กรณีหญิงรายหนึ่งใช้อาวุธมีดแทงคอ เด็กหญิงบี (นามสมมุติ) อายุ 11 ปี ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ย่านถนนเพิ่มสิน โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาหัวค่ำในคืนวันเสาร์ ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2566 ในวันต่อมา นายกิติพัฒน์ อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อของเด็กหญิงบี (นามสมมุติ) ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางเขนได้มีการออกหมายจับ นางสาวบุญทิพย์ อายุ 33 ปี ทอมแทงคอเด็ก 11 ในข้อหาพกพาอาวุธมีด และทำร้ายร่างกายผู้อื่น
วันที่ 14 ก.พ. 2566 เวลา 18.30 น. ฝ่ายสืบสวน สน.บางเขน ได้สามารถจับกุมตัวนางสาวบุญทิพย์ พร้อมด้วยของกลางอาวุธมีดทำครัวที่ใช้ในการก่อเหตุ ทอมแทงคอเด็ก 11 และรถจักรยานยนต์สีแดงดำ ยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นเอ็นแม็ก โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านถนนเทพารักษ์ตัดใหม่ หลังตำรวจเฝ้าดูที่คอนโดเพื่อรอจับกุมตั้งแต่เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 13 ก.พ. 2566
จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การอ้างว่า ไม่รู้จักกับเด็กที่ได้ทำร้ายหรือแม่ของเด็กมาก่อน แต่ในวันเกิดเหตุ ตนเองได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปกดเงินจากตู้ ATM แต่ยังไม่ทันได้กด ก็เกิดมีปากเสียงกับแม่ค้าบริเวณใกล้เคียง ตนเองจึงได้ขี่รถออกจากบริเวณดังกล่าวไปเพื่อสงบสติอารมณ์ ก่อนจะกลับมาที่บริเวณจุดเดิมอีกครั้งเพื่อทำการกดเงิน จนกระทั่งมีแม่และเด็กที่เดินผ่านมาในจุดดังกล่าว
ตนสังเกตเห็นว่าทั้งสองคนมองมาที่ตนพร้อมกับยิ้ม ทำให้รู้สึกไม่พอใจประกอบกับอารมณ์ไม่ดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงได้คว้าอาวุธมีดที่พกติดตัวเป็นประจำ นำขึ้นมาเหวี่ยงบริเวณข้างตัว ไม่ได้ตั้งใจให้โดนใคร แต่เด็กที่ได้รับบาดเจ็บเดินมาใกล้เอง หลังจากนั้นตนเองได้เดินไปกดเงินที่ตู้ ATM ตามเดิม และกลับมาที่รถ ก่อนที่จะมีพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากตนเองอารมณ์ไม่ดีจึงได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกไปโดยตอบคำถามอะไรเลย
ในส่วนของอาวุธมีด ผู้ต้องหาให้การว่า พกติดตัวไว้เป็นประจำเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากว่าตนเองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์คนเดียวและมักจะไปในสถานที่ซอยเปลี่ยว จึงจำเป็นต้องพกพาอาวุธมีดไว้ใช้ในการป้องกันตัว ทั้งนี้ได้ฝากขอโทษไปยังผู้บาดเจ็บและครอบครัวกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป อย่างไรก็ตามขั้นตอนต่อจากนี้ เตรียมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : อุกอาจ ! คนร้ายบุกแทงนักเรียน ชั้นม.2 เสียชีวิต หน้าโรงเรียน จังหวัดร้อยเอ็ด
เรียนมวยไทย เด็กเรียนได้เมื่อไหร่
หากคุณแม่มีความสนใจที่จะส่งลูก ๆ เรียนมวยไทย ไม่ว่าอายุเท่าไหร่ก็ถือว่าไม่เร็วเกินไปที่ลูกจะเริ่มเรียนรู้การชกมวยขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังมากที่สุดคือความปลอดภัยของเด็ก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องป้องกันหัว หรือแม้แต่นวมก็ถาม ถ้าหากมือของลูกไม่พอดีกับนวมก็อาจทำให้เวลาชกออกไปจะได้รับการบาดเจ็บ หรือแม้แต่เครื่องป้องกันหัวที่ใหญ่จนเกินไป อาจทำให้เกิดแรงเหวี่ยงเพิ่มมากขึ้นหากมีการชกเข้ามาที่ใบหน้า ดังนั้นไม่ว่าลูกน้อยของคุณแม่จะอายุเท่าไหร่ก็ตามความปลอดภัยต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก หรือไม่คุณแม่ควรพาลูกไปหาผู้เชี่ยวชาญ หรือโรงเรียนสอนที่เหมาะสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เพื่อให้ลูกเรียนรู้อย่างถูกต้อง และปลอดภัย
มวยไทยประโยชน์เยอะ ช่วยฝึกป้องกันตัวสำหรับเด็ก !
