คนท้องเล่นโทรศัพท์ได้ไหม? คลื่นโทรศัพท์กับทารกในครรภ์ มีผลอะไรหรือเปล่า?
มีหลายสิ่ง หลายอย่าง ที่แม่ท้องทุกคนควรหลีกเลี่ยงในระหว่างการตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจว่ามีสุขภาพที่ดีที่สุดในระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น การ ดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และ การ ดื่มคาเฟอีน และ สำหรับโทรศัพท์ละ? คนท้องเล่นโทรศัพท์ได้ไหม? คลื่นโทรศัพท์กับทารกในครรภ์ มีผลอะไรหรือเปล่า? วันนี้เรามีคำตอบมาให้ทุกคนแล้วค่ะ
นักวิจัย และ นักวิทยาศาสตร์ ได้ทำการถกเถียงกันอย่างจริงจัง กับเรื่องรังสี หรือ คลื่นโทรศัพท์ ว่าอาจจะเป็นอันตรายต่อการพัฒนาการระบบสมอง และ ร่างกายของลูกน้อยในครรภ์
โดย วิจัยล่าสุดระบุว่า การเล่นโทรศัพท์ระหว่างการจตั้งครรภ์นั้นไม่ส่งผลเสียต่อการพัฒนาสมองของลูกน้อยในครรภ์
ความกังวล เกี่ยวกับอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ ที่เกิดจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าคลื่นความถี่วิทยุ ที่ปล่อยออกมาจากโทรศัพท์ส่วนใหญ่นั้น มาจากรายงานการศึกษาสัตว์ทดลองซึ่งมีผลลัพธ์ที่ไม่สอดคล้องกัน
โดย การศึกษาล่าสุดพบว่า นักวิจัยได้รวบรวมข้อมูลของแม่ท้อง ประเทศนอร์เวย์ จากข้อมูลแม่และเด็กจำนวนกว่า 45,000 คน
ผู้หญิงในการวิจัยนี้ ล้วนแต่ใช้มือถือทั้งนั้น และ ลูกของพวกเขาได้รับการประเมินพัฒนาการทางสมองเมื่ออายุ 3 ถึง 5 ปี
และวิจัยเผยว่า การสัมผัสกับสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ความถี่วิทยาเกี่ยวข้องกับโทรศัพท์มือถือ ในระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับปัญหาการพัฒนาการสมอง
“โดยวิจัยพบว่าการใช้มือถือของแม่ท้องไม่มีความเสี่ยงต่อการพัฒนาทางระบบประสาทของทารกในครรภ์” เผยโดย Dr.Jan Alexander ผู้วิจัยอาวุโสของสถาบันสาธารณสุขประเทศนอร์เวย์ (Norwegian Institute of Public Health)
ลดความเสี่ยงของความล่าช้าทางภาษา
แต่หากเปรียบกับเด็กที่ แม่ท้องไม่ได้ใช้โทรศัพท์ เด็กที่แม่ใช้โทรศัพท์มีความเสี่ยงลดลง 27% จาก ความซับซ้อนและความลดลงและความเสี่ยงทางภาษา และความสมบูรณ์ ทางไวยากรณ์ลดลงถึง 14% งานวิจัยถูกตีพิมพ์ในนิตยสาร BMC
มีการวิจัยที่พบว่า คลื่นโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองของเด็กและก่อให้เกิดผลกระทบได้มากกว่า โดยเฉพาะในเด็กเล็กอายุ 5 ขวบ ที่คลื่นมือถือสามารถทำลายเนื้อเยื่อสมองได้มากกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า ทำให้มีอาการปวดหัว และอาจจะทำให้เกิดมะเร็งในสมองได้
มีงานวิจัยอยู่ชิ้นหนึ่งที่กล่าวเอาไว้ว่าคลื่นโทรศัพท์มือถืออาจทำให้เกิดปัญหาทางด้านพฤติกรรมได้ พอจะสรุปได้ว่า รังสีจากโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุที่ทำให้ทารกกลายเป็นบุคคลสมาธิสั้น อีกทั้งยังมีอารมณ์ค่อนข้างสับสน มีพฤติกรรมตื่นเต้น วุ่นวาย (hyperactive) หรือเข้าข่ายที่เรียกกันว่า “อยู่ไม่สุข” เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในภายหน้า
เรื่องราว เกี่ยวกับการวิจัยมีมากมาย แต่สรุปเลยละกันว่าผลของ คลื่นโทรศัพท์มือถือต่อเด็ก ต่อคนทั่วๆไปอาจมีความเป็นไปได้ แต่ก็ยังไม่มีใครสักคนมีข้อมูลสรุปชี้ชัด มีแต่แค่บอกว่าอาจจะเป็นนั่น เป็นนี่ ก็ขึ้นกับวิจารณญาณในการรับข้อมูลข่าวสารของเราเองด้วย ข้อสังเกตุต่อมาก็คือไม่มีการค้นคว้าวิจัยในคุณแม่ตั้งครรภ์จริงๆสักอัน ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่าเราไม่สามารถเอาคนท้องมาวิจัยแบบนี้ได้ มันผิดจริยธรรม
ดังนั้น ในขณะที่ เขายังไม่มีข้อสรุปชัดเจน คุณแม่ก็ควรใช้มือถือด้วยความระมัดระวัง ใช้มือถือได้ตามความจำเป็น พกติดตัวไปไหนมาไหนได้ตามสะดวก แต่ก็ควรพกใส่กระเป๋าถือ ที่วางไว้ห่างจากตัว ไม่ควรเอามาใส่กระเป๋าการเกงเพราะมันอาจจะอยู่ใกล้กับหัวของทารกมากเกินไป หลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง แต่หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ได้ซีเรียสมากมาย ยังไงก็แล้วแต่ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ ผ่านหนังหน้าท้องเราลงไปได้นิดเดียวเท่านั้นเองไม่ต้องคิดมากอะไร จะพากันเครียดไปเปล่าๆ
Source : Health24
บทความอื่นๆที่น่าสนใจ :
ให้ลูกนอนด้วยอาจส่งผลแย่กว่าที่คิด หยุดพัฒนาการของเด็ก ข้อเสียมากกว่าข้อดี
โรคผื่นลมพิษ แม่ตั้งครรภ์ โรคผื่นลมพิษในคุณแม่ตั้งครรภ์ พบบ่อย! ผื่น PUPPP
เด็กติดอินเทอร์เน็ต สื่อออนไลน์ ติดมือถือ ติดคอม แก้ไขและป้องกันได้อย่างไร?