วิธีฝึกลูกเดิน
อยากให้ลูกเดินได้เร็วต้องทำอย่างไร วิธีฝึกลูกเดิน สอนลูกหัดเดินได้ไว เดินคล่องแคล่ว ไม่ต้องอาศัยรถหัดเดิน
ลูกเดินได้! ไม่จำเป็นต้องใช้รถหัดเดิน
จากกรณีทารกเสียชีวิต เพราะรถหัดเดินไหลออกไปที่ถนน ทำให้มีการถกเถียงกันถึงประโยชน์ของรถหัดเดินว่า ควรซื้อให้ลูกใช้หรือไม่ รถหัดเดินมีประโยชน์หรือโทษกันแน่ สำหรับเรื่องนี้ รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล อธิบายถึงรถหัดเดินว่า รถที่มีลักษณะทรงกลม มีล้อที่หมุนได้รอบทิศทาง และเรียกกันติดปากว่า รถหัดเดิน แต่ความจริงแล้วสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำหนดให้เรียกว่า รถพยุงตัว และให้กำกับฉลากไว้ด้วยว่า ผลิตภัณฑ์นี้ไม่ช่วยในการหัดเดินและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
จากการศึกษาพบว่า พ่อแม่ส่วนใหญ่หาซื้อมาให้เด็กใข้ตั้งแต่อายุประมาณ 4 เดือน โดย 50% เชื่อว่าจะทำให้เด็กเดินได้เร็วขึ้น แต่ผลการศึกษาระบุว่าการให้เด็กใช้เวลาบนรถพยุงตัวหลายชั่วโมงจะทำให้กลไกการเดินของเด็กผิดปกติ และจะทำให้เดินได้ช้าไปถึง 4-6 สัปดาห์ เพราะเด็กเล็กที่อยู่ในรถการเคลื่อนที่จะใช้ปลายเท้าจิกและไถไปข้างหน้า ทำให้ท่าทางการเดินและการทรงตัวไม่ดี ซึ่งกลไกการเดินที่ถูกต้องจะใช้ส้นเท้าลงก่อน
ขณะที่พ่อแม่อีก 40% ซื้อมาใช้เพราะเหตุผลว่าไม่มีคนดูแลลูก เพราะต้องทำงานบ้าน ติดภารกิจ แต่ในทางตรงกันข้าม 2 ใน 3 ของเด็กที่อยู่ในรถจะเกิดการบาดเจ็บตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงบาดเจ็บรุนแรง เช่น รถพลิกคว่ำ ตกจากที่สูง ไปเผชิญจุดเสี่ยง น้ำร้อนลวก เด็กเอานิ้วแหย่ปลั๊กไฟ จมน้ำ รถชน เป็นต้น
รถลักษณะนี้มีประโยชน์น้อย ไม่ช่วยการเดิน และอันตราย แต่หากจำเป็นจะต้องใช้ควรเลือกรถนั่งที่ไม่มีล้อ ซึ่งจะทำให้ไม่เกิดการเคลื่อนที่ ความเสี่ยงน้อยกว่า ส่วนการดูแลที่เหมาะสมสำหรับเด็กคือ การทำคอกกั้น มีพื้นที่ให้เด็กได้คลานในบริเวณที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว โดยเด็กช่วง 0-3 ปีจะต้องอยู่ใกล้พ่อแม่หรือผู้ดูแลในระยะวงแขน ซึ่งเป็นระยะที่สามารถโอบอุ้มคว้าตัวได้ทันที ถ้าโตขึ้น 3-6 ปีอยู่ในระยะมองเห็นตลอดเวลาและเข้าถึงทันเวลา
ที่มา : https://mgronline.com
พัฒนาการทารก เดินได้ตอนไหน
พัฒนาการทารกส่วนใหญ่จะสามารถยืนได้ช่วงอายุ 9 เดือน อาจจะยืนได้เร็วกว่านั้น หรืออาจจะยืนได้ช้ากว่านั้น และหลังจากที่ลูกเริ่มเกาะยืนได้ ก็จะค่อย ๆ เกาะแล้วขยับเท้าเดินอย่างช้า ๆ การเล่นกับลูกเพื่อส่งเสริมพัฒนาการทารก จึงเป็นสิ่งสำคัญ ไม่ใช่ปล่อยให้ลูกเล่นกับของเล่นเพียงลำพัง การใช้รถหัดเดินหรือรถอื่น ๆ เพื่อเป็นอุปกรณ์ช่วยเลี้ยง ควรมีพ่อแม่อยู่ใกล้ ๆ และไม่ควรให้ลูกอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ นานเกินไป เพราะพ่อแม่คือของเล่นที่ดีที่สุด และเป็นคนที่จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการของลูกได้
