เจอแล้ว! ” น้องนะโม ” หลังถูกชาวพม่าลักพาตัวไป
หลังจากที่ มูลนิธิกระจกเงา ได้ออกประกาศเรื่องเด็กถูก ลักพาตัว โดย พบว่า ด.ญ.สรามัต ศิลาหิรัญ อายุ 2 ปี ชื่อเล่น น้องนะโม หายไปจากเคหะยูเนี่ยนควนลัง ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2560 แล้วนั้น
ภาพจากเฟสบุ๊คมูลนิธิกระจกเงา กรณี น้องนะโม โดน ลักพาตัว
ล่าสุดพบน้องแล้วนะคะ โดยมีพลเมืองดีได้เข้าให้การช่วยเหลือ เนื่องจากคิดว่า นางชู หรือมะพิ้ว อายุ 38 ปี ชาวพม่า กับน้องนั้นเป็นแรงงานมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และไม่สามารถสื่อสารได้ทั้งสองคน จึงประสานงานกับตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับตัวไป ซึ่งขณะนี้ น้องนะโม ได้พบกับครอบครัวเป็นที่เรียบร้อยแล้วและน้องปลอดภัยดี
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวและทีมงานผู้เกี่ยวข้องทุกคน ต้องขอขอบพระคุณชาวโซเชียลและสำนักข่าว ที่ช่วยกันกระจายข่าว
ที่มา : มูลนิธิกระจกเงา
อย่าปล่อยให้ลูกคลาดสายตา อุทาหรณ์ ลูกเกือบถูกลักพาตัว
ความกังวลของคุณแม่หลาย ๆ คน ก็คงไม่อยากให้ลูกพ้นไปจากสายตา แม้ว่าคุณแม่เองก็มีกิจกรรมหลาย ๆ อย่างที่ต้องทำ ลูกเองก็ต้องไปโรงเรียน เรียนหนังสือบ้าง ร่วมกิจกรรมเสริมพัฒนาการต่าง ๆ บ้าง พ่อแม่ ก็พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปกป้องลูกน้อย แต่ก็ต้องสอนให้ลูกปกป้อวตัวเอง ในกรณีที่พ่อแม่เผลอคลาดสายตา หรือสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย อีกหนึ่งอุทาหรณ์ ที่พ่อแม่ต้องระวัง ก่อนลูกหาย ใครมีลูกเล็กวัยตั้งแต่ 2-3 ขวบขึ้นไป ต้องอ่าน
สมาชิกเฟซบุ๊กท่านหนึ่งได้โพสต์ อุทาหรณ์ ลูกเกือบถูกลักพาตัว เพื่อเตือนภัยเรื่องใกล้ตัว ต้องระมัดระวังก่อน ลูกหาย โดยได้เล่าว่า
สัญญากับเพื่อนสาวว่า มีเวลาจะรีบมาแชร์ประสบการณ์อันเลวร้ายที่แม่เดย์ & ด้าเจอมาเมื่อวาน เอาจริง ๆ ก็ชั่งใจมากกกกกกกก เพราะกลัวคนอ่านจะมองว่าเราเป็นแม่ที่ไม่ระมัดระว้ง แต่คิดแล้วว่าถึงจะถูกใครบ่นหรือมองอย่างไรก็คงต้องแชร์ เพราะมันใกล้ตัวจริง ๆ ค่ะ มันเกิดขึ้นแล้วจริงค่ะ
ดังนั้นก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจในเบื้องต้นก่อนนะคะว่า แม่เป็นคน safety concious มากนะคะ ปกติตอนสมัยด้าเด็กกว่านี้ เราจับนั่งรถเข็นในห้าง หรือใช้สายจูงเสมอ แต่เนื่องจากพอเราเห็นว่าลูกโตขึ้นพูดรู้เรื่อง ไม่วิ่งเยอะประกอบกับเราค่อนข้างชำนาญและรู้จักที่ที่ไปดี สิ่งที่ไม่คาดคิดจึงเกิดขึ้น
