ระวังลูกเกิดมาผิดปกติ เพราะแม่ไม่ระวังเรื่องเหล่านี้ตอนท้อง
ระวังลูกเกิดมาผิดปกติ เพราะสุขภาพแม่ท้อง อาหารการกิน อีกทั้งสภาพแวดล้อมต่าง ๆ รอบตัวแม่ท้อง ส่งผลทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อลูกในครรภ์ ทั้งเรื่องของสุขภาพ และนิสัยของเด็ก ซึ่งบางครั้งคุณแม่ท้องอาจจะไม่ทันได้ระวัง หรืออาจจะเคยชินกับกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ หรือสภาพแวดล้อมที่คุณแม่อาศัยอยู่ตั้งแต่ตอนก่อนตั้งครรภ์ จนส่งผลเสียมายังลูกน้อยในครรภ์ได้ เรามาดูกันว่า เรื่องรอบตัวที่แม่ท้องไม่ทันได้ระวัง ที่อาจจะทำร้ายลูกในครรภ์มีอะไรบ้าง
1. รถติด และมลพิษตามท้องถนน
คุณแม่ท้องหลายท่าน โดยเฉพาะที่อาศัยอยู่ในตัวเมือง และยังคงต้องไปทำงานในช่วงก่อนคลอด อาจจะต้องเผชิญกับปัญหารถติด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณแม่ท้องเกิดความเครียด อีกทั้งควันพิษในเมือง ทั้งจากท่อไอเสีย และฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง ที่แม่ท้องสูดดมเป็นประจำทุกวันโดยไม่ทันระวัง ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้ลูกในครรภ์เกิดมามีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ได้
2. พิษจากควันบุหรี่
แม้ว่าแม่ท้องบางท่านจะไม่ได้สูบบุหรี่ เพราะทราบถึงพิษภัยของควันบุหรี่กันอยู่แล้ว แต่ควันบุหรี่มือสอง ควันบุหรี่มือสามจากคนรอบข้าง ก็เป็นตัวการที่ทำให้ลูกในครรภ์มีปัญหาด้านสุขภาพได้เช่นกัน ดังนั้น การที่แม่ท้องอยู่ใกล้คนที่สูบบุหรี่ ทั้งที่บ้าน หรือตามที่สาธารณะ ก็อาจเป็นอันตรายต่อลูกในครรภ์ อีกทั้งยังอาจทำให้ลูกโตขึ้นมาเป็นเด็กก้าวร้าวได้อีกด้วย
3. ขาดวิตามินดี
สำหรับแม่ท้องที่ทำงานอยู่แต่ในห้องแอร์ ทำงานกลางคืน หรือแม่ท้องที่อยู่แต่ในบ้านโดยไม่โดนแสงแดดเลย อีกทั้งทานอาหารน้อย ก็อาจจะทำให้ร่างกายมีวิตามินดีในปริมาณน้อย จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยคัลการี ประเทศแคนาดา พบว่า แม่ท้องที่มีปริมาณวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์ จะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติที่จะเกิดอาการครรภ์เป็นพิษ และโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ อีกทั้งยังอาจทำให้ลูกที่เกิดมามีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์ได้อีกด้วย
วิตามินดี ช่วยในการเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ ซึ่งสามารถหาได้จากการทานอาหารอย่างเช่น น้ำมันตับปลา ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาเฮอร์ริง นม และผลิตภัณฑ์จากนม เป็นต้น อย่างไรก็ตาม อาหารที่คุณแม่ท้องทานเข้าไปในแต่ละวันมักจะมีปริมาณวิตามินดีไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย คุณแม่ท้องสามารถเพิ่มระดับวิตามินดีเสริมจากการทานอาหารได้ โดยการออกไปเดินรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้า หรืออาจจะเลือกที่จะไปเดินรับแสงแดดอ่อน ๆ ยามเย็น แต่ที่สำคัญ อย่าโดนแดดที่แรงจัด และนานเกินไปนะครับ เพราะจากผลดีอาจจะกลายเป็นผลเสียได้นะครับ
4. กาแฟ เรื่องเคยชินที่ทำร้ายลูกในท้อง
แม่ท้องบางท่านอาจจะเคยชินกับการที่ต้องดื่มกาแฟตอนเช้า หรือในระหว่างวันมาตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือบางท่านก็ดื่มกาแฟวันละหลาย ๆ แก้วจนติดมาจนถึงตอนตั้งครรภ์ ซึ่งการดื่มกาแฟในปริมาณมาก ๆ สามารถส่งผลเสียต่อลูกในท้องได้
มีงานวิจัยพบว่า การดื่มกาแฟในปริมาณมาก ๆ จะทำให้ร่างกายได้รับปริมาณคาเฟอีนมากเกินขนาด มีผลทำให้หัวใจของทารกในครรภ์เต้นเร็วผิดปกติ และอาจเกิดอาการผิดปกติต่าง ๆ ตามมาได้ นอกจากนี้คาเฟอีนยังไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นสารสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์อีกด้วย
ในระหว่างตั้งครรภ์นั้น แม่ท้องอาจจะค่อย ๆ ลดปริมาณการดื่มกาแฟลงทีละน้อย จนไม่ดื่มเลย โดยอาจจะหันไปดื่มเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ชนิดอื่นแทน หรือหากคุณแม่ท้องจำเป็นต้องดื่มกาแฟจริง ๆ ก็อย่าให้เกิน 160 กรัมต่อวันนะครับ
5. ไม่คุมน้ำหนัก
ถ้าคนท้องอ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์ที่กำหนด ก็มีโอกาสที่จะทำให้ลูกในท้องตัวใหญ่ และน้ำหนักตัวมากกว่าเกณฑ์ได้เช่นกัน และแม่ท้องที่มีน้ำหนักตัวมากมักจะมีปริมาณน้ำตาล และไขมันในเลือดสูง ซึ่งจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของทารกในครรภ์ไปด้วย
อย่างไรก็ตาม แม่ท้องไม่ควรใช้วิธีอดอาหารเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือเพื่อลดน้ำหนักนะครับ เพราะนั่นจะทำให้ทารกในครรภ์ไม่ได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการสร้างอวัยวะและการเจริญเติบโต
แต่สิ่งที่แม่ท้องควรทำก็คือ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ภายใต้คำแนะนำของคุณหมอ และควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในช่วงตั้งครรภ์ โดยยึดหลักการออกกำลังกายสำหรับคนท้อง คือ ไม่หักโหม ไม่รุนแรง และไม่ก่อให้เกิดอันตราย เช่น ว่ายน้ำ เดินช้า ๆ เป็นต้น ซึ่งนอกจากการออกกำลังกายจะช่วยควบคุมน้ำหนักตอนท้องได้ส่วนหนึ่งแล้ว ยังช่วยให้สุขภาพกาย สุขภาพใจของแม่ท้องเข้มแข็งขึ้น ช่วยให้นอนหลับได้ดี และยังทำให้ระบบขับถ่ายของเสียทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ข้อมูลบางส่วนจาก momjunction
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
อยากให้ลูกในท้องเกิดมาฉลาด หัวไว สมองดี ทำอย่างไร?
เพิ่มน้ำหนักตัวอย่างไรให้เหมาะสมและปลอดภัยขณะตั้งครรภ์?
โฟลิก คืออะไร เหมือนโฟเลตไหม อันตรายเมื่อแม่ท้องขาดโฟลิก
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!