เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.66 มีการรายงานข่าวได้รับการเปิดเผยจากผู้เป็นแม่ของ ด.ญ.บี (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนเอกชนชื่อดัง ในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยแจ้งว่าลูกสาวเริ่มมีพฤติกรรมผิดปกติ ไม่กล้าไปโรงเรียน ดูมีความวิตกกังวล นอนไม่หลับ เมื่อตนพยายามเค้นถามลูก ลูกก็ไม่ยอมบอก จนสุดท้ายเปิดอกคุยกัน ลูกสาวยอมเล่าว่า ถูกเพื่อนบูลลี่ ไม่กล้าไปเรียน ทั้งยังใช้คำพูดถากถางต่าง ๆ นานา เหตุเพราะหมั่นไส้ ทำตัวเด่นเกินหน้าเกินตาเพื่อนในห้อง
แม่เล่าเพิ่มเติมว่า ปกติแล้วลูกสาวจะกระตือรือร้นในการไปโรงเรียนเป็นอย่างมาก เพราะลูกเรียนเก่ง อัธยาศัยดี และมีความสามารถหลายด้าน แต่ทำไมอยู่ ๆ ลูกถึงไม่อยากไปโรงเรียน ตนจึงได้เค้นถามเรื่อย ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นที่โรงเรียน จนสุดท้ายลูกสาวยอมเล่าให้ฟังว่า ถูกเพื่อนผู้หญิงพาเพื่อนผู้ชายหลายคนมาปิดล้อมในห้องน้ำ และโดนเพื่อนบูลลี่ว่า ทำตัวโดดเด่นเกินไป เพื่อนหมั่นไส้ จึงขอเคลียร์ในห้องน้ำ เมื่อตนได้ทราบเรื่องก็โมโหเป็นอย่างมาก จึงได้โพสต์ข้อความตำหนิโรงเรียนผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ส่วนลูกสาวตอนนี้กลายเป็นเด็กซึมเศร้า และร้องไห้ตลอด จึงอยากให้ครูรับผิดชอบแก้ไขในเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นในโรงเรียนด้วย
ทางฝั่งคณะครูโรงเรียนเอกชน ก็ได้พาเพื่อนหญิงและเพื่อนชายที่เป็นต้นเหตุ มาเข้าพบผู้ปกครอง และ ด.ญ.บี เพื่อปรับความเข้าใจกัน ทั้งยังมีการขอโทษในเรื่องดังกล่าว ซึ่งเด็ก ๆ ไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีต่อกัน และฝั่งของโรงเรียนเองก็จะเชิญผู้ปกครองของคู่กรณีมารับทราบต่อไปอีกด้วย นอกจากนี้ ทางโรงเรียนยังได้ขอโทษผู้ปกครอง และได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีกอย่างแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง : หลาน ม.2 ถูกบูลลี่ ญาติเอะใจทำไมไม่ชอบไปโรงเรียน พบโทรมาข่มขู่-ท้าตบ
การบูลลี่คืออะไร ?
คำว่าแกล้งบางครั้งอาจจะเป็นคำที่ดูเบาเกินไป แต่พอเปลี่ยนมาเป็นคำว่าโดนบูลลี่ เมื่อฟังแล้วจะดูรุนแรงขึ้นทันที คำถามคือ เราจะแยกคำว่าโดนแกล้งกับโดนบูลลี่ออกได้ยังไง ซึ่งตามความหมายของ Cambridge Dictionary การทำให้ใครสักคนบาดเจ็บ หรือทำให้กลัวเป็นระยะเวลาหนึ่งเราต่างก็เรียกว่าโดนบูลลี่ค่ะ
สังเกตอย่างไรว่าถูกกลั่นแกล้งหรือโดนบูลลี่
- ลูกมีร่องรอย หรือเริ่มแสดงอาการเจ็บตัวจากการโดนทำร้ายร่างกาย
- เมื่อกลับถึงบ้าน ลูกไม่ค่อยพูดถึงเพื่อน ๆ หรือเล่ากิจกรรมที่โรงเรียนให้ฟัง
- มีความเครียด พฤติกรรมเปลี่ยนไป ขี้หงุดหงิด พูดน้อยลง นอนไม่ค่อยหลับ
- เริ่มมีอาการซึม ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว
- ปวดท้อง เวียนหัว กินข้าวน้อยลง
- ฝันร้าย หรือฉี่รดที่นอนบ่อย ๆ
- เริ่มไม่อยากไปโรงเรียน
เมื่อลูกถูกเพื่อนบูลลี่ พ่อแม่ควรรับมืออย่างไร ?
