สาวท้องโกรธแม่สามี เพราะขโมยแมวไปให้คนอื่นเลี้ยง อ้าง “เลี้ยงแมวจะคลอดลูกพิการ”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

กลายเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจในครอบครัวทันทีค่ะ ปัญหาระหว่างแม่ผัวกับลูกสะใภ้แบบนี้ โดยเฉพาะล่าสุดที่เกิดขึ้นกับ สะใภ้ชาวไต้หวันรายหนึ่ง ที่ได้โพสต์ระบายความอึดอัดถึงเรื่องที่ สาวท้องโกรธแม่สามี เพราะขโมยแมวไปให้คนอื่นเลี้ยง โดยแม่สามีให้เหตุผลว่า “ถ้าเลี้ยงแมวจะคลอดลูกพิการ”

 

เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ต่างประเทศค่ะ โดยสาวชาวเน็ตรายหนึ่ง ได้โพสต์ระบายลงใน Dcard ฟอรัมยอดนิยมของไต้หวัน ซึ่งเธอบอกว่า แม่สามีของเธอบุกเข้าไปในบ้าน และแอบขโมยแมวที่เธอเลี้ยงมา 9 ปี ไปมอบให้กับญาติโดยไม่ได้รับอนุญาต เป็นต้นเหตุทำให้ สาวท้องโกรธแม่สามี

 

โดยเล่ารายละเอียดว่า “ฉันเลี้ยงแมวมาตั้งแต่ก่อนแต่งงาน และจนตอนนี้ก็ 9 ปีแล้ว มันเป็นนางฟ้า เชื่อฟังมาก ไม่ส่งเสียงดัง และไม่เคยกัดหรือข่วน อย่างไรก็ดี หลังจากแต่งงานและซื้อบ้านอยู่กับสามี เวลาแม่สามีมาเยี่ยมก็มักบ่นบ่อย ๆ เกี่ยวกับเรื่องแมวว่าสกปรก มีหมัด ขนร่วงตลอด อุจจาระก็เหม็นมาก ทั้งที่เธอเลี้ยงแมวระบบปิด อีกทั้งมันยังขนสั้นด้วย”

 

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เธอยังได้เล่าเพิ่มเติมด้วยว่า เรื่องที่ทำเอาเธอสุดทนเกิดขึ้น หลังจากที่เธอรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ แม่สามีดูดีใจมาก ๆ และบอกว่าเธอจะมาเยี่ยมที่บ้านให้บ่อยขึ้น เพื่อช่วยดูแลเรื่องต่าง ๆ และจู่ ๆ วันหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า ได้ยินมาจากคนอื่นว่า คนตั้งท้องเลี้ยงแมวไม่ได้ เพราะจะทำให้เด็กที่คลอดออกมาพิการ

 

เมื่อได้ยินดังนั้นเธอก็เข้าใจเจตนาของแม่สามี จึงอธิบายว่า แมวมีโอกาสติดเชื้อ Toxoplasma gondii และเชื้อ Toxoplasma gondii ในคนได้ แต่โอกาสน้อยมาก เพราะแมวของเธอกินแต่อาหารกระป๋อง และกินอาหารทะเลต้มที่บ้านบ้างบางครั้ง ซึ่งอาหารต้มที่ว่านั้นไม่ได้ปรุงรส อีกทั้งปกติมันก็ไม่เคยออกไปไหน ดังนั้นมันจะไม่มีโอกาสกินอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ทั้งนี้เธอยังหมั่นดูแลมันอย่างดี ถ่ายพยาธิ และทำความสะอาดทรายแมวที่บ้านทุกวัน ส่วนตัวเธอเองเมื่อทำความสะอาดเสร็จ ก็ล้างมือด้วยสบู่เหมือนกัน

