ผัวรับสารภาพฆ่า “น้องนุ่น” เสียชีวิตต่อหน้าลูก ก่อนนำศพไปทิ้งที่ปราจีนบุรี

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

จากกรณีเหตุการณ์สะเทือนขวัญหลังจากการหายตัวไปของ นางสาวชลลดา มุธุวงศ์ หรือ น้องนุ่น อายุ 27 ปี ล่าสุดนายศิริชัย รักทอง อายุ 33 ปี ผู้เป็นสามี ได้ถูกตำรวจสอบเค้นอย่างหนัก ก่อนรับสารภาพว่าตัวเองได้พลาดพลั้งลงมือฆ่าภรรยา ก่อนนำศพไปเผาอำพรางที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยสาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากการหึงหวงและเมา

 

ผัวรับสารภาพฆ่า “น้องนุ่น” ก่อนนำศพไปทิ้งที่ปราจีนบุรี

เหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่เพื่อนของน้องนุ่น ได้ออกมาโพสต์ตามหาน้องนุ่น หรือ นางสาวชลลดา มุธุวงศ์ อายุ 27 ปี ที่ได้หายตัวไปอย่างผิดปกติ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยก่อนเกิดเหตุได้มีการเลี้ยงวันเกิดของ นายศิริชัย รักทอง สามีของน้องนุ่น ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านเลียบด่วนรามอินทรา ซึ่งหลังจากที่ร้านปิดเวลาเที่ยงคืน ต่างคนต่างได้แยกย้ายกลับบ้าน และน้องนุ่นต้องกลับบ้านกับนายศิริชัยที่นนทบุรี แต่ระหว่างทางเกิดการทะเลาะกัน จนนุ่นก็ได้หายตัวไปอย่างผิดปกติ

 

หลังจากที่นุ่นได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย คนที่อยู่สุดท้ายกับนุ่นคือ นายศิริชัย ผู้เป็นสามี ทุกคนจึงพุ่งเป้าไปที่นายศิริชัย และนายศิริชัย ก็ได้บอกว่าตนเองทะเลาะกับนุ่นตอนประมาณตี 3 แล้วนุ่นก็ลงจากรถและหายตัวไปเลย เมื่อได้ยินเพื่อนก็รู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติบางอย่าง เพราะภรรยาหายตัวไปแต่ก็ไม่ยอมตามหา เพื่อนพยายามบอกให้นายศิริชัยไปแจ้งความไม่ต้องรอถึง 24 ชั่วโมง แต่นายศิริชัยก็ไม่ยอมแจ้งความ และบอกว่าโลเคชั่นสุดท้ายที่เจอนุ่น คือที่สระแก้ว

 

เมื่อเขาเริ่มดังขึ้น ศิริชัยก็ได้ออกมาเผยถึงการหายตัวไปของนุ่น ว่าตนเอง นุ่น และลูกวัย 1 ขวบ 2 เดือน ได้ออกไปทานอาหารแถวย่านเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากที่ร้านปิดศิริชัยและนุ่นก็กลับบ้าน แต่ระหว่างทางในช่วงประมาณตี 1 ก็ได้มีปากเสียงกันเรื่องแฟนเก่าของศิริชัย และเรื่องเงินในครอบครัว นุ่นพยายามจะเปิดประตูลงจากรถ แต่ศิริชัยก็ตามมาได้ จนมาถึงแถวเมืองทองธานีนุ่นก็ได้หนีไปได้สำเร็จ เมื่อถึงช่วงประมาณเวลาตี 3 นุ่นก็ได้หายตัวไปในความมืด แต่ศิริชัยตามไปไม่ได้เพราะมีลูกอยู่ในรถ

ต่อมาศิริชัยก็ได้พยายามติดต่อกับเพื่อนของนุ่นว่าได้อยู่ด้วยกันไหม แต่ก็ไม่มีใครพบ จึงแจ้งให้ผู้ใหญ่ทราบ ศิริชัยยอมรับว่าตนเองได้มีการใช้ความรุนแรงกับนุ่น เคยใช้เท้าเหยียบหน้า แต่ศิริชัยจะเป็นฝ่ายง้อนุ่นให้กลับมา และอ้างว่าตนเองไม่ได้ฆ่านุ่นตามข่าว และยังเชื่อว่านุ่นมีชีวิตอยู่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

 

