เบนแซค คืออะไร รักษาสิวได้จริงหรือ ประโยชน์และสรรพคุณคืออะไรบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เบนแซค คืออะไร ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงชอบนำมารักษาสิว สามารถรักษาสิวได้จริงหรือ วันนี้ theAsianprent นำคำตอบที่ทุกคนสงสัยมาฝากค่ะ ไปดูกันเลย

เบนแซคคืออะไร

เบนแซค

เบนแซค (Benzac AC) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้รักษาสิวอักเสบและสิวอุดตัน มีตัวยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อสิว และผลัดเซลล์ผิว ตัวยาเบคแซคมีด้วยกัน 2 ขนาด คือ Benzac 2.5% (มีฤทธิ์อ่อน) Benzac 5% (มีฤทธิ์เข้มข้น) และในต่างประเทศมีระดับความเข้มข้นสูงสุดถึง 10%

คนส่วนใหญ่ชอบใช้เบนแซครักษาสิว เบนแซครักษาสิวได้จริงหรือ

เบนแซคสามารถใช้ในการรักษาสิวได้ เนื่องจากตัวยาเบนแซค สามารถเข้าไปฆ่าเชื้อ P.acne ช่วยทำให้สิวหลุดออกจากตุ่มสิว และสามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียอีกด้วย กระบวนการทำงานของเบนแซค คือการทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วกับไขมันสลายตัวไป ทำให้สามารถช่วยรักษาและป้องกันสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบมีหนองได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

Benzac , Differin และ Retin – A แตกต่างกันอย่างไร 

  • Benzac : เบนแซคเหมาะกับการรักษาสิวอักเสบ เพราะเบนแซคมีตัวยาที่ช่วยในการฆ่าเชื้อสิว เมื่อเลิกใช้ไม่ทำให้ดื้อยา สามารถกลับมาใช้ซ้ำได้ เบนแซคสามารถช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เบนแซคก็สามารถช่วยรักษาสิวอุดตันได้ แต่ไม่ได้ช่วยรักษาเต็มร้อยเหมือนรักษาสิวอักเสบ
  • Differin : ดิฟเฟอรีนเป็นยาทาที่ใช้รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ สำหรับคนที่มีสิวจำนวนน้อยหรือปานกลาง ตัวยามีส่วนช่วยในการลดการอักเสบของสิว ตัวยาจะละลายต่อมไขมันที่ทำให้เกิดสิวอุดตันได้ดี
  • Retin – A : เรตินเอ เป็นยารักษาสิวอุดตัน แต่เรตินเอก็ไวต่อแสงมาก หากใครคิดที่จะใช้ เรตินเอ ไม่ควรโดนแสงระหว่างที่ใช้ แนะนำให้ใช้เรติเอในช่วงก่อนนอน โดยทาบาง ๆ เมื่อตื่นนอนล้างด้วยน้ำสะอาด และไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และ AHA เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคือง

บทความที่เกี่ยวข้อง : ทำไม ยารักษาสิว จึงอันตรายกับลูกในท้อง 100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 75

เบนแซคทำให้สิวเห่อจริงหรือ

เบนแซค

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ตัวยาเบนแซคจะปล่อยออกซิเจนอิสระออกมาฆ่าเชื้อ เบนแซคไม่ได้ทำให้สิวเห่อ ต่างจากกรดวิตามินเอที่ทำให้สิวเห่อขึ้นเพียงเล็กน้อยขณะเริ่มใช้ในสัปดาห์แรก ๆ สำหรับคนที่ใช้แล้วมีอาการผิวหน้าแห้งลอก ระคายเคืองควรใช้ยาในเวลาสั้น ๆ แล้วล้างออก เพื่อไม่ให้เกิดอาการแพ้หรือคันที่ใบหน้า

วิธีใช้เบนแซคที่ถูกต้อง

  • ทาบริเวณที่เป็นสิว 2 ครั้ง เช้า – เย็น ในช่วงแรกควรลองทาวันละ 1 ครั้งก่อน เพื่อดูว่าผิวหนังของเราแพ้หรือไม่ เวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับสิวของแต่ละคน โดยส่วนใหญ่ประมาณ 4 – 6 สัปดาห์ ก็จะดีขึ้น หากไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ทันที
  • ควรใช้ก่อนล้างหน้า 5 – 15 นาที เนื่องจากเบนแซคสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองได้ ดังนั้นไม่ควรทาทิ้งไว้นานเกิน 30 นาที
  • ทายาเบนแซคที่ใบหน้าบาง ๆ ในบริเวณที่เป็นสิวอักเสบ หลีกเลี่ยงบริเวณที่เป็นเนื้ออ่อน รอบดวงตา ริมฝีปาก และจมูก
  • เมื่อครบ 5 – 15 นาทีแล้ว ให้ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้าสูตรอ่อนโยน ไม่ควรใช้โฟมล้างหน้าที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
  • ล้างเสร็จแล้วทาครีมสูตรอ่อนโยน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวหน้า

