31 มี.ค. 2566 ทีมผู้สื่อข่าวจึงเดินทางเข้าตรวจสอบภายในคอนโดแห่งหนึ่ง ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังได้รับแจ้งจากผู้พักอาศัยภายในคอนโดแห่งนี้ว่ามี เด็กชายใช้ชีวิตคนเดียว พักอาศัยอยู่ภายในห้องเพียงคนเดียว ในแต่ละวันต้องต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน บางครั้งก็จะลงไปยังชั้นล่างของคอนโด ซึ่งเป็นร้านขายของชำ ขอติดเงินค่าของเพื่อซื้อข้าวสารอาหารแห้งรวมทั้งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาต้มกินประทังชีวิต สร้างความสลดหดหู่ใจให้กับผู้พักอาศัยในคอนโดแห่งนี้เป็นอย่างมาก
ทีมผู้สื่อข่าวได้พบกับเด็กชาย เอ (นามสมมุติ) อาย 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนศรีบุณยานนท์ ได้เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองกับคุณพ่อพักอาศัยอยู่ที่ห้องแห่งนี้มานานหลายสิบปีแล้ว โดยคุณพ่อเป็นนักดนตรี เล่นเปียโนอยู่ในโรงแรมย่านนนทบุรี ชีวิตครอบครัวแยกกับคุณแม่ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ยากลำบากแต่อย่างใด คุณพ่อหาเลี้ยงตนเองมาโดยตลอด จะมีก็ช่วงที่อดมื้อกินมื้อในสถานการณ์โควิด 19 ทำให้คุณพ่อตกงานเป็นปี ๆ
จนกระทั่งก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน คุณพ่อได้ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งตับ รวมทั้งเบาหวาน ความดัน จึงถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ก่อนจะส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลในเครือศูนย์มะเร็งแห่งชาติ ทำให้ตนเองนั้นต้องอยู่อาศัยในห้องเพียงคนเดียว โดยก่อนพ่อจะไปโรงพยาบาลได้ให้เงินตนเองไว้จำนวน 1,000 บาท และพ่อได้นอนติดเตียงอยู่ที่โรงพยาบาล 45วันแล้ว ส่วนตนก็ต้องช่วยเหลือตนเอง เพราะชีวิตเลือกเกิดไม่ได้แต่ก็จะสู้ให้ถึงที่สุด
เด็กชายเอยังเผยอีกว่า ตอนนี้ตนเองได้ค้างค่าเช่าคอนโดนานเป็นเวลา 4 เดือนแล้ว โชคยังดีที่เจ้าของห้องยังสงสารและให้ตนเองอยู่ต่อ ส่วนผลการเรียนของตนนั้นได้เกรดเฉลี่ย 3.05 อีกทั้งตนยังเป็นนักกีฬาบาสของโรงเรียนอีกด้วย
ในขณะที่ ลุงชมเจ้าของร้านขายของชำใต้ตึกคอนโด เปิดเผยว่า ตนเองนั้นรู้จักและสนิทสนมกับพ่อของน้องเอมานานหลายปี และทราบปัญหาชีวิตของครอบครัวเขามาตลอด ภายหลังมาทราบอีกว่าพ่อน้องเอเข้าโรงพยาบาลเพราะต้องรักษาโรคมะเร็งตับ และยังนอนติดเตียงอยู่ ส่วนลูกชายก็มาที่ร้านของตนเป็นประจำ มาเอาของใช้ของกินเช่นข้าวสาร มาม่า ไม่เว้นแม้กระทั่งสบู่ยาสีฟัน
ตนจึงให้ติดเงินไว้ก่อน ซึ่งตอนนี้ก็เป็นหนี้ตนแล้วเกือบ 10,000 บาท ตนก็สงสารไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ช่วยไปกันตามที่จะช่วยได้ และก็ยืนยันว่ายังจะช่วยน้องต่อไปแบบนี้ เพราะที่ผ่านมาหากพ่อของเขาทำงานได้ก็จะนำเงินมาทยอยใช้หนี้ให้กับตนเสมอ ลุงชม ยังบอกอีกว่า ตนคิดว่าการช่วยเหลือเด็กคนนี้ก็เหมือนเป็นการสร้างบุญสร้างกุศล ถึงแม้มันจะเป็นเพียงเล็กน้อยก็ตาม
บทความที่เกี่ยวข้อง : ด.ญ. 9 ขวบ อยู่ลำพัง แม่รอตรวจเชื้อหวังกลับมารักษาที่โคราช จนทรุดก่อนสิ้นใจ
เด็กอายุเท่าไหร่ถึงจะอยู่คนเดียวได้ ?
