คนรุ่นใหม่นั้นสามารถสร้างสรรค์และพัฒนาโลกใบนี้ต่อไปได้อย่างไม่รู้จบ วันนี้ theAsianparent พามาทำความรู้จักกับ 5 เด็กเก่งแห่งปีจากนิตยสาร Times โดยนำบทสัมภาษณ์สุด Exclusive โดยการเลือกเด็กๆ นั้นได้คัดเลือกเด็กวัย 8-16 ปีที่มีความสามารถและสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้แก่สังคมจากพื้นที่ต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกากว่า 5,000 คน คัดเลือกเหลือ 5 คน ที่ได้รับคะแนนโหวตมาจากในประเทศมากที่สุด วันนี้เราชวนมาดู เด็กเก่งแห่งปี 2020 จากนิตยสาร Times, Kid of the Years
ชวนมาดู เด็กเก่งแห่งปี 2020 จากนิตยสาร Times, Kid of the Years
คนแรก สาวน้อย กิทันจาลี ราวด์ (Gitanjali Rao), อายุ 15 ปี สัมภาษณ์โดย แองเจลินา โจลี่
เด็กเก่งแห่งปี 2020
กิทันจาลี ราวด์ (Gitanjali Rao) เป็นนักวิทยาศาสตร์และนักประดิษฐ์อายุ 15 ปี ที่ได้รับยกย่องให้เป็นเด็กแห่งปีคนแรกของนิตยสาร Time โดยหนูน้อยชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียนั้น มีความสามารถในการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับสังคมและพื้นที่ต่างๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา โดย กิทันจาลี ราวด์ นั้นมีความสนใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีตั้งแต่เด็กๆ โดยเธอมีโปรเจกต์มากมายที่เกี่ยวกับน้ำดื่มที่ปนเปื้อน สารเสพติดในฝิ่น และ การกลั่นแกล้งทางไซเบอร์ (Cyberbullying) และ นวัตกรรมต่างๆ ที่จะช่วยขับเคลื่อนสังคม
โดย กิทันจาลี ราวด์ มีข้อความที่สำคัญที่จะสื่อทุกคนคือ “ไม่ต้องพยายามที่จะแก้ไขทุกปัญหา แต่ให้โฟกัสไปที่ประเด็นสำคัญ ถ้าฉันทำได้ ทุกคนก็ทำได้”
โดยบทสัมภาษณ์ของนิตยสารไทม์ เธอเปิดเผยกับ แองเจลีนา โจลี ว่าภาพของนักวิทยาศาสตร์เป็นผู้ชายผิวขาวที่มักปรากฏในหน้าจอโทรทัศน์นั้นเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบันนั้นมันเป็นบทบาทหน้าที่ที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นว่า ทุกคนสามารถที่จะทำทุกอย่างได้เหมือนกัน ทุกๆปัญหานั้นสามารถแก้ไขได้ถ้าเริ่มต้นที่จะแก้ไขปัญหาโดยอาศัยเทคโนโลยีเป็นตัวช่วย
คนที่สอง ไทเลอร์ กอร์ดอน (Tyler Gordon), เด็กหนุ่มอายุ 14 ปี
เด็กเก่งแห่งปี 2020
ไทเลอร์ กอร์ดอน นั้นมีร่างกายพิการตั้งแต่กำเนิด กระดูกขาและสะโพกเพราะขาดวิตามินดี และ ไทเลอร์ กอร์ดอน นั้นก็เกิดมาหูหนวก แต่ได้รับการผ่าตัดตอนอายุ 5 ขวบ ซึ่งทำให้เขาได้ยินบ้าง แต่ก็ทำให้เขาพูดติดอ่าง ซึ่งทำให้เขาถูกรังแก (Bully) มากจนแทบจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น
“โดยการหลบหนีจากโลกภายนอกนั้นทำให้ ไทเลอร์ไม่พูดอะไรเลย เขาจะพยักหน้าหรือชี้เท่านั้น” กล่าวโดย Nicole Kindle แม่ของไทเลอร์