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น สาวคนนี้ได้พยายามเกลี้ยกล่อมแม่สามี ด้วยการโต้เถียง พร้อมกับเอาข้อมูลที่สอบถามจากเพื่อนสัตวแพทย์มาบอก แต่แม่สามีก็ยังไม่เชื่อ และเรียกร้องให้กำจัดแมวทันที ซึ่งนั้นทำให้เธอโกรธมากและบอกไปว่า “ฉันทิ้งเขาไม่ได้ เขาคือครอบครัวของฉัน”

 

เรื่องราวเหมือนจะจบแค่นั้น แต่จู่ ๆ วันหนึ่งสามีของเธอก็โทรมาหาบอกว่า แม่ของเขามาที่บ้านและต้องการเอาแมวไปมอบให้กับลูกของญาติ คำบอกกล่าวนั้นทำให้เธอโมโหสุดทน ทำให้เธอต้องรีบลางานครึ่งวันเพื่อไปบ้านญาติ โดยที่เธอยังกินข้าวเที่ยงไม่เสร็จ

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เมื่อเข้าไปเห็นแมวของเธอในกรง เธอเพียงแค่เข้าไปเอาแมวออกมา โดยไม่สนแม่ยาย ลูกพี่ลูกน้องของสามี หรือญาติคนอื่น ๆ และไม่พูดกับใครเลย หลังจากนั้นเธอจึงบอกสามีอย่างจริงจังว่า ให้เอากุญแจคืนมาหรือไม่ก็เปลี่ยนแม่กุญแจใหม่ แต่เธอกลับต้องอารมณ์เสียกว่าเดิม เพราะสามีเธอดันไม่เข้าข้าง ทำเพียงแปลกใจกับปฏิกิริยาที่เธอโมโหขนาดนี้

 

หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอครั้งนี้ เธอเลือกที่จะปล่อยผ่าน เพราะถือว่าแมวยังอยู่ ถ้าแมวไม่อยู่แล้ว ก็คงต้องตบสั่งสอนสักทีสองที เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกมา ชาวเน็ตก็แสดงความคิดเห็นอย่างดุเดือด โดยคนส่วนใหญ่พูดตรงกันว่า “เปลี่ยนแม่กุญแจอาจไม่พอ บางทีเลยต้องเปลี่ยนสามี!” และ “จับสามีใส่กรง แล้วส่งไปบ้านลูกพี่ลูกน้อง แล้วเปลี่ยนกุญแจ”

บทความที่เกี่ยวข้อง : แมว อันตรายต่อเด็กไหม อยากเลี้ยงแมวในบ้าน เลี้ยงได้หรือเปล่า

 

 

ภัยร้ายที่ซ่อนอยู่ในแมวที่น่ารัก

การเลี้ยงแมวขณะที่ท้อง มีส่วนช่วยให้คุณแม่มีอารมณ์ดี ลดความกังวลต่าง ๆ ได้ แต่อาจมีบางเรื่องที่ต้องรู้และระวังไว้คือ ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะอาจจะมีอันตรายที่คาดไม่ถึงตามมาได้ เพราะในลำไส้ของแมว จะมีเชื้อโรคหรือพยาธิที่เป็นตัวการให้เกิดโรค ท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือ โรคขี้แมว

 

โรคนี้อาจจะเข้าสู่ร่างกายของแม่ท้องได้ หากไปโดนหรือสัมผัสกับขี้แมวและไม่ทำความสะอาดให้ดี เชื้ออาจจะเข้าสู่ร่างกายของแม่และส่งผ่านทางรกไปสู่ลูกน้อยในครรภ์ ช่วงที่อันตรายที่สุดคือช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้ลูกเสียชีวิต ตั้งแต่อยู่ในท้อง หรืออาจส่งผลต่อลูกน้อยหลังคลอดออกมาแล้ว 6-7 เดือน

 

