เชื่อว่าคุณแม่หลายท่านที่มีประสบการณ์คลอดลูก คงมีความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ไม่ต่างกัน วันนี้ ดิเอเชี่ยนพาเร้นท์ขอนำเรื่องราวดี ๆ ของคุณแม่ Arisara จากกลุ่มคนท้องคุยกันมาเล่าถึงการตั้งใจคลอดลูกเองแบบธรรมชาติ และความรู้สึกของวินาทีแรกที่คนเป็นแม่ได้เห็นหน้าลูกน้อย แบบ step by step
19.00 น. ยังไม่ถึงวันที่จะกำหนดคลอดน้อง ขณะที่นอนดูทีวีอยู่ในห้อง ก็รู้สึกเจ็บท้องพลิกไปพลิกมา ทั้งปวดทั้งเมื่อยจนต้องเรียกสามีมานวดซักพัก จากนั้นก็นอนดูทีวีต่อ จนได้ยินเสียงอะไรไม่รู้อยู่ที่บริเวณจิ๊มิ แต่ก็ยังไม่ได้สนใจ
20.00 น. รู้สึกปวดปัสสาวะ เข้าห้องน้ำไปฉี่ แล้วก็รู้สึกว่าทำไมถึงฉี่เยอะผิดปกติ เหมือนมีน้ำไหลออกมา เลยก้มลงไปดู ก็เห็นว่ามีเมือกออกมาด้วย เลยเดินไปบอกน้าสาวว่า ตอนนี้มีน้ำออกและมีเมือกออกมา น้าบอกให้รีบไปบอกแฟน แต่เราเห็นว่าสามีกำลังเครียดเรื่องงานจึงไม่อยากให้บอก พอนั่งไปซักพักก็เริ่มมีน้ำไหลออกมาเต็ม น้าเลยบอกว่า อาการแบบนี้จะคลอดแน่ ๆ น้าเลยไปบอกแฟนให้รีบพาไปหาหมอ แต่แฟนกลับบอกว่า คนจะคลอดไม่เห็นมีอาการอะไรเลย ให้เราโทรไปถามพยาบาลก่อน
พยาบาลบอกว่าให้มาที่โรงพยาบาล เพราะมีน้ำไหลออกมาแล้ว ส่วนแฟนก็กลัวว่าจะไปแล้วเสียเที่ยว ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก เลยพูดว่า ถ้าไปแล้วยังไม่คลอดให้ผ่าคลอดออกเลย เราก็ยื่นคำขาดว่า ไม่ผ่า ถ้าจะคลอดก็คลอดมันตรงนี้แหละ จะตายก็ตายตรงนี้ ตายทั้งแม่ทั้งลูกก็ตายตรงนี้ บอกว่าไม่ผ่าไม่ผ่า เพราะอยากรู้ความรู้สึกของแม่ตัวเองด้วย ว่าตอนที่เคยคลอดเรามันทรมานแค่ไหน พอร้องไห้แฟนก็ใจอ่อน
23.00 น. เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลบอกว่าเป็นลักษณะอาการของน้ำเดิน พอตรวจดูปากมดลูก ปรากฎว่าปากมดลูกเปิดประมาณ 3 ซม. แล้ว (เรียกว่าอยู่ในระยะเฉื่อย) จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการเตรียมตัวคลอด พยาบาลล่วงมื้อเข้าไปเจาะถุงน้ำคร่ำ โกนขนจิ๊มิ ก่อนพาเข้าห้องคลอด พร้อมเร่งคลอดด้วยสายน้ำเกลือ จากนั้นก็รู้สึกปวดเป็นระยะ ๆ เวลานั้นก็โทรหาแม่หายาย ที่ทุกคนต่างตื่นเต้นกันหมด
บทความแนะนำ : ปากมดลูกเปิดเป็นยังไง สัญญาณใกล้คลอดที่ควรรู้
24.00 น. ง่วงนอน แต่นอนไปก็ปวดไป พยาบาลเข้ามาตรวจปากมดลูกเริ่มเปิดจาก 3 ซม. มาเป็น 5 ซม. แล้ว เริ่มปวดท้องมากขึ้น เพราะการหดรัดตัวของมดลูกจะแรงและถี่ขึ้น เจ็บท้องจนอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ เลยลุกจากเตียงมาทำท่าโก้งโค้ง แฟนก็เตือนว่าให้อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวลูกจะเป็นอันตรายนะ
เวลาต่อมาพยาบาลก็เข้ามาบอกให้เราหัดเบ่ง และมาเช็กว่ามดลูกเปิด 7 ซม. อีกแป๊บเดียวก็จะได้เห็นหน้าลูกแล้ว คุณหมอก็เข้ามาให้กำลังใจ วินาทีนี้อยากอ้อนแฟนสุด ๆ แฟนก็เข้ามาจับมือ เข้ามาปลอบ เวลานั้นก็พยามยามหัดเบ่งเรื่อย ๆ จนพยาบาลเข้ามาตรวจช่องคลอดอีกที และบอกว่าปากมดลูกเปิด 10 ซม. สามารถเข้าสู่กระบวนการเบ่งคลอดได้แล้ว
หมอกับพยาบาลก็เข้ามาทำนู่นทำนี่ และบอกให้เราเบ่ง “คุณแม่เบ่ง แม่เอาคางแนบอกนะแม่ เบ่งลงก้นนะ ห้ามมีเสียงนะแม่ เราก็เบ่ง…. เก่งมากแม่ อีกรอบนะแม่ เบ่งงงง… หายใจๆ แม่เก่งมากแม่ เบ่งง… ใกล้แล้วแม่ เรานี่โอ้ย ผงกหัวขึ้นมาบอกหมอ หนูไม่ไหวแล้ว หนูทำไม่ได้ พยาบาลบอกมาถึงตอนนี้ถอยไม่ได้แล้วแม่ อีกรอบนะแม่” หมอกรีดจิ๊มิไป 2 ที “เก่งมากค่ะ อีกทีนะคะ ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้วแม่ เบ่งงงง….. หายใจๆ อีกรอบนะคะ ใกล้แล้วค่ะ พลวดดดดดดด อู้แว๊ๆๆๆ”
01.06น. อู้แว๊ๆๆๆ ในที่สุดลูกสาวตัวน้อยของเราก็ออกมา หมอก็อาบน้ำเช็ดตัวและให้ลูกเข้าไปห้องอบ เพราะน้องคลอดก่อนกำหนด 19 วัน น้ำหนัก 2,500 กรัม จากนั้นหมอก็ทำการเย็บแผลและพาขึ้นไปห้องพักฟื้น แฟนกลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้ามาให้ มีน้าอยู่เป็นเพื่อนนอนคุยกันถึงตี 5 เพราะรู้สึกว่ามีความสุขมาก ๆ และภูมิใจตัวเองด้วยที่สามารถเบ่งคลอดลูกออกมาได้เอง และโชคดีที่ลูกคลอดออกมาง่ายด้วย เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่อยากมาแชร์ประสบการณ์ของคนเป็นแม่ให้อ่านนะคะ
ปัจจุบันนี้น้องอังอังใกล้จะครบ 1 ขวบแล้ว แต่เรื่องราวดี ๆ ในช่วงตอนคลอดลูก ยังตรึงใจคุณแม่อยู่ เลยนำมาแชร์ประสบการณ์นี้ไว้ให้สำหรับคุณแม่ที่ตั้งใจคลอดลูกด้วยตัวเองไว้เป็นแนวทางกันนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ถ่ายทอดสดแม่คลอดลูกผ่านเฟสบุ๊ค
ภาพชุดที่สื่อช่วงเวลาคลอดลูกได้สวยงามที่สุด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!