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลับถึงจุดพลิกผัน เมื่อคุณบิว ผู้ทำงานขับรถแทนคนที่ดื่มเหล้า ผ่านไปเห็นเหตุการณ์ก่อนที่นุ่นจะเสียชีวิต คุณบิวบอกว่าศิริชัยโกหกเรื่องทั้งหมด ที่บอกว่านุ่นหายตัวไปตอนประมาณตี 3 แถวเมืองทองธานี เพราะตนเองเห็นศิริชัยทำร้ายร่างกายนุ่นจนนุ่นนอนไม่ได้สติ แถวแจ้งวัฒนะตอนประมาณเวลาตี 1 ด้วยสภาพของนุ่นตอนนั้น คงไม่สามารถวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ได้ด้วยตัวเองแน่นอน ทั้งนี้คุณนิว ผู้ทำงานขับรถให้ลูกค้า จำรถ BMW ของนายศิริชัยได้ และทำการติดต่อแม่นุ่นทันที

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

เมื่อสำนักข่าวได้ขุดคุ้ยเหตุการณ์นี้ จนนำไปสู่การพบโครงกระดูกที่สวนยางพาราแห่งหนึ่ง ในตำบลหนองโพรง อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี โดยบริเวณดังกล่าวได้พบสร้อยทองคำที่นุ่นใส่ พบกะโหลกศีรษะของมนุษย์ โครงเหล็กที่คล้ายกับกระเป๋าเดินทาง และตำรวจก็ได้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เป็นเหตุให้จับกุมตัวนายศิริชัยที่บ้านพัก

 

ทางด้านตำรวจได้ไปตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด และพบภาพการกระทำอันโหดร้ายของนายศิริชัยที่ได้ลงมือทำร้ายนุ่น โดยศิริชัยกระชากหัว เตะไปที่ใบหน้าของนุ่นจนนอนกองไปกับพื้น จากนั้นจิกหัวนุ่นขึ้นมานั่ง ทุบและกระทืบหัวนุ่น จนนุ่นแน่นิ่งไปเป็นเวลากว่า 5 นาที จากนั้นศิริชัยก็ได้ไปหลบมุม ก่อนที่จะนำก้อนอิฐมาทุบหัวนุ่นจนนุ่นไม่ได้สติ โดยที่ยังคงอุ้มลูกไว้ที่แขนอีกข้าง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลังจากนั้นศิริชัยนำตัวนุ่นขึ้นรถกลับบ้าน และมีการทำร้ายร่างกายนุ่นต่อบนรถจนถึงบ้าน ซึ่งในตอนนั้นนุ่นยังคงมีชีวิตอยู่ ศิริชัยก็ได้ร่างนุ่นเข้าบ้านและไปทำร้ายร่างกายต่อในบ้าน โดยเอาอิฐบล็อกทุกรุ่น จนมีคราบเลือดติดเปื้อนบนผ้าปูที่นอนและบนกำแพงด้วย ทำให้นุ่นเสียชีวิตสลดต่อหน้าลูก เมื่อศิริชัยทราบว่านุ่นเสียชีวิตแล้วจึงต้องการอำพรางศพ นำร่างของนุ่นใส่กระเป๋าเดินทาง และขับรถออกจากบ้านพร้อมลูกไปซื้อน้ำมัน 2 แกลลอน แล้วเอาศพของนุ่นไปเผาที่ปราจีนบุรี จากนั้นศิริชัยได้ขับรถกลับบ้านช่วงประมาณ 5 โมงเย็น แล้วค่อยพาลูกไปแจ้งความเรื่องนุ่นหายตัวไป

 

จนในที่สุดทางตำรวจได้นำหลักฐานมาให้นายศิริชัยดู นายศิริชัยจึงยอมรับสารภาพว่าได้ทำร้ายและฆ่าภรรยา โดยมีสาเหตุมาจากการดื่มสุรา และการพูดถึงแฟนเก่าของตัวเอง ทำให้เกิดการทะเลาะกันระหว่างเดินทางที่กลับจากการฉลองวันเกิดในร้านอาหาร โดยช่วงที่อยู่บนรถนุ่นยังไม่เสียชีวิต นายศิริชัยได้ทำร้ายร่างกายนุ่นอีกครั้ง ด้วยการใช้อิฐตัวหนอนทุบไปที่ศีรษะจนนุ่นเสียชีวิต

บทความที่เกี่ยวข้อง : ความรุนแรงในครอบครัว เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรง

 

ขอบคุณภาพจาก sanook.com

 

