เรื่องราวสุดช็อก สำหรับพ่อเลี้ยงเดี่ยว ที่ต้องพบกับความจริงสุดช็อก เมื่อลูกที่เลี้ยงดูมาตลอด ไม่ใช่ลูกที่แท้จริงของตัวเอง หลังจากที่แพทย์ระบุว่า บริจาคไขกระดูกไม่ได้ เนื่องจากไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด
ตามการรายงานข่าวระบุว่า ผู้เป็นพ่อ พยายามที่จะรักษามะเร็งให้กับลูกสาว ที่มีอายุครบ 12 ปี ในปีนี้ โดยเด็กหญิงเป็นลูกของชายแซ่เฉิน มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา เด็กหญิงมีไข้สูงบ่อยมาก แม้จะให้ทานยาบ่อยแค่ไหน ก็ยังไม่ดีขึ้น จนสุดท้ายพ่อตัดสินใจพาไปโรงพยาบาล ด้วยความที่เป็นห่วงลูกสาว
ผู้เป็นพ่อพาลูกสาวตัวน้อย ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ แล้วก็ต้องได้รับคำตอบที่ทำให้เสียใจ เมื่อแพทย์วินิจฉัยพบว่า ลูกสาวของเฉินเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว เมื่อได้คำตอบแบบนั้น ด้วยหัวใจคนเป็นพ่อที่รักลูกสาว เมื่อลูกป่วยหนัก นายเฉินจึงได้ขอตรวจร่างกายของตนทันที เพื่อที่จะได้บริจาคไขกระดูก และช่วยชีวิตลูกสาว
แต่เมื่อตรวจไขกระดูกเสร็จเรียบร้อย นายเฉินกลับต้องได้รับข่าวที่น่าตกใจอีกครั้ง เมื่อแพทย์บอกว่า เขาและลูกสาววัย 12 ปี ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือด จึงทำให้ บริจาคไขกระดูกไม่ได้ !!
เมื่อได้ยินความจริงอันน่าเจ็บปวด ที่อดีตภรรยานอกใจตนมานานกว่านั้น นายเฉินถึงกับร้องไห้ เพราะเมื่อ 12 ปีก่อน เขาและอดีตภรรยาแต่งงานกัน ด้วยการถูกจับคู่ ซึ่งเธอตั้งท้องหลังจากแต่งงานได้ไม่นาน และได้ให้กำเนิดทารกเพศหญิง
หลังจากคลอดลูกน้อยได้ 5 ขวบ ความสัมพันธ์ของนายเฉินและเธอไม่ดี ความรักและความสัมพันธ์ร้าวฉาน เธอได้ตัดสินใจเลิกและย้ายออกไป ปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว เพื่อเลี้ยงลูกคนอื่นมาตลอด จนตอนนี้ที่เขาพบความจริงที่แสนขมขื่น
บทความที่เกี่ยวข้อง : คดีพลิก! เด็กหญิงวัย 6 ขวบ ขอน้ำซุป ถูกพ่อทำร้ายหลังได้รับเงินบริจาค
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะรู้ความจริง แต่นายเฉินก็ยังคงรักลูกสาว เพราะเด็กไม่มีความผิดในเรื่องนี้ นายเฉินจะยังคงพยายามหาทางช่วยลูกสาวของเขาต่อไป สุดท้ายนายเฉินตัดสินใจโทรหาอดีตภรรยา เพื่อถามหาที่อยู่ของพ่อที่แท้จริง โดยหวังว่าลูกจะได้รับบริจาคไขกระดูก เขาต้องพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่ออดีตภรรยาไม่ต้องการเปิดเผยว่า ใครเป็นพ่อของเด็ก ซ้ำยังบอกว่า เธอไม่สนใจว่า ลูกสาวของเธอจะใช้ชีวิตอย่างไร สุขภาพของเธอเป็นอย่างไร
ด้วยความโกรธที่อดีตภรรยาตอบเช่นนั้น นายเฉินที่ไม่มีทางเลือก จึงได้เปิดเผยเรื่องราวของเขาและลูก ต่อสาธารณชน เพื่อขอความช่วยเหลือบนชุมชนออนไลน์ โดยหวังว่าจะพบ ผู้ที่บริจาคไขกระดูกที่เข้ากันได้ กับลูกสาวของเขา
ซึ่งหลังจากที่เรื่องดังกล่าว ถูเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ ยายของเด็กหญิง ที่รู้เรื่องก็เสียใจมาก ไม่คาดคิดว่าลูกสาวจะเลือดเย็นขนาดนี้ โดยคุณยายประกาศว่า จะแบกรับค่ารักษาของหลานสาวทั้งหมด และจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เพื่อให้หลานสาวปลอดภัย
การปลูกถ่ายไขกระดูกคืออะไร ?