มวยไทยไม่ได้เป็นเพียงแค่กีฬาที่จะช่วยในเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงเท่านั้น แต่การเรียนมวยไทยนั้นสามารถเพิ่มทักษะความสามารถด้านอื่น ๆ ของลูกน้อยของคุณแม่ได้อีกมากมาย รวมถึงทั้งด้านอารมณ์และจิตใจอีกด้วยไปดูกันดีกว่าว่าการเรียนมวยไทยนั้นมีประโยชน์อย่างไรสำหรับเด็กบ้าง
1. ประโยชน์ต่อสุขภาพ
การชกมวยไทยสำหรับเด็กเป็นการออกกำลังกายที่มุ่งเน้นความคล่องตัว ความเร็ว ความว่องไว การทรงตัว และการทำงานประสานกันระหว่างมือ ตาและขา โดยสิ่งที่กล่าวมาจะช่วยเสริมสร้างทำให้ระบบประสาทส่วนกลาง ระบบทางเดินหายใจ ระบบหัวใจและหลอดเลือดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงของโรคโลหิตจาง โรคอ้วน โรคเกี่ยวกับทางเดินอาหาร และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังดีสำหรับเด็กที่มีไม่มีอีกด้วย เป็นการเสริมให้สุขภาพร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
2. ร่างกายแข็งแรง
อย่างที่เคยกล่าวไว้ข้างต้นว่า การชกมวยไทยเป็นกีฬาที่มุ่งเน้นการเคลื่อนไหวหลายส่วนของร่างกาย เป็นการผสมผสานระหว่างการฝึกคาร์ดิโอ และการฝึกความแข็งแรง เนื่องจากมีการกระโดด การชก การป้องกัน และท่าต่าง ๆ ที่ถูกออกแรงส่งออกไปรวมถึงรับเข้ามา ทำให้กล้ามเนื้อทั้งร่างกายได้รับน้ำหนักและการปล่อยน้ำหนักออกไปจำนวนมาก ถือเป็นการออกกำลังกายที่สมบูรณ์แบบเพราะมีการเผาผลาญพลังงานไขมันส่วนมาก และได้รับความแข็งแรงกลับมานั่นเอง
บทความที่เกี่ยวข้อง : เรียนมวย ดีต่อเด็กอย่างไร ศิลปะป้องกันตัวแบบไทย เสริมสร้างร่างกาย
3. ลดความเครียด
บางครั้งลูกน้อยของคุณแม่อาจมีความเครียดสะสมจากการไปโรงเรียน หรือความกดดันจากบางสิ่งบางอย่าง การชกมวยไทยเป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยลดความเครียดเหล่านั้นได้ เพราะลูกสามารถละทิ้งปัญหาทั้งหมดและปล่อยเป็นพลังออกมาขณะที่ชกออกไปยังกระสอบทรายหรือคู่ต่อสู้ โดยในขณะที่ลูกกำลังขยับเขยื้อนร่างกาย ร่างกายจะผลิตสารเอ็นดอร์ฟินและเซโรโทนินออกมาก ซึ่งสารเหล่านี้จะทำให้รู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายขึ้น
4. เพิ่มความมั่นใจ
สมมติว่าลูกน้อยของคุณแม่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย และอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบเป็นอย่างมาก การที่ลูกเคยเรียนมวยไทยมาก่อนนั้นจะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับลูกเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมถึงจะทำให้ข้ามขีดจำกัดของตัวเองไปอีกขั้น และสามารถควบคุมร่างกายและจิตใจของตนเองให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามสิ่งที่คุณแม่ต้องกำชับกับก็คือ ให้ใช้ความรู้ที่เรียนมาในสถานการณ์ที่คับขันเท่านั้น และไม่ควรนำไปใช้รังแกผู้อื่น หรือผู้ที่อ่อนแอกว่า
5. การป้องกันตัว
