag Japan
  • Nigeria flag Nigeria
  • Kenya flag Kenya
© Copyright theAsianparent 2023. All rights reserved
เกี่ยวกับเรา |ทีม|นโยบายความเป็นส่วนตัว |ข้อกำหนดการใช้ |แผนผังเว็บไซต์
  • เครื่องมือ
  • บทความ
  • ฟีด
  • โพล

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว

เราใช้คุกกี้เพื่อมอบประสบการณ์คอนเทนต์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ. เรียนรู้เพิ่มเติมตกลง เข้าใจแล้ว