การบริจาคไขกระดูก เป็นกระบวนการเก็บสเต็มเซลล์ จากโพรงไขกระดูก โดยใช้เข็มและกระบอกฉีดยา เจาะเก็บจากบริเวณสะโพกด้านหลัง หรือบริเวณขอบกระดูกเชิงกราน ซึ่งดำเนินการเก็บในห้องผ่าตัด โดยกระบวนการดังกล่าว จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งก่อนที่จะกระบวนการนี้ ผู้บริจาคอาจต้องบริจาคเลือดเก็บไว้ด้วยเพื่อนำมาให้หลังจากที่เจาะเก็บ ไขกระดูกเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้การบริจาคดังกล่าว ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากว่าร่างกายสามารถ ผลิตหรือสร้างสเต็มเซลล์ขึ้นมาทดแทนได้อย่างรวดเร็ว และหลังจากทำแผลแล้ว ผู้บริจาคสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น และควรพักฟื้นร่างกาย ประมาณ 5-7 วัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : เด็ก 5 ขวบ ถอนฟันเสียชีวิต แม่บริจาคอวัยวะเพื่อช่วยชีวิตเด็กอีก 6 คน
ในส่วนของการปลูกถ่ายไขกระดูกนั้น ผู้ป่วยที่ได้รับไขกระดูก จะถูกเรียกว่าผู้รับ และผู้ที่ให้ไขกระดูก เรียกว่าผู้ให้ ซึ่งการบริจาคนี้ง่ายกว่าการบริจาคประเภทอื่น จะมีเพียงอาการเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น และไม่มีอันตรายต่อผู้ให้บริจาค
สำหรับผู้ให้ที่ดีที่สุด ควรจะเป็นคู่แฝดไข่ใบเดียวกัน ซึ่งมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกันทุกอย่าง ร่างกายผู้ป่วยก็จะรับไขกระดูกได้ โดยที่ไม่มีอัตราเสี่ยงที่จะเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน แต่โอกาสที่ผู้ป่วยจะมีคู่แฝดไข่ใบเดียวกันมีน้อย ดังนั้น ในการปลูกถ่ายไขกระดูกโดยทั่วไป มักใช้ไขกระดูกจากพี่น้องท้องเดียวกัน หรือพ่อแม่ โดยตรวจลักษณะทางพันธุกรรม ที่เรียกว่า เอชแอล เอ แอนติเจน (HLA Antigen)
ซึ่งถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่อย่างละครึ่ง จะเลือกใช้ผู้ให้ที่มีลักษณะทางพันธุกรรมดังกล่าวเหมือนกัน ซึ่งมีโอกาสร้อยละ 25 ในกรณีที่เป็นโรคมะเร็ง อาจใช้ไขกระดูกของตัวเอง ที่เจาะเก็บไว้ในไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ –196 องศา โดยมีไดเมธิลซัลฟอกไซด์ เก็บไว้ให้กับผู้ป่วย หลังให้ยาเคมีบำบัดหรือรังสีรักษาในขนาดสูง
ปัจจุบันสเต็มเซลล์ขาดแคลนมาก นอกจากไม่ค่อยมีผู้บริจาคแล้ว สเต็มเซลล์ที่มีผู้บริจาคมา ก็ต้องเข้ากันได้กับสเต็มเซลล์ของผู้ป่วยด้วย ดุจการตามหา “คู่แท้” ก็ไม่ปาน ที่สำคัญก่อนการบริจาค ต้องมีการสอบคุณสมบัติของผู้ให้ ดังนี้
- ต้องมีอายุระหว่าง 18 ปีบริบูรณ์ – 50 ปี
- เป็นผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง
- ไม่มีโรคประจำตัว ไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ
เมื่อตรวจสอบคุณสมบัติครบถ้วนแล้ว ก็เดินทางไปบริจาคสเต็มเซลล์ได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โดยเริ่มจากการลงทะเบียน เป็นอาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์ หลังจากผ่านขั้นตอนการลงทะเบียนบริจาคโลหิต, ตรวจความเข้มข้นโลหิต, ตรวจวัดความดันโลหิตแล้ว ให้ติดต่อเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ก่อนไปบริจาคโลหิต ชั้น 2
ผู้สนใจบริจาคสเต็มเซลล์ สามารถไปบริจาคได้ที่ ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. วันเสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.30 – 15.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์และจัดหาผู้บริจาคโลหิต ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย โทร. 0-2256-4300 หรือ 0-2263-9600 ต่อ 1770, 1771 และ 1777
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
เพื่อนร่วมงานขอบริจาคน้ำเชื้อทำพันธุ์ เหตุเพราะเห็นสามีตัวเองหล่อ ถึงขั้นคุกเข่าขอร้อง!
ทำบุญบ้านเด็กกำพร้า บริจาคสิ่งของให้คนอื่นจะได้อานิสงส์ ผลบุญยิ่งใหญ่จริงไหม?
ทำนายฝัน ฝันว่าบริจาค บริจาคเสื้อผ้า ฝันว่าบริจาคร่างกาย แบบนี้หมายถึงอะไร
ที่มา : sanook, samitivejhospitals
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!