แต่เมื่อไทเลอร์อายุครบ 10 ขวบ ก็พบว่าเขามีฝีมือด้านศิลปะ หลังจากที่เขาได้มองแม่เขาวาดภาพ ไทเลอร์ก็ตัดสินใจที่ลองวาดภาพและก็ได้รับรางวัลที่หนึ่งในการประกวดศิลปะของโรงเรียน โดยในช่วงเวลาสี่ปีที่ผ่านมา ไทเลอร์ นั้นได้วาดรูปคนมากกว่า 500 รูป โดยสไตล์ที่ไทเลอร์จะวาดนั้นจะเป็นลักษณะวาดรูปคนด้วยโทนสีดำ ไทเลอร์เผยว่า “บางความรู้สึกที่ฉันไม่สามารถพูดออกมาได้ ฉันจึงพูดผ่านงานศิลปะของฉัน” โดยแม่ของไทเลอร์เผยว่า ศิลปะนั้นช่วยให้ไทเลอร์ต่อสู้กับความกลัวในเรื่องของการพูด เขาไม่พูดติดอ่างอีกหลังจากที่ได้วาดภาพ แม่ของไทเลอร์หวังว่าเด็กๆทุกคนจะสามารถเอาชนะความกลัวผ่านศิลปะได้เหมือนกัน
คนที่สาม จอร์แดน รีวีส์ (Jordan Reeves), ดีไซน์เนอร์และนักกิจกรรมวัย 14 ปี
เด็กเก่งในปี 2020
จอร์แดน รีวีส์ นั้นเป็นดีไซน์เนอร์และนักกิจกรรมวัยเพียง 14 ปี เธอเกิดมาพร้อมกับแขนซ้ายที่หยุดเจริญเติบโตใต้ข้อศอกซึ่งความแตกต่างทางด้ายกายภาพของเธอ ทำให้เธอมีความหลงใหลที่จะออกแบบอวัยวะเทียมเพื่อคนพิการ โดยในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา จอร์แดนได้ทำอวัยวะเทียมในรูปแบบ 3D เพื่อที่จะได้ช่วยเหลือเด็กที่พิการ โดยจากการที่เธอเป็นคนพิการเธอรู้สึกว่าโลกนี้เหมือนไม่ได้สร้างมาเพื่อพวกเรา ด้วยความร่วมมือกับแม่ จอร์แดนก่อตั้ง Born Just Right เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรที่จะส่งเสริมและช่วยเหลือเด็กผู้พิการ
จอร์แดนมองว่าการออกแบบที่ดีจะช่วยส่งเสริมศักยภาพให้กับผู้พิการ “เด็กพิการหลายคนมีมุมมองที่ติดลบกับโลกใบนี้ เพราะรู้สึกว่าโลกไม่ได้สร้างมาเพื่อเรา” เพราะฉะนั้นแนวคิดการออกแบบที่เราเติบโตมากับมันจะเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยเหลือเด็กเหล่านั้นได้ จอร์แดนเผยว่า “แค่คุณคิดถึงคนอื่นก่อนตัวเองนั้นเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกใบนี้แล้ว อย่าคิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลงเล็กหรือใหญ่แค่ไหน”
นอกจากนี้ในปี 2020 จอร์แดนได้เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมในด้านการออกแบบดิจิทัลสำหรับ Born Just Right โดยการประชุม United State of Women เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ และ จอร์แดนเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในบรรดา 30 คนทั่วโลก รวมถึงจอร์แดนได้ร่วมมือกับ Microsoft ในการออกแบบกีตาร์ที่ทุกคนสามารถเล่นได้รวมถึงคนพิการด้วย
คนที่สี่ เบลเล็น วูดาร์ด (Bellen Woodard), นักกิจกรรมวัย 10 ปี
เด็กเก่งในปี 2020
เบลเล็น วูดาร์ด มีอายุเพียง 10 ปี แต่เธอเป็นนักกิจกรรมตัวยง ที่ได้ใช้ดินสอสีในการสะท้อนถึงปัญหาสีผิวของคนบนโลกใบนี้ โดยมีการบอกว่า เบลเล็น วูดาร์ด เป็นนักกิจกรรมที่ใช้ดินสอสีคนแรกของโลก
