ลูกไม่ขยับตัว เรื่องจริงจากปากแม่ เสียลูกไปหลังจากไม่รู้สึกว่าลูกขยับ

คุณแม่ท่านหนึ่ง ที่ออกมาเล่าเรื่อง ลูกไม่ขยับตัว ประสบการณ์จริงของเธอ เมื่อทราบว่าลูกน้อยของเธอ ได้จากไปแล้วตลอดกาล แม้เป็นเรื่องที่ยากลำบากที่จะพูดออกมา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกไม่ขยับตัว เรื่องจริงจากปากแม่ เสียลูกไปหลังจากไม่รู้สึกว่าลูกขยับ

วันนี้ theAsianparent อยากจะมานำเสนอเรื่องราวของคุณแม่ท่านหนึ่ง ที่ออกมาเล่าเรื่อง ลูกไม่ขยับตัว ประสบการณ์จริงของเธอ เมื่อทราบว่าลูกน้อยของเธอ ได้จากไปแล้วตลอดกาล แม้เป็นเรื่องที่ยากลำบากที่จะพูดออกมา แต่เธอ ก็อยากที่จะแชร์ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับ คุณแม่คนอื่น และ ช่วยกระจาย เรื่องราวเกี่ยวกับ การตายคลอด หรือ Stillbirth ที่เป็นปัญหา ของแม่ท้อง หลายต่อ หลายคน

วันที่เปลี่ยนชีวิตฉันไปตลอดการ

เรื่องทั้งหมด เริ่มต้นในวันที่ 14 สิงหาคม 2013 วันนี้ เป็นวันที่เปลี่ยนชีวิตคุณแม่ไปตลอดกาล เธอบอกว่าแม้เรื่องนี้จะเป็นเรื่องยากที่จะพูดออกมา แต่เธออยากให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ ได้เข้าใจ ว่าการขยับตัวของทารกนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากเพียงใด

เมื่อเวลา ตี 2 มันเป็นเวลาที่เธอกำลังจะเดินทางไปยังโรงพยาบาล และ ทุกอย่างเกิดขึ้นไวมาก เธอรู้สึกเจ็บ ถุงน้ำคล่ำแตกก่อนที่เธอจะเดินทางถึง โรงพยาบาล

ในระหว่างที่รถกำลังจะจอดที่โรงพยาบาล เธอก็เริ่มแปลกใจว่าทำไมน้ำคล่ำที่ออกมานั้นเป็นสีเขียว แทนที่จะเป็นสีน้ำตาล แต่เธอก็พยายามคิดว่าคงจะไม่มีอะไรผิดปกติ

ฉันไม่รู้สึกว่าลูกขยับตัว

เธอเริ่มมีความกังวล เธออยากเข้าไปภายในตัวโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด เท่าที่จะทำได้ เมื่อถึงโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่แจ้งว่า นี่จะเป็นการผ่าตัดแบบฉุกเฉิน เธอคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย รอคอยว่าสมาชิกคนใหม่ของครอบครัวจะมาเมื่อไหร่

แต่ จู่ ๆ เธอก็ฉุกคิดขึ้นว่า ครั้งล่าสุดที่เธอรู้สึกได้ถึง การขยับของลูกคือเมื่อไหร่กันแน่ หนึ่ง หรือ สองชั่วโมงที่แล้ว เธอไม่มั่นใจ เธอพยายามสลัดความคิดนี้ออกจากหัว

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็ว และ ยุ่งเหยิง

เมื่อเข้ามาถึงห้องผ่า เธอก็ต้องเปลี่ยนชุด เก็บปัสสะวะไปตรวจ เธอได้ยิน พยาบาลพูดอะไรสักอย่าง เธอเลยถามว่ามันคืออะไร พยาบาลบอกว่า เด็กเริ่มจะมีอาการที่ไม่โอเคแล้ว คุณแม่เริ่มถามคำถามมากมาย แต่พยาบาลก็ตอบได้ไม่มาก

มันยิ่งชัดเจนเข้าไปใหญ่

ห้องเริ่มเงียบทุกคนเริ่มที่จะยิ้มไม่ออก ทุกคนในห้องมีสีหน้าที่ไม่ดีเท่าไหร่ คุณแม่เริ่มใจไม่ดี เมื่อ พยาบาลบอกว่า เธอไม่สามารถระบุได้ว่า หัวใจของลูก ยังเต้นอยู่หรือไม่  สุดท้าย พยาบาลบอกเธอว่า ให้รอพบคุณหมอ