เด็กที่ติดเชื้ออาจจะตาบอด ปัญญาอ่อน มีปัญหาด้านการเรียนรู้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ติดเชื้อนี้จะต้องมีอาการรุนแรง แม้ทารกบางคนที่ติดเชื้อ อาจจะไม่พบอาการผิดปกติก็ได้ แต่ก็คงไม่มีคุณแม่คนไหนอยากจะเสี่ยง ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อนจึงเป็นการดีที่สุด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

อัตราการติดเชื้อโรคขี้แมว

อย่างที่บอกว่า ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ อาจทำให้แม่ท้องมีปัจจัยเสี่ยงต่อการติดโรคนี้ได้ โดยแบ่งเป็นอัตราส่วนดังนี้

  • 60% ของทารกที่ติดเชื้อจะไม่พบอาการผิดปกติ
  • 30% ของทารกที่ติดเชื้อจะมีอาการรุนแรง หรือพิการแต่กำเนิด เช่น สมองบวมน้ำ, มีการสะสมของแคลเซียมในสมอง, การอักเสบของจอตาและประสาทตา, อารมณ์ผิดปกติ
  • 10% ของทารกที่ติดเชื้อจะเสียชีวิต

นอกจากนี้ยังพบว่า ทารกที่ติดเชื้อ หลังคลอดแล้ว 6-7 เดือน อาจจะตาบอด มีปัญหาด้านการเรียนรู้ แต่ในบางเคสก็ไม่พบอาการรุนแรง หรือทารกบางคนแม้ได้รับเชื้อ ก็ไม่มีอาการผิดปกติ

บทความที่เกี่ยวข้อง : 8 สิงหาคม วันแมวโลก (World Cat Day) เพื่อช่วยเหลือน้องเหมียวที่ถูกทำร้าย

 

 

วิธีป้องกันไม่ให้ติดโรคขี้แมว

  1. แม่ท้องควรกินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด ถ้าเป็นผลไม้ก็ควรล้างให้สะอาด และปอกเปลือกก่อนรับประทาน
  2. ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง ก่อนที่จะหยิบอาหารเข้าปาก
  3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสดิน ทราย โดยเฉพาะกระบะทรายของแมว หากจำเป็นต้องสวมถุงมือ และล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
  4. ควรให้แมวที่เลี้ยงกินอาหารที่สุก เพราะแมวได้รับเชื้อมาจากอาหารที่ดิบ และไม่สะอาด
  5. ไม่ควรให้แมวขึ้นมานอนร่วมเตียงด้วย เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ติดพยาธิ เสี่ยงกับการแพ้ขนแมว จนทำให้เกิดโรคภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ
  6. ไม่เล่น หรือสัมผัสแมวจรจัด ไม่ให้แมวของบ้านอื่นเข้ามาในเขตบ้าน
  7. พาแมวและสัตว์เลี้ยงไปฉีดวัคซีนตามกำหนด
  8. ฝากญาติพี่น้อง เพื่อน หรือ โรงพยาบาลสัตว์เลี้ยงแมวไปจนกว่าจะคลอดลูกแล้ว

 

หากคุณแม่มีร่างกายแข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคอยู่ อาการก็จะคล้ายกับการเป็นหวัดธรรมดา แล้วก็หายไป นอกจากเชื้อโรคจากขี้แมว คุณแม่ท้องต้องระวังไม่ให้เจ้าเหมียวกระโดดมาทับตัว หรือขึ้นมานอนบนท้องด้วย เพราะอาจทำให้กระทบกระเทือนถึงลูกในครรภ์ได้ค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

สลดใจ เด็ก 9 ขวบ หนีออกจากบ้าน พร้อมแมวส้ม โชคดีกู้ภัยเจอเร่งส่งคืนยาย

ป้ายยา 10 เป้ใส่แมว สายสะพายนุ่ม พกพาง่าย สะดวกต่อการใช้งาน

75 แคปชั่นแมว แคปชั่นน้องหมา แคปชั่นรักสัตว์ คำคมทาสรักแมว รักน้องหมาดี ๆ

ที่มา : sanook, samitivejhospitals

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn