4 โรคระบาดยอดฮิตในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง

โรคระบาดในเด็ก ที่พบบ่อยมีอะไรบ้าง? มีอาการอะไรไหมที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง? และวิธีป้องกันเจ้าตัวน้อยไม่ให้ติดโรคระบาด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

4 โรคระบาดในเด็ก และอาการที่พ่อแม่ต้องคอยเฝ้าระวัง

ลูกป่วยทีไรทรมานใจคนเป็นพ่อเป็นแม่ที่สุด โดยเฉพาะในฤดูฝนแบบนี้ เด็ก ๆ ยิ่งป่วยได้ง่าย เพราะเชื้อโรคส่วนใหญ่จะเติบโตได้ดีในสภาพอากาศที่อับชื้น ทำให้เชื้อต่าง ๆ มีอยู่ยั้วเยี้ยไปหมด และเด็กเล็ก ๆ ยังมีภูมิต้านทานที่ไม่ดีนัก จึงทำให้เกิด โรคระบาดในเด็ก ได้ง่ายมาก แถมอาการป่วยของเด็กก็มักจะรุนแรงและเกิดอาการแทรกซ้อนได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่เสียด้วย เพราะฉะนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแล และระวังให้มาก ๆ นะคะ เพื่อให้เจ้าตัวน้อยของเราปลอดภัย และวันนี้เราก็ได้รวบรวม 4 โรคระบาดในเด็ก พร้อมกับอาการที่คุณพ่อคุณแม่ต้องเฝ้าระวัง และวิธีป้องกัน มาฝากกันค่ะ

1. ไข้หวัดใหญ่

เพราะอากาศที่เย็นลงและความชื้นในช่วงหน้าฝนจะทำให้โรคในกลุ่มไวรัสที่เกิดกับระบบทางเดินหายใจนั้นเจริญเติบโตได้ดีกว่าปกติ  ซึ่งเด็กอายุน้อยกว่า 5 ขวบ และผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องจะมีโอกาสเสี่ยงและมีอาการรุนแรงมากกว่ากลุ่มอื่นค่ะ

อาการของโรคไข้หวัดใหญ่

  • คัดจมูก  มีน้ำมูกใส ๆ  
  • จาม  คอแห้ง  เจ็บคอ ไอแห้ง  ไอมีเสมหะ
  • เป็นไข้  อ่อนเพลีย  ปวดศีรษะ
  • หากอาการรุนแรงอาจมีโรคแทรกซ้อนที่มากับไข้หวัด คือ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ  หรือ ปอดอักเสบได้

การป้องกัน

  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ควรฉีดประมาณ 1-2 เดือนก่อนฤดูกาลระบาดของโรคทุกๆ ปี และสามารถฉีดได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป
  • ใส่หน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ
  • รับประทานอาหารให้ถูกสุขอนามัย เลือกกินแต่อาหารที่ปรุงเสร็จใหม่ ๆ จะดีที่สุดค่ะ

2. โรคมือเท้าปาก

โรคมือเท้าปากเป็นโรคเกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งพบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่จะพบบ่อยในช่วงหน้าฝน และพบมากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งจะพบการระบาดได้บ่อยตามโรงเรียนอนุบาลหรือเนิร์สเซอรี่ หากพบว่าลูกเป็นต้องแจ้งทางโรงเรียนทันทีเพื่อให้ปิดเรียนและทำความสะอาด ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อนะคะ

อาการของโรคมือเท้าปาก

  • มีไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย หลังจากนั้น 2-3 วันจะมีอาการเจ็บปาก เพราะในปากมีตุ่มแดงทั้งที่ลิ้น เพดานปากและกระพุ้งแก้ม แล้วกลายเป็นตุ่มพองใสในที่สุด เมื่อตุ่มแตกออกจะเป็นแผลหลุมตื้นๆ
  • มีผื่นขึ้นที่ฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า และก้น แต่จะไม่คัน
  • ไข้จะลงภายใน 3 – 5 วัน อาการของเด็กก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น และหายเป็นปกติภายใน 7-10 วัน
  • เด็กบางคนจะรับประทานอาหารและน้ำไม่ค่อยได้ เพราะมีอาการเจ็บปากมาก แม้แต่น้ำลายก็ไม่ยอมกลืน ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ
  • พ่อแม่ต้องระวังอย่าให้ลูกมีไข้สูงเกินไป เพราะอาจจะชักได้ โดยบางรายอาจจะมีภาวะแทรกซ้อนตามมา โดยเฉพาะเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี เช่น สมองอักเสบ เยื้อหุ้มสมองอักเสบ