เมื่อวาน 2 เมษายน 2561 วันสุดท้ายก่อนกลับใต้ เราสองคน (แม่&น้องด้า) มีนัดกับกลุ่มเพื่อนสนิทสุดจี๊ดของแม่ ทานข้าวเย็นตรงเพลินจิต (ออฟฟิศป้าต่อ) แต่เนื่องจากเราต้องออกจากบ้านป้าเดียร์เร็วหน่อย จึงตัดสินใจนั่งรถไฟฟ้ามาลงพารากอนเดินเล่นกินขนมกันเล็กน้อย ก่อนไปเจอเพื่อนแม่
รถไฟฟ้าแล่นจากสถานีช่องนนทรีมาจอดสถานีสยาม เราสองคนแม่ลูก ลงจากรถไฟฟ้าผ่านประตูด้าน D&G แล้วใช้บันไดเลื่อนลงสู่ชั้น food court เดินผ่าน บันไดเลื่อนมานิดหน่อย แม่ตัดสินใจเลี้ยวไปหยุดตรงร้านขนมเพื่อซื้อ ทาร์ตไข่หนึ่งกล่อง เผื่อไปทานเล่นที่ออฟฟิศป้าต่อ
ตั้งแต่ขึ้นรถไฟฟ้าจนลงมายังร้านขนม เราสองคนจูงมือกันมาตลอด ด้ายืนอยู่ด้านซ้ายของแม่ในขณะที่เรายืนซื้อขนมทาร์ตไข่จิ๋วของโปรด พี่พนักงานแจ้งราคารวม แม่ปล่อยมือด้า คว้ากระเป๋าสตางค์มาเปิดหยิบเงินในกระเป๋ายื่นให้พี่ แล้วหันมายิ้มกับลูก แต่วินาทีที่หันมานั้น ทุกคนคะ “ลูกหาย” ด้วยสัญชาตญาน ตะโกนคล้ายกรี๊ดสุดเสียงว่า “ดีด้า!” มองไปด้านซ้ายห่างออกไปเมตรนิดๆ หน้าดีด้าหันมาตกใจ ด้าตอนนั้นเหมือนกำลังจูงมือ ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกไป ลูกตกใจร้องไห้วิ่งกลับมากอดเรา ผู้หญิงคนนั้นหน้ายิ้ม ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราในตอนนั้นคิดแค่ว่าทำไมลูกงงไปจูงคนอื่น น้องพนักงานก็งงกันมากเพราะมันเป็นเวลาเสี้ยววินาทีจริง ๆ ค่ะ ก็แค่โทษตัวเองว่าทำไมปล่อยมือลูก แล้วยืนคุยกับน้องพนักงานต่อนิดหน่อย
ลูกยังคงร้องไห้ด้วยความตกใจเพราะแม่เสียงดังมาก เลยรีบพานางไปหาที่นั่ง ได้ร้าน Milch เป็นที่ปักหลักเพราะมีน้ำตกใกล้ ๆ ทำให้ลูกลืม ๆ ความตกใจไป สักพักเห็นลูกดีขึ้นก็เลยถามว่าหนูไปจูงมือเค้าทำไม นึกว่าแม่เหรอคะ ลูกตอบว่า “เค้ามาจูงมือหนูค่ะ” เอาจริงนี่ก็ยังไม่แน่ใจ แต่พอคิดถึงความเร็วของการเดินกับเวลาที่เราหันไปจ่ายเงิน มาเร็วเกินกว่าจะเป็นการเดินตาม มันคล้าย ๆ ถูกลากไป พอถึงตอนนั้นแม่มันเหมือนจะตาย จะร้องก็ร้องไม่ออกเกลียดตัวเอง นึกว่าถ้าหันไปไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น…ถ้าหันไปไม่ทัน แม่จะมีวันได้เห็นภาพนี้หรือไม่
ฝากเป็นอุทาหรณ์สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองทุกท่านนะคะ ที่คิดจะพาลูกไปในที่พลุกพล่าน คนที่เป็นอันตรายส่วนใหญ่หน้าตาดีดูไม่มีพิษภัย (ผญ.คนนั้นดูใจดี อายุน่าจะราว 45-50 ผิวขาวแต่งกายดี) และดีที่สุดคือพึงระวังอย่าให้ลูกคลาดสายตาแม้วินาทีค่ะ เด็กเล็กแนะนำใช้สายจูง หรืออุ้มตลอดเวลานะคะ กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะเรื่องแบบนี้
