สุดสลด นักเรียน ม.2 ถูกเพื่อนแทงเสียชีวิต หลังเลิกแถวหน้าเสาธง

ความรุนแรงไม่ว่ารูปแบบใด เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นภายในโรงเรียน เพราะทุกความรุนแรงอาจนำไปสู่ความสูญเสีย ดังเช่นกรณี สุดสลด นักเรียน ม.2 ถูกเพื่อนแทงเสียชีวิต หลังเลิกแถวหน้าเสาธง

สุดสลด นักเรียน ม.2 ถูกเพื่อนแทงเสียชีวิต หลังเลิกแถวหน้าเสาธง

วันนี้ (29 ม.ค.2567) ตำรวจ สน.คลองตัน รับแจ้งเหตุเด็กนักเรียนถูกทำร้ายภายในโรงเรียนแห่งหนึ่งย่านพัฒนาการ ในที่เกิดเหตุบริเวณลานกีฬาโรงเรียนพบเด็กนักเรียนชาย ชั้น ม.2 ซึ่งคณะครูอยู่ระหว่างช่วยเหลือปฐมพยาบาลเนื่องจากถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณลำคอ นอกจากนี้คณะครูได้ควบคุมตัวนักเรียนผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นนักเรียนชายเพื่อนร่วมชั้น โดยทางเจ้าหน้าที่ได้รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลวิภาราม แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนเด็กชายผู้ก่อเหตุถูกควบคุมตัวไปสอบสวนที่ สน.คลองตัน เพื่อหาสาเหตุการก่อเหตุครั้งนี้

จากการสอบถามเบื้องต้น สาเหตุในการก่อเหตุเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุมาจาก ผู้ก่อเหตุได้ถูกผู้เสียชีวิต กลั่นแกล้งในช่วงเช้าของวันนี้ หลังจากเข้าแถวเคารพธงชาติ ผู้ก่อเหตุจึงใช้อาวุธเข้าไปทำร้ายร่างกาย ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทางคณะครูและตำรวจได้ควบคุมตัวนักเรียนผู้ก่อเหตุพร้อมอาวุธมีด 

ขณะที่ผู้อำนวยการโรงเรียนปฏิเสธให้ข้อมูล บอกว่าขอตรวจสอบรายละเอียดและความชัดเจนของเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อน ทั้งขอให้งดถ่ายภาพ บุคลากรทางการศึกษา และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้าน พ.ต.อ.วชิรากรณ์ วงศ์บุญ ผกก.สน.คลองตัน กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กปกติ ไม่ใช่เด็กพิเศษตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ จากการสอบปากคำ เบื้องต้นพูดคุยได้เป็นปกติ ไม่มีลักษณะเป็นเด็กพิเศษ เบื้องต้นแจ้งข้อหาฆ่าคนตาย

ที่มา : thaipbs.or.th, mgronline.com, tna.mcot.net, pptvhd36.com

นักเรียน ม.2 ทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ผิดกฎหมายไหม ?

ตามกฎหมายอาญาของประเทศไทยบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป” เด็ก ม.2 ถือได้ว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย ดังนั้น หากเด็ก ม.2 ทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และย่อมต้องรับโทษตามกฎหมาย โดยมีความผิดดังต่อไปนี้

• ความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 บัญญัติว่า “ผู้ใดฆ่าผู้อื่น ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป” เด็ก ม.2 ถือได้ว่าเป็นบุคคลตามกฎหมาย ดังนั้น หากเด็ก ม.2 ทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานฆ่าผู้อื่น และย่อมต้องรับโทษตามกฎหมาย

• ความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 บัญญัติว่า “ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงสิบห้าปี” ความผิดฐานนี้คล้ายกับความผิดฐานฆ่าผู้อื่น แต่ต่างกันที่เจตนาของการกระทำ ในกรณีของความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ต้องมีเจตนาฆ่าผู้อื่น แต่ในกรณีของความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ไม่จำเป็นต้องมีเจตนาฆ่าผู้อื่น เพียงแต่การกระทำของบุคคลนั้นทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก็ถือว่ามีความผิดฐานนี้

• ความผิดฐานทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 300 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ แก่บุคคลอื่นโดยเจตนา ทำให้ได้รับอันตรายสาหัส ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงห้าปี” ความผิดฐานนี้เกิดขึ้นเมื่อบุคคลใดกระทำการใดๆ แก่บุคคลอื่นโดยเจตนา ทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส ในกรณีของเด็ก ม.2 ทำร้ายเพื่อนจนเสียชีวิต ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานนี้ด้วย เนื่องจากการกระทำของเด็ก ม.2 ทำให้เพื่อนได้รับอันตรายสาหัสจนเสียชีวิต

นอกจากนี้ ผู้ปกครองของเด็ก ม.2 อาจถูกดำเนินคดีทางแพ่งฐานละเมิด ฐานละเลยในการดูแลเด็ก ม.2 จนเป็นเหตุให้เด็ก ม.2 กระทำความผิด ผู้ปกครองของเด็ก ม.2 อาจถูกศาลสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่อหรือครอบครัวของเหยื่อ

ที่มา : gne.go.kr, webportal.bangkok.go.th

วิธีแก้ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน

ความรุนแรงในโรงเรียนเป็นปัญหาที่พบได้ทั่วโลก ส่งผลกระทบต่อทั้งผู้ก่อเหตุ ผู้ถูกกระทำ และสังคมโดยรวม การป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง

วิธีแก้ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนสามารถดำเนินการได้หลายระดับ ดังนี้

ระดับครอบครัว

• พ่อแม่ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกในเรื่องการใช้ความรุนแรง หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรงในการเลี้ยงดูลูก
• พ่อแม่ควรสอนลูกให้รู้จักการเคารพสิทธิของผู้อื่น รู้จักควบคุมอารมณ์ และแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

ระดับโรงเรียน

• โรงเรียนควรมีนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนในการต่อต้านความรุนแรง กำหนดบทลงโทษที่ชัดเจนสำหรับผู้ก่อเหตุ
• โรงเรียนควรจัดอบรมให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรง
• โรงเรียนควรจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

ระดับชุมชน

• ชุมชนควรสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีกิจกรรมที่สร้างสรรค์
• ชุมชนควรร่วมมือกับโรงเรียนในการจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนมีทักษะในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี

ระดับสังคม

• สังคมควรรณรงค์ต่อต้านความรุนแรงในทุกรูปแบบ ส่งเสริมให้สังคมมีวัฒนธรรมแห่งสันติภาพ
• สังคมควรสนับสนุนการพัฒนาระบบสวัสดิการสังคมที่เอื้อต่อการเลี้ยงดูเด็กอย่างเหมาะสม

นอกจากนี้ ยังมีแนวทางอื่น ๆ ที่อาจช่วยแก้ปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนได้ เช่น

• พัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่ส่งเสริมให้นักเรียนมีทักษะในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธี
• เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสื่อและแหล่งข้อมูลที่เป็นกลางและสร้างสรรค์
• พัฒนาระบบการรายงานและติดตามเหตุความรุนแรงในโรงเรียน

ความรุนแรงในโรงเรียนเป็นปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้เพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง การทำงานร่วมกันอย่างจริงจังและต่อเนื่องจะช่วยให้สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในโรงเรียนจึงจำเป็นจะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ในการร่วมกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเอื้อต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสำหรับเด็กและเยาวชน

บทความที่น่าสนใจ :

มาทำความเข้าใจ ออทิสติก กับ ดาวน์ซินโดรม แตกต่างหรือเหมือนกันอย่างไร ?

หยุด Bully เพราะเรื่องที่เกิดเป็นปมในใจ ไม่ใช่เรื่องน่าขำ

ลูกถูกเพื่อนรังแก พ่อแม่ควรแนะนำอย่างไร