ผมร่วงหลังคลอดทำไงดี ที่ผมร่วงเยอะ เพราะลูกจำหน้าแม่ได้แล้วจริงไหม ?

ผมร่วงหลังคลอดทำไงดี ? โดยปกติแล้ว ในแต่ละวันนั้นคนทั่วไปจะมีผมหลุดร่วงประมาณไม่เกิน 100 เส้นต่อวัน แต่สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งผ่านการคลอดเจ้าตัวน้อยไปไม่นาน แต่ต้องมาเจอปัญหาผมร่วงมากเป็นกระจุกนี่สิ จะทำอย่างไรดี ที่ผมร่วงเยอะ เพราะลูกจำหน้าแม่ได้แล้วจริงไหม เรามีคำตอบมาฝาก

ผมร่วงหลังคลอด มีสาเหตุมาจากอะไรกันแน่ ?

สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมากหลังคลอดนั้น มีอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ โดยในระหว่างตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ท้องจะมีปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนที่สูงมาก ในช่วงตั้งครรภ์จึงดูเหมือนว่าจะมีผมดกดำ หนา และหลุดร่วงน้อยมาก จนกระทั่งหลังคลอดลูก ระดับฮอร์โมนดังกล่าวก็จะค่อย ๆ ลดระดับลงจนต่ำสุดที่ประมาณ 3 - 6 เดือนหลังคลอด ทำให้ช่วงนี้ เส้นผมของคุณแม่จะร่วงมากจนสังเกตได้ชัด นั่นเป็นเพราะเส้นผมที่ไม่หลุดร่วงอย่างเป็นปกติมาตลอด 9 เดือน จึงมาหลุดร่วงในช่วงเวลานี้แทน

นอกจากนี้ คุณแม่บางคนที่มีภาวะโภชนาการไม่ดีอยู่แล้ว พอหลังคลอด ก็จะทำให้ร่างกายทรุดโทรมลง โดยเฉพาะคุณแม่ที่ไม่ได้รับการบำรุงด้วยอาหารที่มีประโยชน์ เพราะอาจจะมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับอาหารหลาย ๆ อย่าง กังวลว่าจะเป็นอาหารแสลง ทานได้แต่ข้าวต้มกับเกลือ แถมต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเลี้ยงลูก ไม่ได้รับการพักผ่อนที่เพียงพอ ก็อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะเครียดมาก จนทำให้ผมร่วง ก็เป็นไปได้เช่นกัน

หนึ่งในสาเหตุที่ผมร่วง เพราะลูกจำหน้าแม่ได้แล้ว จริงหรือ ?

ช่วงเวลาประมาณ 3 - 6 เดือนแรก เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่มักจะประสบกับปัญหาผมร่วงเยอะมาก ประจวบเหมาะกับเป็นเวลาที่ลูกเริ่มมีพัฒนาการที่มากขึ้น เริ่มยิ้ม มีปฏิสัมพันธ์กับแม่ และที่สำคัญ ดูเหมือนว่าเจ้าตัวน้อยจะจำหน้าแม่ได้แล้วด้วย จึงมีการกล่าวกันว่า หนึ่งในสาเหตุที่แม่ผมร่วง เป็นเพราะลูกน้อยจดจำใบหน้าของแม่ได้แล้วนั่นเอง ทั้งนี้ ความเชื่อที่กล่าวกันมา ไม่น่าจะเป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะหลังจากการคลอดลูก คุณแม่ และลูกน้อย ต่างก็ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของร่างกาย ไปพร้อมกัน การที่แม่ผมร่วง เป็นผลมาจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ลดลงหลังคลอด เช่นเดียวกันกับพัฒนาการของลูก ที่เป็นไปตามช่วงวัยเช่นกัน

ผมร่วงหลังคลอด คุณแม่ควรทำอย่างไร

วิธีแก้ไขอาการผมร่วงหลังคลอดอย่างแรกเลย ก็คือการที่คุณแม่ต้องมีภาวะโภชนาการที่ดี ทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน ให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน และพักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เคมีต่าง ๆ ที่ใช้บนเส้นผมและหนังศีรษะ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดธรรมชาติและอ่อนโยนต่อเส้นผมที่ดูแลปัญหาผมร่วงได้ แล้วอาการผมร่วงมากผิดปกติก็จะดีขึ้นตามลำดับ

รักษาอาการผมร่วงได้อย่างไรบ้าง ?