แม่เริ่มพยายามที่จะ บอกตัวเองว่าให้ใจเย็น ก่อนที่เธอจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านั้น หมอก็เข้ามาในห้อง พร้อมกับทำการเทสต่าง ๆ

หัวใจของเขาหยุดเต้นแล้ว

เมื่อหมอประกาศดังนั้น มันเหมือนกับ โลกทั้งใยของเธอพังทลายลงมาอย่างไม่มีชิ้นดี เธอกรีดร้อง สามีของเธอต้องเข้ามากอด มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แต่เวลาที่แย่ที่สุดยังไม่มาถึง

เธอถูกส่งมานั่งอีกที่หนึ่ง เพราะไม่อยากให้เธอได้ยินเสียงเด็กร้อง พ่อแม่ ของเธอเริ่มคุยกันเรื่องงานศพ และ ในที่สุด ลูกน้อยของเธอ ก็ถูกนำมาให้ ในตะกร้าเล็ก ๆ คุณแม่ อยากจะบอกลา ลูกของเธอ เป็นครั้งสุดท้าย

เธอรู้สึกเหมือนมันเป็นความฝัน มันเป็นความรู้สึกดี ๆ เล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เธอได้ในตอนนั้น คุณแม่ขอให้ทุกคนออกจากห้อง เพราะเธออยากอยู่กับลูกคนเดียว เธอจูบลูกบนหน้าผาก และ กอดลูกไว้ ในใจภาวนาให้มีปาฏิหารย์เกิดขึ้น แต่ปาฏิหารย์มีแค่เพียงในวิทานเท่านั้น

ลูกขาดอ๊อกซิเจน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในเวลาต่อมา หมอถึงได้อธิบายให้ คุณแม่ฟังว่า เกิดอะไรขึ้น คุณหมอบอกว่า ลูกถูกสายสะดือรัดคอ ทำให้อ๊อกซิเจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงได้ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมลูกถึงไม่ขยับตัว หมอบกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นในช่วงไหนก็ได้ ในระยะเวลา 12 ชั่วโมงก่อนหน้านี้

คุณแม่เดาในใจด้วยตัวเองว่า ถ้าเธอมาเร็วกว่านี้เขาอาจจะช่วยลูกของเธอได้ คุณหมอบอกว่าโชคดีแล้วที่เธอมาเร็วไม่งั้น ตัวเธอเองอาจจะตกอยู่ในอันตรายด้วย

โทษตัวเอง

เธอเริ่มที่จะโทษตัวเองว่าทำไม ถึงไม่ดูแลลูกให้ดีกว่านี้ ทำไมยังทำงาน ทำไมไม่สนใจลูกให้มากกว่านี้ เธออยู่ในโรงพยาบาลต่ออีก 3 วัน เธอเริ่มทำใจได้ แม้จะไม่ได้ทำได้ทั้งหมด เธอเชื่อว่า เธอจะสามารถผ่านมันไปได้ ทุกครั้งที่ใกล้ถึงวันครบรอบ ทุกครั้งที่เธอได้กลิ่น ความเศร้า ก็ถาโถมเข้ามาใส่เธออีกครั้ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หกปีต่อมา

เมื่อเวลาผ่านไป หกปีผ่านไป ตอนนี้ เธอมีลูกด้วยกัน สามคน เธอดีใจที่ทุกคนมีชีวิตปกติ เธอไม่เคยลืมลูกคนที่เสียไปเลยสักครั้ง แต่เธิเริ่มทำใจได้มากขึ้น เธอมักจะเหม่อมองไปบนฟ้า เธอหวังว่า เธอจะได้เห็นนางฟ้าตัวน้อย ๆ ยิ้มให้กับเธอ และ บอกตัวเองว่า เธอสามารถผ่านมันมาได้

The Asianparent Thailand เพื่อลงทะเบียนรับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ ช่วงไตรมาสแรกมาติดตามพัฒนาการของลูกอย่างใกล้ชิด ลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2  มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น The Asianparent  นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะคุณแม่จะได้รับการดูแลทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่าควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้หรือทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่คุณแม่ต้องการ

ที่มา : sg.theasianparent

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

Project Sidekicks: การตั้งครรภ์ปลอดภัย เพื่อครอบครัวแข็งแรง

อย่าเก็บเรื่องแท้งไว้คนเดียว 5 เหตุผล ทำไมเราต้องออกมาพูด

ท้องอ่อนๆมีเพศสัมพันธ์ได้ไหม จะเสี่ยงแท้งหรือเปล่า? มีเซ็กส์ตอนท้องอ่อนๆ

บทความโดย

Jitawat Jansuwan