เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างฯ จังหวัดสระบุรี ได้รับการร้องขอจากครูโรงเรียนบ้านเขาดินใต้ ให้ช่วยตามหา เด็ก ป.3 หายจากห้องเรียน ซึ่งได้หายตัวไปจากห้องเรียนตั้งแต่เวลา 09.00 น. โดยไม่มีใครรู้ว่าหายไปไหน หลังรับแจ้งก็ได้นำกำลังมาช่วยค้นหาทันที
เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณโรงเรียนก็พบว่า ชาวบ้านจำนวนมากกำลังแตกตื่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้น ทั้งชาวบ้าน และกู้ภัยรวม 50-60 คน ต่างก็ช่วยกันค้นหา น้องยุ อายุ 9 ขวบ เด็ก ป.3 หายจากห้องเรียน เบื้องต้นทราบว่า น้องได้ขอครูไปเข้าห้องน้ำหลังโรงเรียน จากนั้นก็หายไปเลย โดยครูรู้สึกว่าน้องไปนานจนผิดสังเกต จึงได้ออกตามหาแต่กลับไม่เจอ จึงแจ้งให้คุณครูท่านอื่นทราบและช่วยกันตามหา ตั้งแต่ช่วง 09.00 น.
จนเกือบเที่ยงวันก็ได้พบตัวหนูน้อยที่บริเวณหลังร้านค้า เจ๊ดา การเกษตร ขายเมล็ดข้าวโพด เป็นที่แม่ของน้องเป็นลูกจ้างทำงานอยู่นั่นเอง ซึ่งร้านนี้ห่างจากโรงเรียนประมาณ 50-60 เมตร และน้องได้แอบอยู่ข้างถังสีน้ำเงินด้านหลังของร้าน โดยมีผ้าตาข่ายสีน้ำเงินปิดบังอยู่ จึงนั่งแอบอยู่หลายชั่วโมง น้องไม่กล้าออกมาเพราะกลัวเสียงหวอของกู้ภัยที่ดังอยู่ เนื่องจากตัวเองทำผิดหนีออกจากโรงเรียน ต่อมาน้องค่อย ๆ ย่องออกมา แล้วหลบอยู่หน้ารถ 10 ล้อ นายวันชัย สินบุตรอายุ 31 ปี ช่างทาสี เห็นน้องแล้วได้จับตัวเอาไว้ เพราะกลัวว่าจะหนีไปต่อ หลังแจ้งให้แม่และคุณครูทราบ
ส่วนสาเหตุที่น้องต้องหนีออกจากโรงเรียน เพราะโดนเพื่อนในห้องแกล้งจนทนไม่ได้ จึงได้ออกมาตั้งแต่ 09.00 น. โดยขอครูไปเข้าห้องน้ำและหลบหนีออกทางด้านหลัง ไปตามทางไร่ข้าวโพด เพราะโรงเรียนไม่มีรั้วกั้น ขณะนั้น ครูก็ได้แจ้งไปทางผู้ปกครอง และแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่าง คุณครู ได้ร่วมกับชาวบ้าน ประมาณ 30-40 คน แยกย้ายกันค้นหาเด็กตามไร่ข้าวโพด 3-4 ชั่วโมง แต่ไร้วี่แวว จนทราบข่าวว่าได้เจอเด็กคนดัง จากนั้น ทางโรงเรียนก็ได้รายงานไปยัง สพป.สระบุรี เขต 1 ทำให้ นางสาว มยุรีย์ เนตรศิลานนท์ รอง.ผอ.สพป.สระบุรี เขต 1 ต้องลงพื้นที่มายังโรงเรียน เพื่อมารับฟังกรณีที่เด็กหายตัวไป
ทางฝั่งของคุณแม่ เล่าว่า ลูกชายมักโดนเพื่อนแกล้ง จึงทำให้ไม่อยากไปโรงเรียนและได้หนีออกมา ซึ่งร่างกายลูกชายของตนปกติ แต่ดวงตาของน้องเป็นต้อกระจกแต่เด็ก โดยผ่านการผ่าตัดมาเรียบร้อย ตอนนี้เป็นปกติแล้ว พอลูกชายหนีออกมาจากโรงเรียน ลูกจึงมาแอบอยู่ตรงถังสีน้ำเงิน คุณครูได้โทรแจ้งช่วง 09.00 น. และก็ได้ร่วมกันออกตามหาจนมาเจอตัว ตนเองรู้สึกดีใจมาก
ทั้งนี้ คุณแม่เองก็เชื่อว่าลูกโดนแกล้ง เพราะเขาเป็นคนไม่ค่อยพูด ไม่ทำใคร จึงอยากจะคุยกับทางโรงเรียนเพื่อหาสาเหตุ ว่าทำไมลูกถึงไม่อยากมาโรงเรียน ถ้าหากมีการแกล้งกันจริง ๆ ก็ต้องคุยกับเพื่อนของน้องเพื่อหาทางออก เพราะเพื่อนเขาผ่าตัดตามา ถ้าเกิดดวงตาเขาเป็นอะไรขึ้นมาจริง ๆ จะทำยังไง จึงวอนให้ทางโรงเรียนช่วยกันดูด้วย
ขณะที่ทาง นายวันชัย สินบุตร อายุ 31 ปี (ช่างทาสี) ซึ่งเป็นคนพบตัวน้อง เล่าว่า ตนเองกำลังขึ้นสายไฟอยู่ และเห็นน้องสีขาว ๆ ยืนอยู่หน้ายุ้งหลังรถเกี่ยวข้าว ตนจึงเหลือบไปเห็นพอดีว่าน้องกำลังเดินไปแอบอยู่ตรงหน้ารถ 10 ล้อ แล้วกำลังจะเดินไปต่ออีก ตนจึงได้เดินเข้าไปแล้วเรียก เพราะรู้ว่าคนกำลังตามหาน้องอยู่ ประกอบกับตนรู้จักน้องคนนี้ด้วย จึงแจ้งทางคุณครูว่าพบเด็กนักเรียนแล้ว
บทความที่เกี่ยวข้อง : วิธีป้องกันไม่ให้ลูกโดนเพื่อนแกล้ง ในวัยอนุบาล
ลูกโดนเพื่อนแกล้ง พ่อแม่ควรรับมือยังไง ?
1. สอนให้ลูกเล่าถึงปัญหาและฝึกให้ลูกแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
เมื่อลูกกลับจากโรงเรียน พยายามถามลูกด้วยคำถามต่าง ๆ เช่น วันนี้ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง ที่โรงเรียนสนุกไหม เพื่อน ๆ เป็นยังไง แล้วคุณพ่อคุณแม่ก็ควรตั้งใจฟังคำตอบของลูกด้วย พร้อมกับดูการแสดงสีหน้าของเขาว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันไหม เช่น ตอบว่าสนุกแต่สีหน้าเศร้า เป็นต้น และหากลูกมีปัญหาก็ควรตั้งใจฟังและสอนให้ลูกรู้จักรับมือกับมัน
2. สอนลูกให้ไม่ตอบโต้เมื่อโดนเพื่อนแกล้ง
หากลูกโดนเพื่อนแกล้ง คุณพ่อคุณควรสอนลูกว่า ไม่ควรตอบโต้ด้วยความรุนแรง แต่ให้พยายามเอาตัวเองออกมาจากเพื่อนกลุ่มนั้น แล้วไปแจ้งให้คุณครูทราบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
3. ให้บอกไปเลยว่าไม่ชอบให้เพื่อนทำแบบนี้
ฝึกลูกให้รู้จักกับอารมณ์ของตัวเอง และสะท้อนอารมณ์นั้นออกมาให้คนอื่นเข้าใจได้ง่าย ๆ เช่น ถ้าหากลูกโดนเพื่อนแกล้ง หรือถูกพูดล้อเลียน และทำให้ลูกรู้สึกไม่พอใจ ให้ลูกบอกความรู้สึกนั้นให้เพื่อนรับรู้ไปเลย เพื่อนจะได้ไม่ทำอีก
เมื่อสอนให้ลูกปกป้องตัวเองแล้ว คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมสอนให้ลูกเรียนรู้วิธีการแก้ปัญหาที่ใหญ่เกินความสามารถของลูกเอง ด้วยการขอความช่วยเหลือจากคุณครู เช่น อธิบายให้ลูกฟังว่า ถ้าบอกเพื่อนแล้วว่าไม่ชอบให้แกล้ง แต่เพื่อนไม่ยอมหยุด ก็สามารถไปบอกให้คุณครูมาช่วยพูดได้ หรือถ้าลูกไม่อยากบอกคุณครู เมื่อเกิดเรื่องก็ให้ลูกมาบอกคุณพ่อคุณแม่แทนค่ะ เพื่อไม่ให้เขาเก็บความรู้สึกแย่ ๆ ที่โดนเพื่อนแกล้งไว้คนเดียว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ใครมีลูกวัยเรียนต้องอ่าน “สอนลูกให้รับมือกับการถูกแกล้ง” งานนี้ต้องรอด!
ลูกถูกเพื่อนรังแก พ่อแม่ควรแนะนำอย่างไร
หยุด Bully เพราะเรื่องที่เกิดเป็นปมในใจ ไม่ใช่เรื่องน่าขำ
ที่มา :