อาการผมร่วงหลังคลอดยังมีวิธีรักษาตามธรรมชาติอยู่หลายวิธี ซึ่งก็จะช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม ทั้งในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด รวมทั้งเร่งให้ผมกลับมาดกดำ และหนาดังเดิมอีกด้วย ได้แก่

1. ทานวิตามิน

วิตามินบี ซี อี สังกะสี และซีลีเนียม ล้วนเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพผิว ผมและเล็บ นอกจากทานอาหารปกติให้ครบ 5 หมู่แล้ว การทานวิตามินเสริมสำหรับคุณแม่หลังคลอด จะช่วยให้คุณแม่ได้รับสารอาหารที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย และช่วงฟื้นฟูอาการผมร่วงมากหลังคลอดได้

2. ไบโอตินช่วยลดอาการผมร่วง

ไบโอตินอยู่ในตระกูลวิตามินบี และมีความสำคัญต่อเส้นผมเป็นพิเศษ เนื่องจากช่วยให้ร่างกายสร้างโปรตีนต่าง ๆ อย่างเคราติน ซึ่งการขาดไบโอติน ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมร่วง ผมขาดง่าย และเล็บเปราะ หากคุณแม่ต้องการเพิ่มปริมาณไบโอตินให้แก่ร่างกาย ควรทานไบโอตินเสริมวันละ 5 มิลลิกรัม ควบคู่ไปกับการทานอาหารตามปกติ

3. กรดไขมันที่จำเป็น

คุณแม่หลังคลอดควรพยายามทานปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 ให้มาก ๆ หรือเลือกทานโอเมก้า 3-6-9 จากเมล็ดแฟลกซ์ หรือน้ำมันปลาเป็นอาหารเสริม เนื่องจากกรดไขมันที่จำเป็นเหล่านี้ ไม่เพียงมีประโยชน์ต่อร่างกายโดยรวม แต่ยังช่วยให้เส้นผมของคุณแม่แข็งแรงเงางามด้วย

4. ลดการจัดแต่งทรงผม

การจัดแต่งทรงผมด้วยไดร์ หรือเครื่องหนีบผมอาจจะทำให้ทรงผมของคุณแม่ดูบางกว่าเดิม ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีที่สุด ค่อยใช้หวีที่มีซี่ห่าง ๆ แปรงผมวันละ 1 ครั้ง เพื่อลดปริมาณผมที่หลุดร่วงลงมาเป็นกระจุก หลังจากสระผม คุณแม่ก็ไม่ควรใช้ไดร์เป่าลมร้อน แต่ควรปล่อยให้เส้นผมแห้งเอง

5. ตัดผม

สาเหตุก็เพราะผมสั้นต้องการสารอาหารน้อยกว่า และอาจจะร่วงน้อยกว่าผมยาว การตัดผมให้สั้นลงจะทำให้ดูแลได้ง่ายขึ้น ไม่ทำให้ร่วงมากขึ้นจากการกระตุกที่เส้นผมขณะหวีผม นอกจากนี้ ผลพลอยได้จากการตัดผมสั้นก็คือ คุณแม่จะไม่ค่อยมีปัญหาผมแตกปลาย หรือผมพันกัน อีกทั้งยังประหยัดเวลาในการดูแลรักษาอีกด้วย

สำหรับคุณแม่หลังคลอดที่ผมร่วงจากอิทธิพลของฮอร์โมน จำนวนการร่วงของผมจะลดลงจนเป็นปกติภายใน 1 ปี ไม่ต้องรับยาอะไรเป็นพิเศษ และควรจะดูแลสุขภาพของเส้นผมให้ดีตามวิธีที่ได้กล่าวมา

แต่หากคุณแม่มีปัญหาผมร่วงมากหลังคลอดนานกว่า 1 ปี หรือ ผมบางผิดปกติมากกว่าตอนก่อนตั้งครรภ์ หรือมีปัญหาหนังศีรษะล้านเป็นหย่อม ๆ ควรต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อวินิจฉัยอาการและเข้ารับการรักษาต่อไป

นอกจากอาการผมร่วงหนักมากแล้ว ก็ยังมีอีกหลาย ๆ ภาวะที่คุณแม่ลูกอ่อนจะต้องรับมือ ไปพร้อม ๆ กับการดูแลลูกน้อย มาดูกันว่า หลังจากคลอดลูกแล้ว ร่างกายภายนอกของแม่ จะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

นอกจากผมร่วงแล้ว ร่างกายภายนอกของแม่เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ?

• มือ - เท้าบวม

ตั้งแต่ตั้งครรภ์จนถึงหลังคลอด คุณแม่จะต้องพบกับอาการมือ เท้า และใบหน้าที่บวมเป่ง เนื่องจากในร่างกายมีปริมาณของเหลวที่มากกว่าปกติ อาการบวมน้ำนี้ จะต้องใช้เวลาอีกสักพักหลังจากคลอด แล้วจึงจะหายไปในที่สุด

สิ่งที่คุณแม่ทำได้ เพื่อลดอาการบวม นั่นก็คือ ดื่มน้ำเยอะ ๆ พยายามใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ผ่อนคลายตัวเอง และหันตะแคงทางด้านซ้าย เวลานอนพักผ่อน

• เหงื่อออกเยอะมาก

คุณแม่มือใหม่หลาย ๆ คน มักจะมีเหงื่อออกเยอะมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน สาเหตุก็มาจากการที่ร่างกายของคุณแม่ กำลังรับมือกับฮอร์โมนหลังคลอดที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

สิ่งที่คุณแม่ทำได้ อาจจะปูผ้าบนที่นอน และหมอนเพิ่มอีกชั้นหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้เปียกชื้นจากเหงื่อ นอนหลับในอุณหภูมิที่เย็นสบาย ห่มผ้าบาง ๆ และไม่สวมใส่ชุดนอนที่หนาเกินไป

• ผิวแตกลาย

คุณแม่อาจจะประสบกับปัญหาผิวแตกลาย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นบริเวณหน้าท้อง ที่ผิวหนังถูกยืดออกในช่วงเวลาของการตั้งครรภ์ แม่บางคนอาจพบว่าผิวบริเวณต้นขา สะโพก และบั้นท้าย ก็แตกลายด้วยเช่นกัน ซึ่งจะทำให้คุณแม่มีอาการคันยุบยิบ กว่าผิวในบริเวณดังกล่าวนี้จะกลับมาเหมือนเดิม ก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวพอสมควร

สิ่งที่คุณแม่ทำได้ นั่นคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ครีม หรือโลชั่น ทาบริเวณผิวแตกลาย ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่ช่วยให้ลายแตกบนผิวจางหายไป แต่จะช่วยลดอาการคันที่มาพร้อมกับผิวแตกลายได้

• ตุ่มขึ้นที่รูทวาร

ตุ่มขึ้นที่รูทวาร มาพร้อมอาการเจ็บปวด และเลือดออก หรือเรียกว่า ริดสีดวงทวาร เป็นอาการปกติที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากการคลอดลูก

สิ่งที่คุณแม่ทำได้ นั่นคือ การอาบน้ำอุ่น ๆ ดื่มน้ำให้มาก รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช หากจะทานขนมปัง หรือข้าว ก็ให้เลือกขนมปังโฮลวีท และข้าวกล้องแทน

เมื่อต้องการขับถ่าย พยายามอย่าเครียด หรือเกร็ง เพราะจะยิ่งทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น หากต้องการใช้ยา คุณแม่ก็สามารถปรึกษาแพทย์ เพื่อใช้ครีม หรือสเปรย์ที่สามารถบรรเทาอาการได้

ช่วงเวลาหลังคลอด เป็นช่วงเวลาที่คุณแม่จะยุ่งมากเป็นพิเศษ ไหนจะต้องดูแลลูกน้อยที่ยังเล็ก ไหนจะต้องเผชิญกับปัญหาสุขภาพหลังคลอด อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาทอง ของการเสริมสร้างพัฒนาการให้ลูกน้อยอีกด้วย theAsianparent Thailand ไม่พลาดที่จะอัปเดตข่าวสารที่สำคัญสำหรับคุณพ่อคุณแม่ และลูกน้อย เพื่อครอบครัวที่แข็งแรง

อ้างอิง : todaysparent , marchofdimes

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

อยู่ไฟหลังคลอด จำเป็นไหม ทำอย่างไร ช่วยฟื้นร่างกายได้จริงหรือ

คุณหมอป้ายตาทารกแรกเกิดเพื่ออะไร ยาที่ป้ายตาทารกหลังคลอด คือยาอะไร

รู้ได้อย่างไรว่ามดลูกเข้าอู่แล้ว หลังคลอดมดลูกจะเข้าอู่ตอนไหน