พฤติกรรมของเจ้าตัวเล็ก ที่อาจจะมองดูเป็นเรื่องเล็กในตอนนี้ แต่มันก็ส่งผลถึงในอนาคตลูกเมื่อโตขึ้นมาได้เหมือนกันนะ เรื่องแบบนี้พ่อแม่อย่ามองข้ามไปนะจ๊ะ
6 พฤติกรรมของเจ้าตัวเล็ก ที่พ่อแม่ไม่ควรปล่อยผ่าน
#1 ลูกชอบพูดแทรกในเวลาที่ผู้ใหญ่กำลังคุยกัน
อย่าปล่อยผ่าน : เมื่อลูกพูดหรือตั้งคำถามในตอนที่พ่อแม่กำลังคุยกันอยู่ แต่การปล่อยให้ลูกพูดแทรกในระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยอยู่นั้น เป็นสิ่งที่ลูกจะไม่รู้ว่าเขาควรจะให้ความสำคัญกับคนอื่นด้วยนะ
ควรหยุดลูกยังไง : ในขณะที่ลูกเข้ามาพูดแทรกในช่วงจังหวะที่ผู้ใหญ่คุยกันอยู่ คุณควรจะสอนให้ลูกรู้จักการรอคอยอย่างเงียบ ๆ โดยนั่งรออยู่ใกล้ ๆ ก่อนที่คุณจะปลีกตัวมาเพื่อรับฟังลูกโดยเร็ว
#2 ลูกเริ่มเล่นก้าวร้าวเกินไปแล้วนะ
อย่าปล่อยผ่าน : เมื่อเริ่มเห็นพฤติกรรมก้าวร้าวของลูกที่เล่นอยู่กับเพื่อน เพราะถ้าคุณไม่รีบห้ามและสอนเขาในตอนนี้ มันอาจจะกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวลูกไปจนโต แถมยังทำให้ลูกมองว่าการที่พ่อแม่ไม่ห้าม เป็นการส่งสัญญาณบอกว่าการทำร้ายผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่ยอมรับได้
ควรหยุดลูกยังไง : รีบเข้าไปห้ามลูก เมื่อลูกแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว รังแกเพื่อน บอกให้ลูกได้รู้ว่าการกระทำใด ๆ ที่ทำให้คนอื่นเจ็บเป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเด็ดขาด ดังนั้นก่อนที่จะอนุญาตให้ลูกออกไปเล่นครั้งต่อไป ย้ำเตือนไม่ให้ลูกเล่นอะไรที่รุนแรงหรือก้าวร้าว และฝึกให้ลูกรู้ว่าเมื่อรู้สึกโกรธหรือถูกเพื่อนคนอื่นรังแกมาให้สามารถบอกพ่อกับแม่ได้
หยุดความเกรียน อารมณ์ดื้อของเจ้าหนูยังไงดี อ่านต่อ>>
#3 แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่พ่อแม่พูด
อย่าปล่อยผ่าน : เมื่อพ่อแม่พูดสองสามครั้งให้ทำอะไรแล้วถูกเมินเฉยใส่ เพราะเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากทำ เพราะถ้าปล่อยให้ลูกมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไป ลูกก็จะมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นเด็กที่ไม่เชื่อฟังและควบคุมไม่ได้
ควรหยุดลูกยังไง : แทนที่จะตะโกนสั่งหรือพูดคุยกับลูกจากอีกห้อง ควรเดินเข้าไปหาและบอกว่าเขาควรจะต้องทำอะไร ให้ลูกมองมาในขณะที่พ่อแม่กำลังพูดและตอบกลับมาด้วยการพูดว่า “โอเคคะ/ครับ” ถ้าลูกยังไม่ยอมฟังก็กำหนดบทลงโทษโดยไม่ใช้วิธีรุนแรงนะคะ