อีกหนึ่งปัญหาของเด็ก ๆ ที่มักเกิดขึ้นในโรงเรียนก็คือ ถูกเพื่อนบูลลี่ ไม่กล้าไปเรียน หากไม่รุนแรงก็คงไม่เป็นไร แต่ถ้ารุนแรงจนมีผลกระทบกับร่างกายและจิตใจของลูก พ่อแม่ต้องรับมือยังไงมาดูกัน
1. ถามลูกเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด
เมื่อสังเกตเห็นอาการของลูกไม่ดี สิ่งแรกที่พ่อแม่ควรทำมากที่สุดก็คือ ให้ลูกเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องตั้งใจฟังด้วยใจเป็นกลาง ยังไม่ต้องโอนเอียงเข้าข้างลูก แล้วค่อย ๆ ถามเขาว่า เพื่อนที่แกล้งเป็นใคร? ทำไมเพื่อนถึงเลือกที่จะแกล้งลูก? มีใครอยู่ในเหตุการณ์บ้างไหม? แล้วคุณครูทราบเรื่องที่เกิดขึ้นหรือเปล่า? แม้ว่าฟังแล้วจะรู้สึกโกรธมากแค่ไหนก็ต้องข่มใจเอาไว้ก่อนนะคะ และไม่ควรโอ๋ลูกจนเกินไป
2. ลองปล่อยให้ลูกคิดและแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อน
พยายามถามคำถามที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกคิดแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองก่อน เช่น ลูกจะทำอย่างไรหากโดนแกล้งอีก? จากนั้น ก็ลองปล่อยให้ลูกจัดการด้วยวิธีของเขาก่อน เพราะบางครั้งนอกจากลูกจะไม่โดนรังแกแล้ว ลูกอาจกลับมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันก็ได้ค่ะ โดยที่ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเลย
3. สอนให้ลูกรู้จักป้องกันตัวเอง
วิธีรับมือกับเด็กชอบแกล้ง จริง ๆ มีหลายทางมาก ๆ แต่พื้นฐานสามารถทำได้ดังนี้
- บอกลูกไม่ให้เข้าใกล้เด็กที่ชอบแกล้ง และอย่าแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว ไม่พาตัวเองไปอยู่ในที่อันตราย
- แจ้งครูให้รับทราบเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
- เปลี่ยนบุคลิกใหม่ หากเราสู้คนบ้างก็ไม่มีใครกล้ามาแกล้ง เช่น ฝึกให้ลูกกล้าสู้ เมื่อโดนแกล้งต้องอย่ากลัวให้ตอบกลับไป แล้วพูดด้วยน้ำเสียงบอกให้เพื่อนหยุด
- พาลูกไปเรียนศิลปะป้องกันตัวเอาไว้ หากเกิดความรุนแรงขึ้น เขาจะได้ปกป้องตัวเองได้
4. หากปัญหายังอยู่ ผู้ปกครองอาจจะต้องเข้าช่วย
หากปัญหาหนักเกินกว่าที่ลูกของเราจะรับไหว และลูกยังถูกแกล้งอยู่เรื่อย ๆ ถึงเวลาที่ผู้ปกครองต้องเข้าไปช่วยเหลือลูกแล้วค่ะ อย่ารอให้ปัญหาเรื้อรังไปนานกว่านี้ เพราะการถูก Bully นั้นส่งผลกระทบไปจนโตได้ค่ะ โดยสิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือแจ้งให้ทางโรงเรียน และผู้ปกครองของอีกฝ่ายรับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อหาทางแก้ร่วมกัน
ปัญหาการ bully ในโรงเรียนนับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยมาก คุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามสังเกตอาการของลูกอยู่เสมอ ว่าหลังกลับจากโรงเรียนเขามีอาการซึมหรือไม่ เขายังอยากไปโรงเรียนอยู่หรือเปล่า พยายามถามไถ่เรื่องราวในโรงเรียนอยู่เรื่อย ๆ เพราะบางครั้งลูกก็ไม่กล้าเริ่มคุยกับผู้ปกครองก่อนค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สุดสะเทือนใจ! เด็กหญิงวัย 15 ถูกบูลลี่ ตัดสินใจจบชีวิต ทิ้งจดหมายระบายสาเหตุ
การกลั่นแกล้งกัน ภัยร้ายที่อาจจะนำไปสู่ความตาย ไม่ใช่แค่เรื่องเด็ก ๆ
cyberbullying การกลั่นแกล้งบนโลกออนไลน์ สู่ปัญหาการ “ฆ่าตัวตาย” ของเด็ก
ที่มา :