ประโยชน์และสรรพคุณของเบนแซค

  • เบนแซคมีฤทธิ์ในการต้านเชื้อแบคทีเรีย
  • มีตัวยา  Propionibacterium acnes (P.acnes) ทำให้หัวสิวที่อักเสบแห้ง ตกสะเก็ด และหลุดลอก
  • เบนแซคมีสารให้ความชุ่มชื่น เพื่อลดอาการแพ้ หรือผลข้างเคียงขณะใช้ยา
  • มี Acrylates Copolymer (AC) ที่เป็น copolymer ซึ่งจะปล่อย Glycerin ที่มีส่วนในการช่วยให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว และในขณะเดียวกัน AC จะทำให้ผิวหน้าดูดซับไขมันส่วนเกิน สาเหตุของการเกิดสิวอักเสบ และสิวอุดตัน

บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ยาแต้มสิวใช้ดี แนะนำยาแต้มสิวขั้นเทพ ฆ่าเชื้อสิวได้หมดจด

ผลข้างเคียงจากการใช้เบนแซค

  • การใช้เบนแซคอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
  • ทำให้ผิวหน้าลอก หน้าแดง ลอกเป็นขุย แสบคัน
  • ขณะใช้แนะนำว่าควรทิ้งยาบนใบหน้า เป็นเวลาสั้น ๆ แล้วล้างออก ในช่วงแรก เพื่อให้สภาพผิวลองปรับตัวกับเนื้อครีมก่อนในช่วงแรก
  • หลังจากผิวหน้าเริ่มเคยชินกับตัวยาเบนแซค ถึงจะค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาในการทายาให้นานขึ้น แต่หากทาแล้วรู้สึกแสบหน้า หรือมีผื่นคันอย่างรุนแรง ควรหยุดใช้ และปรึกษาแพทย์ทันที

วิธีดูแลตัวเอง ไม่ให้เป็นสิว

เบนแซค

  • ล้างหน้าให้สะอาด : ล้างหน้าให้สะอาดเป็นประจำเช้า – เย็น ถ้าล้างหน้าไม่สะอาดอาจทำให้สิ่งสกปรกไปอุดตันที่รูขุมขน ทำให้เกิดสิวอุดตันตามมา
  • ใช้ยาแต้มสิว : เมื่อเป็นสิวอักเสบ ไม่ควรนำมือไปแกะ หรือบีบสิวเด็ดขาด การทายาจะช่วยลดการอักเสบของผิวบริเวณที่เป็นสิว
  • ไม่ควรแกะสิว หรือสัมผัสใบหน้าบ่อย ๆ : ไม่ใช้มือแคะ แกะ เกา ใบหน้าหรือบริเวณที่เป็นสิว เพราะการที่นำมือไปสัมผัสกับใบหน้าบ่อย ๆ จะทำให้ผิวเกิดการระคายเคือง และยิ่งเราใช้มือไปบีบสิว จะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบจนเชื้อสิวกระจายเป็นวงกว้างมากขึ้น
  • ซักผ้าปูที่นอนเป็นประจำ : เนื่องจากที่นอนเป็นแหล่งสะสมเชื้อแบคทีเรีย ปลอกหมอนหรือผ้าปูสัมผัสหน้าอยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้นควรเปลี่ยนผ้าปูที่นอนหรือซักบ่อย ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
  • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ : ควรพักผ่อนอย่างน้อยวันละ 8 – 10 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมผิวให้มีสุขภาพที่ดี
  • ดื่มน้ำเยอะ ๆ : การดื่มน้ำเยอะ ๆ ในปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย จะช่วยให้ชำระล้างสารพิษในร่างกาย ใครที่กำลังมีสิว หรือสำหรับคนที่มีสิวอยู่ การดื่มน้ำเยอะ ๆ ก็ช่วยได้

บทความที่เกี่ยวข้อง : อาหารลดสิว 10 อย่าง อาหารกินแล้วสิวลด กินยังไงให้หน้าใสไร้สิว

ที่มา : today.line.me,sistacafe

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Nanticha Phothatanapong