บุญรักษาทุกท่านค่ะ
แม่เดย์และน้องด้า
ปล.ในรูปคือร้าน Yogurtland หลังจากทาน Milch เสร็จนะคะ”
ทางทีมงานดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ ขอขอบคุณคุณแม่ที่มาแชร์ประสบการณ์ เป็นอุทาหรณ์ เตือนใจแม่ ๆ ท่านอื่นให้ระมัดระวังลูก อย่าปล่อยให้ ลูกหาย อย่าให้ลูกคลาดสายตา เพราะอาจถูกลักพาตัว นอกจากนี้ เรายังมีทักษะที่พ่อแม่ต้องสร้าง เป็นเกราะป้องกันตัวให้กับลูก เพื่อป้องกันลูกหาย
3 ทักษะต้องสร้าง วิธีป้องกันลูกหาย
3 ทักษะต้องสร้าง วิธีป้องกันลูกหาย
สิ่งที่พ่อ แม่ ผู้ปกครองควรสร้างทักษะให้ลูกเพื่อป้องกันการถูกลักพาตัว 3 ข้อ คือ
พ่อ แม่ ผู้ปกครองต้องสอนบ่อยๆ ว่าอย่ารับของจากคนเเปลกหน้า อย่าไปไหนกับคนแปลกหน้า ต้องคุยกับเด็กบ่อยๆ ถามกิจวัตรประจำวันของเด็กด้วย บางทีคนร้ายไม่ได้มาครั้งแรก อาจพยายามชักชวนเด็กหลายครั้งจนเด็กเกิดความไว้วางใจแล้วไปกับเขาได้
ต้องพูดคุยถามลูกบ่อยๆ ว่าไปวิ่งเล่นเป็นไง มีเพื่อนใหม่ไหม มีคนมาซื้อขนมให้กินไหม จะได้รู้ความเคลื่อนไหวว่ามีคนร้ายพยายามก่อเหตุลักเด็กไหม จริงๆ แล้วบางครั้งคนก่อเหตุอาจไม่ใช่คนแปลกหน้าก็ได้ อาจเป็นคนในชุมชน เป็นคนที่เด็กรู้จักและคุ้นเคย หรือใกล้ชิด เพราะหลายกรณีที่ผู้ก่อเหตุ คือ คนใกล้ชิดนั่นเอง
ในกรณีที่พ่อ แม่ ไม่อยู่ด้วย ต้องสอนเด็กว่าเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย ตกอยู่ในอันตราย หรือมีคนพาออกไปที่อื่น ต้องร้องขอความช่วยเหลือกับคนที่ผ่านไปมาทันที เพราะส่วนใหญ่คนร้ายไม่มีรถส่วนตัว จะพาขึ้นรถไฟ รถเมล์ รถสาธารณะ รถสองแถว
- พ่อแม่ต้องปลูกฝังและสอนบุตรหลานบ่อย ๆ
อย่าขู่ลูกว่าระวังแก๊งรถตู้จับเด็ก ต้องสอนเขาว่าเวลาคนแปลกหน้าให้ขนม ของเล่น ถ้าไม่ใช่ญาติ คนคุ้นเคย หรือพ่อแม่ไม่อยู่ด้วย อย่ารับของเด็ดขาด ต้องรีบกลับมาหาพ่อแม่ ครู มาถามก่อนว่ารับได้ไหม ให้เด็กรู้ว่าเวลาใครจะให้ของก็ต้องวิ่งมาหาแม่ก่อน
สำหรับสิ่งที่แก๊งลักเด็กใช้ล่อ คือ เงิน ขนม ของเล่น เกม และบอกว่าพ่อแม่ให้มารับ
3 ทักษะต้องสร้าง วิธีป้องกันลูกหาย
อ่านข่าวต่อได้ที่ : https://www.thairath.co.th
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ด.ญ. 9 ขวบรอดจากแก๊งลักเด็กหวุดหวิด เพราะสื่อโซเชียล
ภัยใกล้ตัว สอนลูกให้รู้ทันก่อนถูกมิจฉาชีพลักพาตัว
ลูกติดเชื้อทางเดินหายใจ เพราะคนแปลกหน้าอุ้ม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!