#4 ลูกเริ่มทำสิ่งที่ต้องการด้วยตัวเอง
อย่าปล่อยผ่าน : เมื่อเจ้าตัวเล็กเริ่มที่จะเรียนรู้ในการทำอะไรด้วยตัวเองแบบไม่รู้ถูกผิด เช่น หยิบกรรไกรมาตัดซองขนมเอง เดินไปเปิดลิ้นชักเอาของออกมาเล่นเอง นอกจากอันตรายที่จะเกิดขึ้นง่าย ๆ กับเจ้าตัวเล็กแล้ว การปล่อยให้ลูกได้ทำอะไรได้เองโดยไม่ขออนุญาตนั้น ทำให้น่าเป็นห่วงขึ้นกว่าเดิม
ควรหยุดลูกยังไง : ตั้งกฎระเบียบเล็ก ๆ น้อยในบ้านและบอกกับลูกบ่อย ๆ เช่น การขอเปิดทีวี การกินขนม ฯลฯ กฎระเบียบจะช่วยทำให้ลูกปลอดภัยจากอันตรายในสิ่งที่ไม่คาดคิดได้
#5 ลูกเริ่มมีกิริยาท่าทางความเกรียนเล็กๆ
อย่าปล่อยผ่าน : เมื่อคุณอาจจะเจอลูกใช้เสียงเล็กเสียงน้อยหรือทำเสียงดุออกมา แสดงท่าทางแบบยียวนกวนประสาท พฤติกรรมนี้อาจเกิดขึ้นเพื่อทดสอบดูปฏิกิริยาของพ่อแม่ ซึ่งพ่อแม่บางคนนั้นไม่สนใจกับพฤติกรรมเล่น ๆ นี้เพราะคิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป แต่ถ้าคนเป็นพ่อเป็นแม่ไม่ให้ความสนใจ พวกคุณอาจจะพบว่าลูกไม่รู้จักมีความเคารพ จนทำให้ยากที่จะเข้ากับเพื่อน ครู หรือผู้ใหญ่คนอื่น ๆ ได้
ควรหยุดลูกยังไง : สอนให้ลูกคอยระวังกับพฤติกรรมที่อาจเผลอหรือตั้งใจ แสดงให้ลูกเห็นว่าสิ่งที่ลูกแสดงออกมาหรือเสียงที่เขาใช้พูดดูไม่ดียังไง ถ้าลูกยังมีพฤติกรรมแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้อารมณ์ใจเย็น ไม่ตอบโต้ และบอกว่า “แม่ไม่ได้ยินลูกหากว่าลูกยังพูดกับแม่แบบนั้น แม่จะฟังเมื่อลูกพูดดีๆ”
#6 ลูกเริ่มเป็นเด็กขี้โม้ พูดจาโอ้อวดเกินจริง
อย่าปล่อยผ่าน : มันอาจดูเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าลูกของคุณบอกว่าเขาเป็นคนจัดเตียงเองแต่แค่ดึงผ้าคลุมเตียง หรือบอกว่าแปรงฟันแล้วแต่จริง ๆ เอาแปรงสีฟันเข้าปากแป๊บเดียว การปล่อยให้ลูกโอ้อวดจนบางครั้งเป็นเรื่องโกหกที่ทำให้ตัวเองดูดีขึ้น อาจเป็นปัญหาที่ทำให้ลูกไม่พร้อมเผชิญหน้ากับความจริง เพื่อหลีกเลี่ยงในบางสิ่งที่ไม่ยากทำ
ควรหยุดลูกยังไง : เมื่อรู้ว่าลูกโกหก ให้นั่งลงข้าง ๆ ลูกและพูดอย่างตรงไปตรงมา และบอกให้ลูกรู้ว่าการพูดแบบนี้บ่อย ๆ จะไม่มีใครเชื่อในสิ่งที่ลูกพูดอีก ดังนั้นลูกควรจะพูดออกมาอย่างที่ถูกได้ทำจริง ๆ
หากเห็นว่าบทความนี้เป็นประโยชน์ ช่วยกันแชร์ส่งถึงแม่ ๆ ทุกคนนะคะ
credit content : www.parents.com
บทความอื่นที่น่าสนใจ :
8 พฤติกรรมพ่อแม่ที่เลี้ยงลูกแบบ “เกินไป”
13 พฤติกรรมของเจ้าหนูจอมซนที่คุณแม่แอบแชะ&แชร์
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!