ความคิดที่อยากจะใช้ดินสอสีในการสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของ เบลเล็น ได้ถามถึง สีของดินสอสีของเธอ ซึ่งเธอเป็นนักเรียนผิวสีคนเดียวในชั้นประถมศึกษา เบลเล็นรู้ว่าเพื่อนร่วมชั้นหมายถึงดินสอสีพีช แต่ตัวของเบลเล็นนั้นไม่มีสีพีช เธอจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาแม่ของเธอ แม่ของเบลเล็นแนะนำว่าครั้งหน้าก็ยื่นสีน้ำตาลให้เพื่อนสิ แต่เบลเล็นไม่อยากที่จะทำแบบนั้น เพราะสีมีหลายสี และ สีผิวทุกสีแตกต่างกัน
ถึงแม้ว่าการวิจัยจะเผยให้เห็นว่าเด็กๆ เริ่มจะเข้าใจเชื้อชาติได้ตั้งแต่ 4 ขวบ แต่นักวิจัยจาก Boston University ก็ประเมินว่าเด็กบางคนก็อาจจะยังไม่รู้และเข้าใจเกี่ยวกับเชื้อชาติและสีผิว
ในปี 2019 เบลเล็น ได้เปิดตัว More Than Peach องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่บริจาคดินสอสี และ สมุดวาดรูป ให้กับนักเรียนทั่วประเทศ โดยกล่องดินสอสีของเธอนั้นเต็มไปด้วยความน่าสนใจ เพราะทุกสีนั้นถูกตั้งตามสีต่างๆที่ได้พบตามธรรมชาติ เช่น “Sahara” จากทะเลทรายซาฮาร่า “Reef” จากสีของแนวปะการัง “Koko” จากสีโกโก้ เบลเล็นเผยว่า ทุกสีนั้นก็เหมือนสีผิว ทุกคนมีสีผิวที่แตกต่างกันและหวังว่าจะทำให้ทุกคนรู้ว่าถึงแม้สีผิวจะแตกต่างกันแต่ทุกคนสามารถเข้าใจและเท่าเทียมกันได้
คนที่ห้า เอียน แมคเคนนา (Ian McKenna), นักกิจกรรมวัย 16 ปี
เด็กเก่งในปี 2020
ในตอนที่ เอียน แมคเคนนา เรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 เขาได้รู้ว่าโรงเรียนที่เขาเรียนมีนักเรียนที่ไม่มีอาหารทานที่บ้านเป็นจำนวนมาก หรือ เทียบเท่ากับ 1 ใน 4 ของโรงเรียน เอียนจึงตัดสินใจอยากจะช่วยและได้มีการเข้าไปติดต่อองค์กรอาสาสมัครในพื้นที่แต่เขาได้รับการปฏิเสธเพราะยังเด็กเกินไป แต่เอียนไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจหาทางออกให้ตัวเอง โดยเขาตัดสินใจที่จะทำสวนกับแม่และแจกจ่ายผักให้กับเพื่อนบ้าน
เอียน ได้ทำการจัดสรรพื้นที่สำหรับสวนในโรงเรียน และได้ขอให้ชุมนุมบริจาคเมล็ดพันธุ์และอุปกรณ์มาช่วยในการทำสวน โดยไม่กี่เดือนสวยของเอียน ได้ผลิตผักโขม และ มะเขือเทศ รวมถึง แตงกวา มอบให้กับนักเรียนในโรงเรียน 7 ปีต่อมาโครงการ McKenna’s Giving Garden ได้ขยายไปยังโรงเรียน 5 แห่ง โดยเอียนเผยว่า “การเป็นมนุษย์ดีที่ต้องช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทุกวิถีทางเท่าที่คุณทำได้ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม”
Source : Time
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
พัฒนาการทางภาษา เด็กวัย 1 เดือน พัฒนาการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 64 การทานอาหารเสริม ในแม่ท้อง ทำได้หรือไม่
100 สิ่งแม่ท้องต้องรู้ ตอนที่ 61 การเสริมพัฒนาการในครรภ์ เริ่มต้นที่ 27 สัปดาห์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!