วิธีส่งเสริมพัฒนาการทารก
- ลูกอายุ 7-8 เดือน จะสามารถเกาะยืนเครื่องเรือนสูงระดับอกได้ การส่งเสริมพัฒนาการ : จัดให้ลูกอยู่ในท่ายืน เกาะคุณพ่อคุณแม่ไว้ แล้วค่อยๆ เลื่อนมือลูกไปเกาะเครื่องเรือนที่มั่นคง เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ เมื่อลูกทำได้ก็ให้ลูกยืนเกาะเครื่องเรือนนั้นเอง โดยไม่ให้ใช้หน้าอกพิงหรือท้าวแขนเพื่อพยุงตัว ทั้งนี้อาจเปิดเพลงสนุกสนานสำหรับเด็กเพื่อให้ลูกเพลิดเพลินและเกาะยืนเองได้นานขึ้น
- ลูกอายุ 9 เดือน จะสามารถลุกขึ้นได้เองจากท่านอน การส่งเสริมพัฒนาการ : จัดลูกให้อยู่ในท่านอนคว่ำ โดยจับเข่าลูกให้งอทั้งสองข้าง และจับมือทั้งสองข้างยันพื้น ช่วยจับที่สะโพกทั้งสองข้างของลูกเพื่อให้สามารถยันตัวขึ้นมานั่งได้เอง แล้วกระตุ้นให้ลูกลุกขึ้นนั่ง โดยใช้ของเล่นที่ลูกชอบ มาชักชวนให้ลูกลุกขึ้นมานั่งเพื่อเล่นด้วยกัน หรือตบมือ และใช้ท่าทางที่สนุกสนานเรียกลูก ให้ลุกขึ้นมานั่ง
- ลูกอายุ 10-12 เดือน จะยืนได้นานอย่างน้อย 2 วินาที การส่งเสริมพัฒนาการ : พยุงตัวลูกให้ยืนขึ้น เมื่อลูกทรงตัวยืนได้ก็เปลี่ยนมาจับที่ข้อมือลูก แล้วค่อยๆ ปล่อยมือ ให้ลูกสามารถยืนได้เองในที่สุด
วิธีฝึกลูกเดินทำอย่างไร
- เด็กโดยทั่วไปจะเดินในช่วงอายุประมาณ 1 ขวบ อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ไม่กี่เดือน เพราะเด็กแต่ละคนจะมีพัฒนาการเร็วหรือช้าต่างกัน เมื่อลูกสนุกกับการเคลื่อนที่ด้วยการคลาน และนั่งทรงตัวได้เองแล้ว ก็ให้ลองจัดพื้นที่ให้ลูกหัดเกาะยืนเกาะเดินดูบ้าง โดยจัดเฟอร์นิเจอร์สูงระดับที่เขาเกาะยืนและเดินไปรอบ ๆ ได้สะดวก เช่น โต๊ะ เตียง เก้าอี้ แต่ต้องระวังไม่ให้มีเหลี่ยมมุมคม ๆ ที่จะเป็นอันตราย และเฟอร์นิเจอร์ก็ควรแข็งแรง มั่นคง รับแรงคว้าของเด็ก ซึ่งหมายถึงน้าหนักตัวที่รั้งขึ้นยืนนั้นได้ เพื่อความปลอดภัย
- เมื่อลูกน้อยเกาะยืน และสามารถรั้งตัวขึ้นยืนเองได้ชำนาญแล้ว ทีนี้เขาก็จะสนุกกับการเกาะเดินไปรอบ ๆ โดยตัวกระตุ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือเสียงเชียร์จากพ่อแม่ ของเล่นตัวโปรด หรือข้าวของแปลก ๆ ใหม่ ๆ เป็นของหลอกล่อให้หนูน้อยเดินมาหา
- เมื่อลูกเกาะเดินได้คล่องก็ถึงเวลาที่เขาจะลองเดินเองดูบ้าง โดยเด็ก ๆ จะเดินได้เร็วส่วนหนึ่งมาจากความมั่นใจหากพ่อแม่หรือคนเลี้ยง ได้ช่วยจับมือฝึกเขาเดินทุกวัน ๆ และอาจเกิดจากการเห็นเด็กในวัยไล่เลี่ยกันเดิน ทำให้ลูกน้อยอยากเลียนแบบเด็กคนอื่นดูบ้าง