การป้องกัน

  • ดูแลลูกในเรื่องความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม
  • ถ้าไม่จำเป็นไม่ควรให้ลูกเข้าไปอยู่ในสถานที่แออัด
  • ควรมีกระติกน้ำหรือแก้วน้ำส่วนตัวให้ลูกไปใช้ที่โรงเรียน
  • ปลูกฝังและฝึกให้ลูกล้างมือก่อนกินข้าว และใช้ช้อนกลางทุกครั้ง

3. โรคไข้เลือดออก

เป็นโรคที่มี “ยุงลาย” เป็นพาหะนำโรค มีโอกาสเป็นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จริง ๆ แล้วโรคไข้เลือดออกสามารถระบาดได้ทั้งปี แต่มักจะระบาดหนักในหน้าฝน เพราะมีโอกาสที่น้ำจะขังมากทำให้ยุงวางไข่และขยายพันธุ์ได้ดี

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการของโรคไข้เลือดออก

  • หลังได้รับเชื้อแล้วจะมีไข้สูงเกิน 3 วันขึ้นไป ตาและหน้าจะเริ่มแดง มีความรู้สึกอ่อนเพลีย และปวดท้อง
  • ปวดหัว ปวดกระบอกตา หรือปวดเมื่อยตามตัว มีอาการตาแดง หน้าแดง และปากแดง
  • โรคไข้เลือดออกยังส่งผลให้เกิดภาวะตับอักเสบได้อีกด้วย ทำให้คนไข้มีอาการปวดท้อง โดยเฉพาะตรงบริเวณชายโครงด้านขวา ซึ่งเป็นตำแหน่งของตับ นั่นเป็นเพราะตับโตขึ้น
  • อาเจียน และมีภาวะขาดน้ำ

การป้องกัน

  • พยายามอย่าให้ยุงกัด โดยให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด หรือใช้ผลิตภัณฑ์ไล่ยุง
  • จำกัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยพยายามทำบ้านให้โปร่ง ไม่มีมุมอับทึบ และกำจัดแหล่งน้ำขังในบ้านตามจุดต่าง ๆ เช่น ขารองตู้กับข้าวเป็นต้น
  • หากสงสัยว่าลูกอาจเป็นไข้เลือดออก อย่ารอให้เกิดอาการที่รุนแรง เช่น มีไข้สูง ช็อค แล้วค่อยมาพบแพทย์เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

4. ไวรัส RSVหรือโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัส RSV

เป็นโรคติดเชื้อที่มีอาการคล้ายหวัดแต่บางครั้งอาจก่อให้เกิดอาการรุนแรงจนถึงขั้นปอดอักเสบได้เลยทีเดียว ไวรัส RSVเป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจโดยเฉพาะในเด็กเล็ก ซึ่งอาการบางอย่างของไวรัส RSV นี้อาจคล้ายกับอาการของไข้หวัด เช่น มีไข้ไอจามอาจจะทำให้พ่อแม่แยกความแตกต่างของอาการหวัดและไวรัสได้ยาก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการของโรคติดเชื้อไวรัส RSV

  • เด็กมีอาการหอบเหนื่อยและหายใจลำบาก
  • หายใจเร็ว และมีเสียงครืดคราด ๆ
  • ไอหนักมาก ๆ
  • มีเสียงหวีดในปอด (จากการที่เยื่อบุทางเดินหายใจบวมอักเสบและหลอดลมหดตัว)
  • มีเสมหะมาก
  • มีไข้
  • หากลูกมีโรคประจำตัวอย่างหอบหืด ภูมิแพ้ ควรพาลูกไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีอาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว โดยอาจมีอาการหยุดหายใจเป็นช่วงๆ หรือหายใจล้มเหลว

การป้องกัน

  • ให้ลูกหมั่นล้างมือบ่อย ๆ
  • หากลูกป่วยควรแยกเด็กออกจากเด็กปกติเพื่อป้องกันการไอจามแพร่เชื้อให้กับผู้คนที่อยู่รอบข้าง

แม้ว่าบางโรคอาจจะดูร้ายแรง แต่หากทำการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะช่วยบรรเทาความรุนแรงของอาการลงได้มาก เพราะฉะนั้นหากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกของเราป่วย ก็ควรพาไปพบแพทย์ทันทีนะคะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

Credit : www.paolohospital.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

โรคยอดฮิต ทารกแอดมิทกันเพียบช่วงนี้! ดูให้ดี ลูกมีไข้สูง 5 วัน แล้วออกผื่น หรือไม่?

บำรุง หรือ ทำร้าย? 3 อาหารบำรุงร่างกายที่อาจทำร้ายลูกถึงชีวิต

ลูกติดเชื้อทางเดินหายใจ ทรมานกว่าจะหาย ไม่อยากเสียใจที่เห็นลูกป่วย พ่อแม่ต้องทำแบบนี้

บทความโดย

kamonchanok