10 อาการป่วยของลูก ที่ไม่ควรมองข้าม

คุณพ่อคุณแม่มือใหม่มักจะเกิดความไม่แน่ใจ และวิตกกังวลกับอาการต่างๆ ของลูกน้อยอยู่เสมอว่า ลูกมีอาการแบบนี้ปกติหรือเปล่า ซึ่งส่วนใหญ่มากจะพบว่าเป็นเรื่องปกติที่คุณพ่อคุณแม่อาจกังวลมากเกินไป แต่สำหรับอาการต่อไปนี้ คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเด็ดขาดค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อาการป่วยของลูก ที่ไม่ควรมองข้าม

  1. มีไข้สูง

ในเด็กอายุน้อยกว่า 3 เดือนหากมีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส ถือว่ามีความผิดปกติ อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ซึ่งสามารถแพร่กระจายไปทั่วร่างกายได้อย่างรวดเร็ว คุณแม่ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจน แม้อาจจะพบว่าเป็นเพียงไข้ไวรัสทั่วไปก็ตาม

  1. ไข้ไม่ลด หรือมีไข้นานกว่า 5 วัน

หากคุณป้อนยาลดไข้ไปแล้ว 4-6 ชั่วโมงแต่ไข้ก็ยังไม่ลด ควรพาลูกไปพบแพทย์ เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อที่อาจมีความรุนแรง และคุณหมอจำเป็นต้องวินิจฉัยหาสาเหตุที่แน่ชัด อาการไข้จากเชื้อไวรัสมักจะหายภายใน 5 วัน แต่หากลูกน้อยเป็นไข้ยาวนานกว่านั้น แม้จะเป็นไข้ต่ำๆ ก็ตาม อาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เป็นโรคปอดบวม ปอดอักเสบ ซึ่งต้องได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ

  1. มีไข้ร่วมกับปวดศีรษะ

อาการไข้ร่วมกับอาการคอแข็งหรือปวดศีรษะ หรือมีผื่นขึ้น เป็นจุดแดงเล็กๆ หรือเป็นคล้ายรอยช้ำ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ซึ่งต้องได้รับการรักษาทันที

  1. มีไฝผิดปกติ

หากคุณสังเกตว่าลูกมีไฝเกิดขึ้นใหม่ หรือไฝมีการเปลี่ยนแปลงควรรีบพาลูกไปพบแพทย์ เพราะอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะกลายเป็นมะเร็ง ควรหมั่นตรวจสอบผิวลูกระหว่างอาบน้ำทุกเดือน และแจ้งแพทย์เมื่อคุณสังเกตเห็นไฝมีรูปร่างผิดปกติ ไม่มีขอบ ไม่เป็นสีเดียวกัน หรือใหญ่ขึ้น เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณของโรงมะเร็งผิวหนัง

  1. ปวดท้องเฉียบพลัน

อาการปวดท้องที่อยู่บนด้านขวาล่างอาจเป็นสัญญาณของโรคไส้ติ่งอักเสบ บางครั้งอาจมีอาการอื่นๆ ร่วมด้วย เช่น ท้องเสีย หรือ อาเจียน และมีไข้ แม้ว่าอาการจะคล้ายกับไวรัสกระเพาะอาหารปกติซึ่งจะมีไข้ และอาเจียน ปวดท้องและท้องเสีย แต่ไม่ควรมองข้ามโรคไส้ติ่งอักเสบ จึงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาโดยเร็ว

หากลูกของคุณอายุน้อยกว่า 4 ปี และมีอาการปวดเกร็งท้องอย่างรุนแรงเป็นพักๆ ประมาณ 20-60 นาที ร้องไห้งอแงกระสับกระส่าย อาเจียน ถ่ายมีเลือดปนออกมากับมูก มีไข้และอาการซึมลง อาจเป็นสัญญาณของโรคลำไส้กลืนกัน ควรรีบพาไปพบแพทย์ด่วน

  1. ปวดศีรษะและอาเจียน

หากลูกมีอาการปวดศีรษะในตอนเช้าหรือปวดจนต้องตื่นขึ้นมากลางดึก ร่วมกับอาเจียน อาจเป็นสัญญาณของอาการไมเกรน ซึ่งควรได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม แม้ว่าไมเกรนในเด็กจะไม่เป็นอันตราย แต่อาการปวดศีรษะตอนเช้า และตอนกลางดึกอาจเป็นสัญญาณบางอย่างที่รุนแรงกว่านั้น จึงควรรีบไปพบแพทย์ทันที

  1. ปัสสาวะน้อยลง

อาการปากแห้ง ปัสสาวะน้อยลง และกระหม่อมบุ๋มในทารก ผิวแห้ง อาเจียนหรือท้องเสียอย่างหนัก เป็นสัญญาณของภาวะขาดน้ำ ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการช็อคได้ ควรรีบพาลูกไปพบแพทย์

  1. ริมฝีปากม่วง

หากลูกปากม่วง หรือเขียวคล้ำ และมีปัญหาการหายใจ มีเสียงจากบริเวณอกและปอด อาจเกิดจากการสำลัก อาการภูมิแพ้ ปอดอักเสบ ไอกรน และครูป ควรโทรเรียกหน่วยฉุกเฉิน 1669 แต่หากไม่มีอาการรุนแรง ให้นับอัตราการหายใจของลูกภายใน 30 วินาทีแล้วคูณด้วยสอง อัตราปกติสำหรับเด็กแรกเกิดควรน้อยกว่า 60 ครั้ง สำหรับทารกอายุน้อยกว่า 1 ปีควรหายใจน้อยกว่า 40 ครั้ง สำหรับเด็ก 1-3 ปีควรน้อยกว่า 30 ครั้ง และสำหรับเด็ก 4-10 ปีควรน้อยกว่า 24 ครั้ง

  1. ใบหน้าบวม

อาการลิ้นบวม ริมฝีปากบวม หรือตาบวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาพร้อมกับอาเจียนหรืออาการคัน มักเป็นสัญญาณการเกิดปฏิกิริยาแพ้อย่างรุนแรง (ภูมิแพ้) หากลูกมีอาการบวมร่วมกับปัญหาการหายใจ และลมพิษรุนแรง ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  1. อาเจียนหลังตกจากที่สูง

ในเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนที่อยู่ในวัยพลิกคว่ำอาจตกจากเตียงหรือที่สูง และหมดสติ หรืออาเจียน หรือกระดูกหัก ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที

หากพบว่าลูกน้อยของคุณมีอาการตามที่ได้กล่าวมาข้างต้น ควรรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็ว หากปล่อยไว้อาจรุนแรงถึงชีวิตได้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ที่มา www.parents.com

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

5 อาการป่วยของลูกที่ยังไม่ต้องรีบไปพบคุณหมอ

อาการป่วยที่พบบ่อยในทารก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา