แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด คีลอยด์ รักษายังไง? วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว ไม่เป็นแผลนูน

หลังผ่าคลอดคุณแม่อาจมี แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด อ่านวิธีป้องกันและรักษาที่ถูกต้อง ให้ผิวหน้าท้องสวยเนียนไม่คัน แดง เป็นคีลอยด์

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด แผลคีลอยด์ คืออีกหนึ่งปัญหาที่คุณแม่หลายคนกังวลใจ และอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในรูปร่างได้ อย่างไรก็ตาม รอยแผลเป็นเหล่านี้สามารถรักษาให้หายได้ค่ะ วันนี้เราจะพาไปดูวิธีดูแลที่จะช่วยให้แผลเป็นหลังผ่าคลอดยุบหายไป และช่วยให้คุณแม่กลับมามีผิวเนียนสวยเหมือนเดิม

 

ความเชื่อผิดๆ กินไข่ทำให้ แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด

ความเชื่อหนึ่งที่มีมาทุกยุคทุกสมัยเกี่ยวกับ แผลเป็นหลังผ่าคลอด ซึ่งคุณแม่หลายท่านคงเคยได้ยินเช่นกันว่า การรับประทานไข่ไก่จะยิ่งทำให้แผลเป็นนูนหายช้า เกิดเป็น คีลอยด์ ความจริงก็คือ “ไข่” เป็นสารอาหารจำพวกโปรตีน เช่นเดียวกับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม รวมถึงถั่วเหลือง ถั่วเมล็ดแห้ง ซึ่งจะช่วยให้บาดแผลหายเร็วขึ้น เพราะช่วยสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้เซลล์แต่ละเซลล์สามารถประสานยึดติดเป็นเนื้อเดียวกันได้ ดังนั้น ที่เชื่อกันว่า กินไข่ทำให้แผลหายช้า ทำให้แผลเป็นนูน เป็นคีลอยด์ จึงไม่เป็นความจริงค่ะ

 

แผลเป็นนูน vs คีลอยด์ ต่างกันอย่างไร

การผ่าคลอดนอกจากทำให้แม่ ๆ ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายแล้ว สิ่งที่หลายคนกังวลก็คือ “แผลเป็น” ที่ทิ้งร่องรอยไว้บนหน้าท้อง ซึ่งแม่ ๆ เล่าว่าแม้จะหายดีแล้ว แต่แผลกลับนูนขึ้น บางครั้งยังมีอาการคันหรือแดงร่วมด้วย ทำให้ไม่มั่นใจเวลาแต่งตัว วันนี้เรามาคุยกันให้ชัด ๆ ว่า แผลเป็นนูน (Hypertrophic) และ คีลอยด์ (Keloid) ต่างกันยังไง เกิดจากอะไร และดูแลยังไงได้บ้างนะคะ

โดยทั่วไป แผลเป็นนูนไม่ลามเกินแผลเดิม ส่วนคีลอยด์จะลามออกไปและมักคัน เพื่อให้แม่ ๆ เข้าใจง่าย มาดูตารางเปรียบเทียบกันค่ะ

ตารางเปรียบเทียบ แผลเป็นนูน vs คีลอยด์

ลักษณะ แผลเป็นนูน (Hypertrophic) คีลอยด์ (Keloid)
การนูน แผลนูนขึ้น สีแดงหรือคล้ำ แต่ไม่มาก
แผลนูนแข็ง นูนเด่นชัด
ขอบเขตแผล อยู่ภายในรอยแผลเดิม
ลามออกเกินรอยแผลผ่าตัดเดิม
อาการร่วม อาจมีตึง ๆ แต่ไม่ค่อยคัน
มักมีคัน เจ็บ หรือระคายเคือง
โอกาสพบ พบได้บ่อยในแผลผ่าตัดทั่วไป
พบมากในคนที่มีพันธุกรรมเอื้อ โดยเฉพาะผิวคล้ำ
ผลกระทบต่อรูปลักษณ์ รอยดูนูนแต่ไม่ลุกลาม
รอยใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เห็นชัดเจน

ข้อมูลจาก Cleveland Clinic ระบุว่า คีลอยด์เกิดได้ถึง 10–15% ของประชากรทั่วไป และมีโอกาสมากขึ้นในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเคยเป็น

สาเหตุที่ทำให้แผลผ่าคลอด กลายเป็นแผลเป็นนูน หรือคีลอยด์

แผลผ่าคลอดของแต่ละคนอาจสมานไม่เหมือนกัน ปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่:

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • พันธุกรรม: ข้อมูลจาก Healthline และงานวิจัยใน Journal of Wound Care ปี 2018 ชี้ว่า หากครอบครัวมีประวัติเป็นคีลอยด์ มีโอกาสเกิดมากขึ้น
  • การดูแลแผล: หากแผลติดเชื้อหรือเกิดการอักเสบ จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนมากเกินไป จนแผลนูน
  • ความตึงของผิวหนัง: แผลผ่าคลอดอยู่ตรงท้อง ซึ่งผิวหนังมักตึง อาจเพิ่มโอกาสแผลเป็นนูน
  • อายุและสีผิว: งานวิจัยจาก Dermatologic Surgery พบว่า คนอายุน้อยและผู้ที่มีผิวคล้ำมีโอกาสเกิดคีลอยด์มากกว่า

บทความที่เกี่ยวข้อง : แผลผ่าคลอด กี่วันหาย วิธีดูแลแผลผ่าคลอด แผลนูนคัน แผลปริ แผลอักเสบ

 

 

วิธีดูแล แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด และคีลอยด์

การดูแลด้วยตัวเองที่บ้าน

  • ยาทาลดรอยแผลเป็น เช่น เจลที่มี Onion Extract หรือ Allium Cepa มีรายงานว่าสามารถช่วยให้รอยแผลนุ่มและจางลง
  • แผ่นแปะซิลิโคนเจล ลดการสร้างคอลลาเจนเกิน และป้องกันแผลนูน
  • การนวดแผลเบา ๆ ตามคำแนะนำแพทย์ จะช่วยทำให้เนื้อเยื่อไม่แข็งเกินไป และเลือดไหลเวียนดี
  • ควรใช้ผ้ารัดหน้าท้องในเวลากลางวัน จนกว่าแผลผ่าตัดจะหายสนิท เพื่อจะได้เคลื่อนไหวได้คล่องตัวขึ้น โดยไม่เจ็บแผล เพราะกล้ามเนื้อหน้าท้องยังหย่อนอยู่มาก
  • ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปหล่อเลี้ยงบริเวณบาดแผลให้มากขึ้น ช่วยสมานให้แผลติดกันได้เร็วขึ้น

การรักษาโดยแพทย์ (Medical Treatments)

  • การฉีดสเตียรอยด์ที่แผล: ช่วยลดการอักเสบและการสร้างคอลลาเจนเกิน งานวิจัยจาก American Academy of Dermatology (AAD) ระบุว่าช่วยลดขนาดคีลอยด์ได้ชัดเจน
  • การทำเลเซอร์ (Laser Therapy): เช่น Pulsed Dye Laser (PDL) ใช้ลดรอยแดงและความนูน
  • การผ่าตัดแก้ไขแผลเป็น: มักใช้ร่วมกับการฉีดสเตียรอยด์หรือการฉายรังสี เพื่อป้องกันไม่ให้คีลอยด์กลับมาอีก
วิธีรักษา ผลลัพธ์
ซิลิโคนเจลชีท รีวิวระบุว่าช่วยลดการเกิดคีลอยด์ใหม่ และทำให้คีลอยด์เดิมแบนลง
สเตียรอยด์ฉีดเข้ารอยแผล ลดอาการคัน แดง นูน แต่ใช้ต่อเนื่องอาจทำให้ผิวหนังบางลง
เลเซอร์ทางการแพทย์ ลดการอักเสบของคีลอยด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในหลายเคส
ผ่าตัดคีลอยด์ ต้องเสริมด้วยสเตียรอยด์หรือรังสีหลังผ่าเพื่อป้องกันกลับเป็นซ้ำ
วิตามินอี / หัวหอม ช่วยลดรอยคันและทำให้รอยแผลนุ่มลง แต่ไม่ช่วยให้ยุบในทันที
โภชนาการและการดูแลทั่วไป โปรตีน วิตามินซี และน้ำช่วยสมานแผลดีขึ้น ลดการอักเสบและคีลอยด์

การผ่าตัดช่วยรักษาแผลนูนได้จริงไหม

การผ่าตัดจะช่วยจัดตำแหน่งรอยแผลเป็นนูนให้ดีขึ้นได้จริงหรือ เพราะทุกครั้งที่มีการผ่าตัดย่อมมีแผลใหม่เกิดขึ้น อีกทั้งการผ่าตัดให้ประสบผลสำเร็จ ยังขึ้นอยู่กับขนาดของแผลอีกด้วย ทั้งนี้แผลเป็นอาจจะหดและจางลงเอง แต่ต้องใช้ระยะเวลานานพอสมควร ศัลยแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้ทิ้งไว้เฉย ๆ สัก 1 ปี จนแผลจางลงเต็มที่ก่อนจึงจะทำการรักษา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สำหรับการฉีดยาสเตอรอยด์ การใช้ซิลิโคนเจลชีทและวิธีอื่น ๆ เช่น การฉายแสงเลเซอร์ การจี้ความเย็น วิธีการเหล่านี้สามารถใช้รักษาแผลเป็นนูนได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ซิลิโคนเจลหรือสเตียรอยด์ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการแพ้หรือการติดเชื้อ และผลการรักษาไม่อาจการันตีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเมื่อรักษาไปแล้ว ก็ยังมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีก

บทความที่เกี่ยวข้อง : แผลผ่าคลอด ดูแลแผลอย่างไร ให้ไม่เป็นแผลนูนแดง หมดห่วงเรื่องคีลอยด์

 

วิธีป้องกัน แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด ตั้งแต่เนิ่น ๆ

การดูแลตั้งแต่หลังผ่าคลอดใหม่ๆ มีผลมากค่ะ เพราะสามารถลดความเสี่ยงของแผลเป็นนูนได้ นี่คือ คำแนะนำในการดูแลแผลหลังผ่าคลอด ป้องกันแผลเป็นนูน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ดูแลแผลตั้งแต่ระยะเริ่มต้น (0–3 วัน)

    • หลีกเลี่ยงการแช่น้ำในอ่าง ใช้สบู่อ่อน เช็ดแผลให้แห้ง

    • ใช้ผ้ารัดหน้าท้องและหลีกเลี่ยงการงอหรือยืดตัวแรง เพื่อช่วยให้แผลเรียงตัวดีขึ้น

  • ช่วง 1–3 สัปดาห์ 

    • รักษาความชุ่มชื้นของแผลด้วยซิลิโคนเจลหรือวิตามินอีหลังแผลปิด

    • เคลื่อนไหวเบา ๆ เช่น แพทย์มักแนะนำให้เดินภายในวันแรกหลังผ่าเพื่อกระตุ้นเลือดไหลเวียน

  • 3 สัปดาห์–1 ปี (Maturation)

    • เริ่มใช้ซิลิโคนชีทหรือยาทาสเตียรอยด์ตามแพทย์กำหนด งานวิจัยจาก Cochrane Review 2020 พบว่าแผ่นซิลิโคนช่วยลดโอกาสเกิดแผลนูนได้จริง

    • หากไม่ดีขึ้น ให้พิจารณาเลเซอร์หรือฉีดสเตรียรอยด์ร่วมกัน

    • หลีกเลี่ยงอาหารกระตุ้นการอักเสบ เช่น แอลกอฮอล์ คาเฟอีน ของหมักดอง

  • เฝ้าระวังอาการผิดปกติ

    • หากแผลบวม แดง หนอง หรือมีไข้ ควรรีบพบแพทย์ทันที

บทความที่เกี่ยวข้อง : 10 แผ่นแปะลดรอยแผลเป็น ไอเท็มเด็ดที่ แม่ผ่าคลอด ต้องมี!

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ทำอย่างไรเมื่อแผลผ่าคลอด “คัน” และ “แดง”?

แม่ ๆ หลายคนกังวลว่าทำไมแผลยังคันหรือแดงอยู่ จริง ๆ แล้วนี่เป็น ส่วนหนึ่งของกระบวนการสมานแผลตามธรรมชาติ ค่ะ

  • อาการคัน เกิดจากเส้นประสาทกำลังฟื้นตัว และผิวหนังใหม่ยังบอบบาง
  • อาการแดง มาจากการไหลเวียนเลือดที่เข้ามาซ่อมแซมเนื้อเยื่อ 

วิธีบรรเทาอาการคันแผลผ่าคลอด

  • ทามอยส์เจอไรเซอร์ที่อ่อนโยน หรือเจลซิลิโคน
  • หลีกเลี่ยงการเกา เพราะอาจทำให้ผิวหนังถลอกและติดเชื้อ
  • ใช้ประคบเย็น เพื่อลดการคันชั่วคราว
  • หากคันหรือแดงมากผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันที

งานวิจัยจาก Mayo Clinic ชี้ว่าอาการคันแผลพบได้บ่อยในช่วง 6–8 สัปดาห์แรก หลังผ่าตัด และส่วนใหญ่จะดีขึ้นเองเมื่อเวลาผ่านไป

โภชนาการสำคัญกับการรักษาแผลคีลอยด์ แผลเป็นนูนหลังผ่าคลอด

ระยะการสมานตัวของแผล สามารถแบ่งได้ออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะการอักเสบ ระยะการเพิ่มจำนวน และระยะการปรับเปลี่ยนใหม่ ในแต่ละขั้นตอน ร่างกายของคนเราต้องการสารอาหารที่จะมาช่วยในการผลัดเปลี่ยนเนื้อเยื่อและเซลล์ที่ถูกทำลายให้สมานกันเช่นเดิม ความใส่ใจในโภชนาการ รับประทานที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภท จึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยรักษาให้แผลหายเร็วขึ้น อีกทั้งยังช่วยถนอมไม่ให้แผลเกิดการอักเสบ หรือเกิดเป็นแผลเป็นนูนอีกด้วย โดยกระบวนการหายของแผล แบ่งเป็น 3 ระยะคือ

  • ระยะการอักเสบ (Inflammatory)

ในระยะ 0 – 3 วันแรก หรือระยะการอักเสบ เซลล์ที่ถูกทำลาย เนื้อตายและแบคทีเรียจะถูกกำจัดออกจากแผล ในกระบวนการเริ่มต้นของการสมานแผล ร่างกายของเราก็ต้องการสารอาหารที่จะช่วยในการห้ามเลือด ป้องกันการติดเชื้อ และซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ในระยะนี้อาการบวม แดง เจ็บแผล อาจจะเกิดขึ้นเป็นปกติ

  • ระยะการเพิ่มจำนวน (Proliferative)

ในระยะนี้ เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและหลอดเลือดที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ จะทำหน้าที่ในการจัดเรียงตัวเองบนพื้นผิวบริเวณที่เป็นแผล และเกิดการหดตัวของเซลล์ เพื่อทำให้ปากแผลติดชิดกัน ในขั้นตอนนี้ร่างกายก็ยังคงต้องการสารอาหารและออกซิเจนที่เพียงพอ เพื่อที่จะหล่อเลี้ยงหลอดเลือดและเนื้อเยื่อนั่นเอง

  • ระยะการปรับเปลี่ยนใหม่ (Maturation)

ในระยะนี้ คอลลาเจนจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เนื่องจากอาการบาดเจ็บของเซลล์และเนื้อเยื่อที่อยู่ด้านล่างได้รับการซ่อมแซมเสร็จสิ้นแล้ว เซลล์ที่ถูกนำมาใช้ในระยะของการซ่อมแซม ก็จะถูกกำจัดออกไปจากร่างกาย คอลลาเจนที่ร่างกายสร้างขึ้นชั่วคราว ก็จะถูกทดแทนด้วยการสร้างที่ประณีตกว่าเดิม เพื่อปกปิดรอยแผลและลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็น โดยระยะการปรับเปลี่ยนใหม่นี้ จะเริ่มต้นขึ้นประมาณ 3 สัปดาห์ – 1 ปี หลังจากการผ่าตัด

บทความที่เกี่ยวข้อง : เมื่อไรที่แผลผ่าคลอดจะหายสนิท ผ่าคลอดเจ็บกี่วัน ดูแลแผลอย่างไรให้ถูกวิธี

 

 

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหลังการผ่าตัด

อาหารที่ควรรับประทานหลังการผ่าตัด

  • น้ำตาล
  • ไนเตรต มักพบในอาหารแปรรูป
  • แอลกอฮอล์
  • คาเฟอีน
  • โปรตีน
  • วิตามินบี เช่น ไข่ เนื้อไก่ ปลา ผักใบเขียว อัลมอนด์ อะโวคาโด เป็นต้น
  • วิตามินซี เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
  • วิตามินเอ เช่น ผักใบเขียว ปลา และไข่
  • ซิงค์ เช่น เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ พืชตระกูลถั่ว เต้าหู้ โอ๊ต เป็นต้น

 

7 วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายเร็ว ทิ้งรอยแผลเป็นน้อยที่สุด

นอกจากโภชนาการที่สำคัญต่อการรักษาแผลผ่าตัดหลังคลอดแล้ว เรายังมี 7 วิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หลายเร็ว และทิ้งรอยแผลเป็นไว้น้อยที่สุด มาฝาก คุณแม่ผ่าคลอด กันด้วยค่ะ

  1. อย่าให้แผลโดนน้ำ

ในช่วง 7 วันแรกหลังการผ่าคลอด คุณแม่ต้องระวังอย่าให้แผลโดนน้ำนะคะ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ อักเสบ ซึ่งจะยิ่งทำให้แผลหายช้าไปอีกค่ะ แนะนำว่าให้ใช้ผ้าหมาดๆ เช็ดตัวแทนการอาบน้ำไปก่อน หรือหากแผลจะถูกปิดโดยพลาสเตอร์แบบกันน้ำ ก็ให้อาบแบบน้ำไหลผ่าน แล้วรีบซับตัวให้แห้ง ห้ามแช่อ่างอาบน้ำเด็ดขาด และหมั่นเปลี่ยนพลาสเตอร์เสมอ

  1. แผลต้องสะอาด และแห้งเสมอ

หากแผลสมานติดเรียบร้อยดีแล้ว คุณหมอตรวจแล้วไม่พบความผิดปกติอะไร คุณแม่ก็สามารถอาบน้ำได้โดยไม่ต้องปิดพลาสเตอร์ค่ะ ทั้งนี้ หลังตัดไหมเรียบร้อยแล้ว ควรทำความสะอาดแผลวันละ 2-3 ครั้งหลังอาบน้ำ โดยใช้น้ำเกลือเช็ดและซับให้แห้งอย่างเบามือเสมอ อย่าแกะหรือเกาแผล เพราะอาจทำให้รอยแผลมีสีเข้มขึ้น หายช้า และมีโอกาสติดเชื้อได้

  1. เลี่ยงการยกของหนัก ออกแรงเยอะ

คุณแม่ต้องห้ามยกของหนัก หรือออกแรงเยอะ โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนหลังผ่าคลอด เนื่องจากแรงยืดขณะยกของซึ่งจะทำให้แผลตึง ร่างกายจะปรับตัวโดยการสร้างคอลลาเจนให้หนามากขึ้นเพื่อป้องกันการฉีกขาดของแผล ทำให้แผลผ่าคลอดเป็นคีลอยด์ หรือเกิดแผลเป็นนูนได้

  1. ใส่ผ้ารัดพยุงท้อง

การใส่ผ้ารัดหน้าท้องจะช่วยพยุงกล้ามเนื้อเมื่อคุณแม่ขยับตัว หรือเดิน ช่วยให้แผลผ่าคลอดไม่ถูกดึงรั้ง หรือกดทับจากผิวหนังที่หย่อนคล้อย รวมถึงลดอาการเจ็บปวดจากแผลได้ด้วยค่ะ

  1. ทาครีมบำรุงผิวเป็นประจำ

หลังจากแผลแห้งสนิท ออยล์บำรุงผิว มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือยาทาลดรอยแผลเป็น สามารถช่วยคุณแม่ได้ค่ะ เพราะจะทำให้ผิวมีความชุ่มชื้น และยืดหยุ่นดี รอยแผลเป็นจางและอ่อนนุ่มลง

  1. อย่าอยู่นิ่ง ให้ขยับตัวบ้าง ป้องกันการเกิดพังผืด

คุณแม่ควรเริ่มขยับตัวบ้างตั้งแต่วันแรกหลังผ่าตัดเลยค่ะ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้แผลฟื้นตัวเร็วขึ้น ไม่ให้แผลผ่าคลอดด้านในเกิดพังผืดยึดเกาะกับอวัยวะในช่องท้อง และช่วยลดความเสี่ยงการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลังคลอด

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นหนึ่งในวิธีดูแลแผลผ่าคลอดให้หายไวได้ขึ้น หรือจะลองหากิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายทำบ้าง ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ฟังเพลง เนื่องจากจะช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายฟื้นตัวได้เต็มที่มากยิ่งขึ้นค่ะ

 

การมีแผลผ่าคลอดไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยค่ะ มันคือ สัญลักษณ์ของความเป็นแม่ แต่หากคุณแม่อยากรักษาแผลเป็นนูนหลังคลอด ก็ควรเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง โดยต้องคำนึงถึงเรื่องความปลอดภัยไว้ก่อน ยิ่งถ้าหากคุณแม่เคยมีปัญหาเรื่องแผลมาก่อนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเพื่อความปลอดภัยของร่างกายตัวเองค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

ผ่าคลอดแนวยาว ผ่าคลอดแนวขวาง ข้อดีข้อเสีย และวิธีดูแลแผลผ่าคลอด

ปวดแผลผ่าคลอด เจ็บ ๆ เสียว ๆ เมื่อไหร่จะหายสักที เรื่องที่คุณแม่ผ่าคลอดควรรู้

10 เมนูอาหารคุณแม่หลังผ่าคลอด หลังผ่าคลอดกินอะไรได้บ้าง อะไรควรหลีกเลี่ยง

 

ที่มา : mgronline , www.vimut.com , โรงพยาบาลพญาไท พหลโยธิน , Cleveland Clinic , Healthline , NIH , American Academy of Dermatology (AAD) , Mayo Clinic