การตัดสินใจที่จะปล่อยให้ลูกอยู่บ้านเพียงคนเดียวนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายนักสำหรับคุณพ่อคุณแม่ ถึงแม้ลูกอาจถึงวัยบรรลุนิติภาวะแล้วก็ตาม มันเลี่ยงไม่ได้ที่คุณพ่อคุณแม่จะเป็นห่วงลูกอยู่เสมอ ในบางครั้งคุณอาจต้องแยกจากลูกน้อยเพียงแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น เราจะพามาดูกันดีกว่าว่า เด็กอายุเท่าไหร่ถึงจะอยู่บ้านคนเดียวได้
เด็กอายุน้อยกว่า 7 ขวบ
เป็นช่วงวัยที่พวกคุณไม่ควรทิ้งให้พวกเขาอยู่บ้านเพียงลำพังเป็นอันขาด ไม่ว่าจะช่วงเวลาใดก็ตาม ซึ่งรวมถึงการทิ้งพวกเขาไว้ในรถ สนามเด็กเล่น และบริเวณรอบบ้านที่ไม่มีใครดูแล เพราะว่าเด็กในช่วงวัยดังกล่าวยังไม่สามารถช่วยเหลือตัวเอง ยังไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างเด็ดขาด และอาจถูกหลอกล่อ ล่อลวงได้ง่าย
เด็กประถมตอนต้น 8-10 ปี
นอกจากการที่พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การดูแลของคุณครูแล้ว คุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ปกครองไม่ควรปล่อยให้พวกเขาอยู่คนเดียวตามลำพังนานกว่า 1-2 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างการรอรับกลับบ้าน หรือในช่วงหัวค่ำเท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง : รั้วเหล็กเสียบคาง เด็ก 10 ขวบห้อยต่องแต่ง พร้อมอุบัติเหตุที่พบบ่อยในเด็ก มาเตือนพ่อแม่
เด็กอายุ 11-12 ปี
เด็กที่กำลังเข้าสู่วัยซนและการต่อต้าน คุณไม่ควรทิ้งให้เขาอยู่เพียงลำพัง หรือห่างกับพวกเขาเกิน 3 ชั่วโมงในช่วงเวลากลางคืน หรือในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย และพื้นที่ที่คุณสั่งห้ามพวกเขาเด็ดขาด อาทิ ร้านเกม สนามเด็กเล่น และบ้านเพื่อน เป็นต้น
เด็ก อายุ 13-15 ปี
วัยที่พวกเขาจะเริ่มเข้าสังคม มีสังคมที่เปลี่ยนไปจากช่วงวัยประถม เขาจะพบกับเพื่อนที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น คุณไม่ควรให้เขาอยู่คนเดียวโดยไม่มีผู้ดูแลในเวลาค่ำคืน หรือไม่ควรทิ้งให้พวกเขาอยู่บ้านเพียงลำพังแบบข้ามวันนั่นเอง
เด็กอายุ 16-17 ปี
เด็กที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มตัว ถึงแม้ว่าร่างกายของพวกเขาจะเจริญเติบโตเกือบจะเต็มที่แล้วแต่ก็ถือว่ายังเป็นเด็กอยู่ เขาอาจจะช่วยเหลือเรื่องสิ่งที่ต้องทำเป็นกิจวัตรประจำวันของตัวเองได้ แต่คุณก็ไม่ควรทิ้งให้เขาอยู่เพียงลำพังเกิน 2 คืน
ทำอย่างไรให้ลูกอยู่คนเดียวอย่างปลอดภัย
สุดท้ายแล้วหากคุณมีเหตุจำเป็นที่จะต้องทิ้งลูกน้อยของคุณให้อยู่บ้านเพียงลำพังจริง ๆ คุณอาจจะต้องเตรียมตัวและของบางอย่างให้พร้อม เพื่อที่พวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตได้โดยที่ไม่มีคุณอยู่ด้วย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- ให้ลูกน้อยของคุณจดชื่อ-นามสกุล ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์และเก็บไว้กับตัวตลอดเวลา
- เตรียมรายการหมายเลขฉุกเฉิน และเบอร์ฉุกเฉินทั้งหมดให้กับลูกพกติดตัวไว้
- หมั่นโทรเช็กกับลูกของคุณให้บ่อยครั้ง เมื่อจะต้องห่างกับพวกเขา
- สอนเด็กถึงวิธีการล็อกประตู หน้าต่างภายในบ้านอย่างถี่ถ้วน และให้พวกเขาคอยเช็กตลอดว่าการล็อกนั้นสมบูรณ์และคนนอกไม่สามารถเข้ามาได้
- สอนลูกน้อยของคุณว่า หากไม่มีเหตุฉุกเฉิน ห้ามออกนอกบ้านเด็ดขาด แม้แต่บ้านเพื่อนก็ห้าม นอกจากเขาจะได้รับอนุญาตจากคุณ
- กำหนดขอบเขตภายในบ้านให้กับลูก สอนพวกเขาว่าตรงไหนที่จะเป็นอันตราย และไม่ควรเข้าใกล้ หรือทำในสิ่งที่จะเป็นอันตรายต่อตัวเขา และบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องพื้นที่ปลอดภัย หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น
- บางครั้งคุณอาจจะต้องพิจารณาเกี่ยวกับบริการพี่เลี้ยงเด็ก เพื่อทำให้ลูกน้อยของคุณจะต้องไม่อยู่บ้านเพียงลำพัง และมีผู้ใหญ่คอยดูแล
การที่ต้องห่างจากลูกนั้น ย่อมไม่มีพ่อแม่คนไหนที่อยากจะให้เกิดขึ้น แต่หากเมื่อมีสถานการณ์ที่จำเป็นจะต้องปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียว อย่าลืมที่จะเตรียมความพร้อมให้กับลูกสำหรับการอยู่คนเดียว และควรจะคำนึงถึงช่วงอายุที่เหมาะสมสำหรับการปล่อยให้ลูกอยู่คนเดียวด้วยนะคะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
สุดสงสาร พ่อทิ้งแม่ถูกจับ ปล่อยลูก 3 คนอยู่ตามลำพัง
เด็กกำพร้าสู้ชีวิต! เก็บของเก่าขาย ส่งตัวเองเรียนหลังพ่อแม่เสียชีวิต
หนุ่มน้อยไร้แขน วัย 17 ปี สู้ชีวิต วาดภาพถุงผ้าขายช่วยครอบครัว
ที่มา :
ข่าวเวิร์คพอยท์ 23
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!