ทารกหัวโต เกิดจาก สาเหตุอะไร
เด็กหัวโต ทารกหัวโต เกิดจาก สาเหตุอะไร ลูกหัวโตแบบไหน เสี่ยงเป็นโรค พ่อแม่ต้องรู้!
รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน อธิบายว่า ศีรษะเด็กจะขยายขนาดเร็วมากที่สุดในช่วงขวบปีแรก โดยเฉพาะที่อายุ 3-6 เดือน หลังจากนั้นจะเพิ่มขึ้นช้าลง และไม่เพิ่มขึ้นอีกเมื่อเป็นผู้ใหญ่
- เด็กผู้ชายจะมีเส้นรอบศีรษะมากกว่าเด็กผู้หญิงเล็กน้อยในช่วงวัยต่าง ๆ
- ในครอบครัวที่พ่อแม่มีศีรษะโต โดยไม่ได้มีภาวะที่ผิดปกติใด ๆ ก็จะทำให้ลูกมีศีรษะโตกว่าค่าเฉลี่ยเด็กทั่วไป
วิธีวัดเส้นรอบศีรษะตั้งแต่แรกเกิด
- คุณหมอจะวัดจากส่วนที่นูนที่สุดเหนือคิ้ว ไปยังส่วนที่นูนที่สุดของท้ายทอย วัดตั้งแต่แรกเกิด และเมื่อทารกอายุ 1, 2, 4, 6, 9, และ 12 เดือน
- หรือตอนมารับวัคซีนตามอายุ โดยเฉลี่ยจะทำการวัดทุก ๆ 2-3 เดือน ในขวบปีแรก และทุกๆครึ่งปี ไปจนอายุ 6 ปี
ทารกหัวโต เกิดจากอะไร
สาเหตุที่ทำให้ศีรษะโตผิดปกติจากโรค หรือความปกติอื่น ๆ ของสมอง เช่น
- เนื้องอกในสมอง
- น้ำในสมอง
- เลือดออกในสมอง
- เด็กหัวบาตร
- กลุ่มอาการความผิดปกติต่าง ๆ ที่มีผลต่อสมอง
หากคุณหมอวัดเส้นรอบศีรษะแล้วพบว่ามากกว่าค่าเฉลี่ยอย่างชัดเจน จะทำการตรวจร่างกายเด็กโดยละเอียด
- เน้นที่การตรวจระบบประสาท เพื่อหาความผิดปกติของสมอง ประเมินพัฒนาการ
- หากสงสัยความผิดปกติ คุณหมอจะขอตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ultrasound, CT scan, MRI เพื่อหาความผิดปกติของสมอง
ทั้งนี้ แม่ ๆ ต้องสังเกตอาการผิดปกติของระบบประสาท หากมีอาการเหล่านี้ ต้องรีบพาลูกมาโรงพยาบาล
- ซึมผิดปกติ
- อาเจียนพุ่ง
- ความผิดปกติของลูกตาและการมองเห็น เช่น ตามัว เห็นภาพซ้อน
ความฉลาดไม่ได้ขึ้้นอยู่กับขนาดของหัวลูก
คุณหมอยังยืนยันด้วยว่า ขนาดศีรษะที่ใหญ่ของทารก หรือลูกหัวโต ไม่ได้เป็นตัวบ่งชี้ว่า เด็กจะมีสมองเยอะและฉลาดกว่าคนอื่น เพราะความฉลาดขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการทำงานของสมอง เป็นเรื่องของพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม
พ่อแม่ต้องส่งเสริมพัฒนาการตามวัย ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้อย่างมีความสุข เพื่อให้ลูกเติบโตอย่างฉลาดนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ทารกควรนอนท่าไหน ปลอดภัย ไม่ไหลตาย
ไม่อยากให้ลูกพิการ ตั้งแต่ยังไม่คลอด แม่ท้องต้องเลี่ยง 5 เรื่องนี้
วิธีสังเกตอาการ ลูกสำลักนม ก่อนอันตรายถึงตาย พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้ลูกสำลักนม
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!