- พ่อแม่จับมือทั้งสองข้างของลูก ให้ลูกอยู่ข้างหน้า หันหน้าออก แล้วพ่อแม่อยู่ข้างหลัง แล้วค่อย ๆ ให้ลูกก้าวไปข้างหน้าที่ละก้าว พ่อแม่ก็ค่อย ๆ เดินตาม แต่ต้องระวังจะเหยียบเท้าน้อย ๆ ของลูกด้วย ให้ลูกพาพ่อแม่เดินไปในที่ที่เขาสนใจอยากดูหรืออยากไป (ถ้าเด็กคนไหนยังทรงตัวได้ไม่ดีแนะนำให้จับรักแร้แทนจับมือค่ะ) หรือบางทีก็ให้พ่อแม่หรือคนในครอบครัวยืนอยู่ที่ปลายทาง ให้ลูกอยากจะเดินไปหา การจับลูกเดินนี้จะช่วยให้ลูกจะเดินได้เต็มเท้า และรู้จักวิธีการทรงตัวได้เร็วมาก พอลูกเริ่มเดินด้วยการจับข้อมือทั้งสองข้างคล่องแล้ว เขาก็จะสะบัดมือพ่อแม่ออกข้างหนึ่ง แล้วให้เราจูงมือเขาข้างเดียว เพื่อที่อีกมือจะได้หยิบจับสิ่งของที่ต้องการได้ และท้ายที่สุดเขาจะเดินโดยปล่อยมือทั้งสองที่จับพ่อแม่อยู่ได้เอง
- สำหรับเด็กที่เริ่มตั้งไข่ได้ หรือยืนได้บ้างแล้ว ให้พ่อแม่หันหน้าเข้าหาลูก ยืนห่างจากลูกไม่กี่ก้าว และให้ลูกเดินมาหา อย่าลืมส่งเสียงเรียกชื่อลูก เชียร์ดัง ๆ และถ้าลูกทำได้ก็ปรบมือให้กำลังใจ และยิ้มกว้าง ๆ ให้ด้วยเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูก เมื่อลูกเริ่มเดินเก่งก็ค่อย ๆ ปล่อยมือและแอบถอยหลังไปทีละนิด ๆ เพื่อให้เขาเดินได้ในระยะที่ไกลขึ้น และแน่นอนเมื่อลูกทำได้ต้องโอบกอด ชมเชย และปรบมือให้ดัง ๆ
- ในการสอนลูกหัดเดินนั้น ควรให้ลูกเดินเท้าเปล่าดีที่สุด เพราะเด็กจะได้รับความรู้สึกจากฝ่าเท้า ซึ่งมีผลต่อการทรงตัว ดังนั้น การเดินในบ้าน ควรให้เขาฝึกเดินที่พื้นเรียบ ไม่ขรุขระ แข็ง หรือเย็นจนเกินไป ถ้าเขาเริ่มเดินได้ดีแล้วอยากเดินนอกบ้าน ก็ควรใส่รองเท้า เพื่อป้องกันอันตรายให้เท้าน้อย ๆ
- ไม่ควรเร่งเด็กเพื่อที่เขาจะยืนเร็ว ๆ หรือเดินเร็ว ๆ เพราะที่สุดแล้ว เมื่อลูกพร้อม เด็กจะยืนจนได้ด้วยตัวของเขาเอง หากแต่การเร่งให้เด็กยืนหรือเดินเร็ว ๆ อาจส่งผลให้พัฒนาการของเขาช้ากว่าที่ควรจะเป็น ลูกจะรู้สึกแย่ ไม่มั่นใจ และฝังใจกับการล้มบ่อย ๆ อาจทำให้กลัวการยืนหรือเดินได้
พัฒนาการทารกแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน กว่าที่ลูกจะตั้งไข่ ลุกยืน และเดินได้ ต้องใช้เวลา แต่พ่อแม่สามารถใช้วิธีฝึกลูกเดิน เพื่อทำให้ทารกน้อย เตรียมความพร้อม และเดินเองเร็วขึ้นได้
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
พัฒนาการทารกหลัง 3 เดือนแรก พฤติกรรมทารกแบบนี้ แม่จะมีวิธีส่งเสริมพัฒนาการทารกอย่างไร
ทารกชอบถูหน้า หมายความว่าอะไร ผิดปกติไหม ทารกอยากบอกอะไรกับพ่อแม่
5 เคล็ดลับ เลี้ยงทารกให้อารมณ์ดี มีความสุข ต้องทำแบบนี้กับลูกทุกวัน