ความรุนแรงส่งผลต่อสุขภาพจิตลูกน้อยได้

การใช้ความรุนแรงในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นการเถียง ตะโกน บังคับขู่เข็ญ การทะเลาะกันอย่างรุนแรง การใช้อาวุธ และการลงมือทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บให้เด็กเห็น ล้วนส่งผลกระทบต่อจิตใจของลูกน้อย เด็กที่เคยมีประสบการณ์เห็นภาพความรุนแรง โดยเฉพาะความรุนแรงในครอบครัวจะส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กมากเป็นพิเศษ

เนื่องจากครอบครัวเป็นผู้ที่อยู่ใกล้ตัวของเด็ก ๆ ซึ่งเมื่อเด็ก ๆ อยู่ในสถานการณ์การใช้ความรุนแรงดังกล่าว ก็มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับ ปัสสาวะรดที่นอน มีปัญหาทางด้านการสื่อสาร ความเข้าใจ และยังส่งผลต่อปัญหาด้านการเรียนรู้ ทำให้เด็กอยากทำร้ายร่างกายตัวเอง มีนิสัยก้าวร้าว มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และไม่อยากเข้าสังคม

 

ข้อควรรู้เมื่อเด็กเล็กเห็นภาพความรุนแรง

เด็กเล็กไม่สามารถสื่อสารอารมณ์ ความเครียด และไม่สามารถเข้าใจได้เหมือนผู้ใหญ่ ทำให้เด็กซึมซับพฤติกรรมเลียนแบบได้เร็วกว่าผู้ใหญ่หลายเท่า โดยสัญญาณเตือนที่เด็กเล็กมีภาวะทางจิตใจ เช่น งอแง ร้องไห้ง่าย เรียกร้องความสนใจมากกว่าปกติ แยกตัวไม่อยากไปโรงเรียน หวาดกลัว ไม่อยากแยกจากผู้ปกครอง รวมถึงมีอาการนอนไม่หลับ ฝันร้าย หรือนอนหลับไม่สนิท 

บทความที่เกี่ยวข้อง : จิตแพทย์แนะนำ! วิธีป้องกันและช่วยเหลือ เด็กก่อความรุนแรง

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

สิ่งที่ควรทำ

  • สังเกตอารมณ์และพฤติกรรมของเด็ก
  • ระวังอย่าให้เด็กเห็นภาพสื่อที่น่ากลัวมากเกินไป
  • เปิดโอกาสให้เด็กสะท้อนความรู้สึกและเกิดการซักถาม
  • ปล่อยให้เด็กใช้ชีวิตตามปกติ และพาทำกิจกรรมเด็กที่ช่วยผ่อนคลาย
  • ยืนยันให้เด็กได้ความมั่นใจ ว่ารู้สึกปลอดภัยและผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้รับการช่วยเหลือ
  • พูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ด้วยน้ำเสียงสงบ และสอบถามความคิดเห็นของความรู้สึกของลูก

 

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  • แสดงท่าทีที่ตื่นตระหนก
  • แสดงพฤติกรรมหรืออารมณ์ที่ไม่เหมาะสม ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ต่อว่า ด่าทอ
  • พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ลงรายละเอียดมากเกินไป หรือนำเหตุการณ์มาขู่เด็ก

 

ความรุนแรงในครอบครัว อาจส่งผลให้ต่อสุขภาพจิตของเด็ก โดยเฉพาะเด็กเล็กอาจซึมซับและเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่ หากไม่ได้รับการแก้ไขด้วยความเข้าใจและการชี้นำในทางที่ถูกต้อง ก็อาจส่งผลให้ลูกทำพฤติกรรมเหล่านี้ต่อคนอื่นในสังคม ดังนั้น หากไม่อยากให้ลูกมีพฤติกรรมที่รุนแรงและกระทบกระเทือนต่อจิตใจ ห้ามใช้ความรุนแรงให้ลูกเห็นโดยเด็ดขาดและควรปรับพฤติกรรมที่ไม่ดีก่อนจะสายเกินไป 

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

พาลูกพบจิตแพทย์เด็ก ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด ไปได้สบายหายห่วง

ลักษณะนิสัยของพ่อแม่ที่ทำร้ายลูก ทำให้ลูกเป็นเด็กก้าวร้าว คุณเป็นแบบนี้ไหม!

พ่อแม่ควรให้ลูกเล่นปืนไหม ลูกเล่นปืนจะเป็นเด็กก้าวร้าว ชอบใช้ความรุนแรงหรือเปล่า

ที่มา : hilight.kapook.com, thaipbs.or.th, bangkokbiznews.com, minorsmartkids.com

บทความโดย

Sittikorn Klanarong