การเรียนรู้วิธีการป้องกันตัวเองเป็นทักษะที่สำคัญและจำเป็นไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้หญิง หรือเด็กผู้ชายก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่อยู่ในช่วงวัยของการเจริญเติบโต เด็กประถมและเด็กวัยรุ่น ซึ่งการเรียนมวยไทยนั้นจะเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้ ลูกสามารถหลีกเลี่ยงการถูกโจมตีหรือถูกกระทำบางสิ่งบางอย่างที่เจ้าตัวไม่ได้รับความยินยอม และนอกจากจะสอนให้รู้ถึงวิธีป้องกันตัวแล้ว คุณแม่จะต้องสอนหลักการที่ถูกต้องด้วยว่าการเผชิญหน้ากับอันตรายไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด แต่การรีบพาตัวเองออกจากสถานการณ์ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายนั้นสำคัญกว่า
6. อ่อนน้อมถ่อมตน และความอดทน
การที่ลูกน้อยของคุณแม่จะชกมวยไทยได้ไม่ใช่เพียงข้ามคืนจะสามารถทำได้เลย แต่จะต้องฝึกฝนอย่างหนัก ความอดทน และความมีวินัยในตัวเองที่จะฝึกฝน รวมถึงการอ่อนน้อมถ่อมตนที่จะได้จากการปลูกฝังทัศนคติและการเคารพคู่ต่อสู้ หรือครูผู้สอน ทั้งนี้การเรียนมวยไทยนั้นมุ่งเน้นไปที่ความมั่นใจในการต่อสู้ ไม่ใช่ความเย่อหยิ่งอยากเอาชนะ ส่งผลทำให้การเรียนชกมวยไทยนั้นทำให้ลูกน้อยของคุณแม่มีจิตใจที่แข็งแกร่งและอ่อนโยน อ่อนน้อมไปในเวลาเดียวกัน
7. การเข้าสังคม และการสื่อสาร
ทักษะการเข้าสังคมมีความสำคัญต่อการชกมวยไทยเป็นอย่างมาก เนื่องจากคู่ต่อสู้ หรือระหว่างครูฝึกและนักเรียนจะต้องมีการสื่อสารและการแสดงน้ำใจนักกีฬาต่อกัน โดยทุกคนจะต้องเข้าใจและสื่อสารไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกติกา หรือวิธีปฏิบัติต่าง ๆ ให้เป็นไปตามหลักสากล หรือการตกลงกันของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้การที่ลูกน้อยของคุณแม่เริ่มเรียนมวยไทย อาจมีโอกาสได้พบเจอกับเพื่อนต่างวัย ต่างเพศ หรือต่างภาษาทำให้ได้เรียนรู้การปรับตัวเข้ากับผู้อื่น เคารพกติกา แบ่งปัน และเห็นใจผู้อื่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
หากลูก ๆ เรียนมวยไทย นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังได้ฝึกฝนร่างกายให้มีความคล่องตัว ช่วยลดความเครียดด้วยการออกกำลังกายลงแรงไปกับการชกมวยไทย ก็จะทำให้ความเครียดลดลงไปได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจและช่วยป้องกันตัวหากว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายก็ย่อมไม่ตื่นกลัวเพราะได้มีการเรียนและฝึกฝนมาแล้ว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ไอคิโด ศิลปะการป้องกันตัวจากญี่ปุ่น ป้องกันตัวเองได้โดยไม่ทำร้ายผู้อื่น
ยูโด (Judo) ศิลปะการต่อสู้แห่งความคิด และพัฒนาจิตใจสำหรับเด็ก
เทควันโด กีฬาสุดฮิตดีต่อลูกอย่างไร? เรียนเทควันโดได้ตั้งแต่อายุเท่าไร?
ที่มา :
เพจสรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว