วันที่ 14 ธ.ค. เมื่อเวลา 13.00 น. ศูนย์วิทยุสถานีตำรวจภูธรนางรอง จ.บุรีรัมย์ ได้รับแจ้งเหตุ พ่อคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนบุกเข้าไปในโรงเรียนทีโอเอวิทยา เทศบาล 1 ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ จึงได้ประสานสายตรวจ และตำรวจชุดสืบสวน สภ.นางรอง เข้าตรวจสอบ พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาให้ทราบ
หลังรับแจ้งเหตุ พ.ต.อ.อนุการ ธรรมวิจารณ์ ผู้กำกับการ สภ.นางรอง ได้นำกำลังตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุภายในโรงเรียนทีโอเอวิทยา เทศบาล 1 อย่างด่วน เมื่อไปถึงพบ นายธวัชชัย หรือก้อง ทราบว่าเป็นอดีตกู้ภัยแห่งหนึ่งใน อ.นางรอง นั่งอยู่ภายในห้องเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1/3 อาคาร 3 โดยมีท่าทีคลุ้มคลั่ง พูดจาไม่รู้เรื่อง อาการคล้ายคนมึนเมายาเสพติด และมีอาวุธปืนไทยประดิษฐ์อยู่ ในมือด้านซ้าย ซึ่งนายธวัชชัยได้นั่งอยู่ด้านข้าง ด.ญ.กิ๊ฟ (นามสมมติ) อายุ 7 ขวบ ซึ่งเป็นลูกสาวของตัวเอง
ตำรวจเกรงว่าอาจจะก่อเหตุไม่คาดคิดขึ้นหรือทำร้ายลูกสาวตัวเอง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แบ่งกำลัง ร่วมด้วยกับครูในโรงเรียน ทำการเคลื่อนย้ายเด็กนักเรียนคนอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้อง ออกไปนอกพื้นที่ตามแผนเผชิญเหตุที่เคยมีการซักซ้อมกับโรงเรียนมาแล้วก่อนหน้านี้ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ ดูแลความปลอดภัยของเด็กนักเรียนด้วย
อีกส่วนหนึ่งได้ทำการเข้าไปทำการเจรจากับนายธวัชชัย ที่คลุ้มคลั่งให้ปล่อยตัวลูกสาวออกมา จนกระทั่งสบโอกาสที่นายธวัชชัยเผลอ จึงได้บุกเข้าชาร์จจับกุม ในจังหวะที่เข้าชาร์จนายธวัชชัย ได้ร้องไห้ฟูมฟายและพูดพร่ำพรรณนาตลอดเวลา จังหวะชุลมุนได้ยินเสียงปืนลั่น 1 นัดแต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ยื้อแย่งอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ออกจากมือนายธวัชชัย และเมื่อตรวจค้นตัว พบกระสุนปืน ขนาด .38 จำนวน 1 นัดด้วย จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐานเพิ่มเติม จากนั้นได้นำตัวนายธวัชชัยไปที่ สภ.นางรองเพื่อทำการสอบปากคำถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้ ส่วนลูกสาวผู้ก่อเหตุที่อยู่ในอาการตกใจกลัว
ขณะที่ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ไปที่โรงพักเพื่อทำการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้ก่อเหตุได้ร้องไห้ตลอดเวลา ซึ่ง ผกก.ก็ได้ทำการสอบปากคำนายธวัชชัย ด้วยตัวเอง โดยอ้างว่าสาเหตุที่ก่อเหตุถือปืนบุกเข้าไปจี้ลูกสาวเพราะเครียด ที่เห็นภรรยามีแฟนใหม่ และได้เดินทางมาที่โรงพักเพื่อให้ตำรวจช่วยลงบันทึกประจำวัน ให้ว่าต้องการจะหย่ากับผู้ก่อเหตุ ทำให้เกิดความไม่พอใจ เพราะยังรักกับภรรยาอยู่ ส่วนรอยแผลที่มือบอกว่าเมื่อวานทะเลาะกับภรรยา แล้วภรรยาหาว่าตนเองตบหน้า จึงใช้ปืนยิงใส่มือเพื่อเป็นการลงโทษตัวเอง
ด้านรปภ.ประจำโรงเรียนเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุเห็นนายธวัชชัยได้ขี่ จยย.มาจอดที่หน้าโรงเรียน ตนเองเห็นว่าเป็นผู้ปกครองนักเรียนจึงเปิดประตูให้เข้าไป เพราะตอนเข้าไปในโรงเรียนไม่มีทีท่าแสดงอาการว่าจะคลุ้มคลั่ง และไม่ทราบว่าพกอาวุธปืนมาด้วย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ครูโทร.แจ้งตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่โรงเรียน
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของภรรยานายธวัช แต่ไม่พบภรรยา พบเพียงนางเฟื้อง ศรีเลิศ อายุ 56 ปี ซึ่งเป็นพี่สาวแม่ของภรรยาผู้ก่อเหตุ ได้เล่าว่า นายธวัชชัยปกติมีนิสัยก้าวร้าว ชอบพูดจาโอ้อวด จึงไม่เคยอยากสุงสิงหรือพูดคุยด้วย ส่วนตัวก็ไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะอะไรกัน เพราะเขาแยกออกไปอยู่ในตัวเมืองนางรอง และไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุจะมีปืนเพราะไม่เคยสังเกตเห็น เคยได้แต่ได้ยินหลานชายเล่าให้ฟังว่า เคยถูก ผู้ก่อเหตุยิงปืนข่มขู่แต่ไม่ทราบสาเหตุคืออะไร
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน, พกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไปในเมืองหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร, พกพาอาวุธปืนไปในสถานที่ราชการ และเสพสารเสพติด”
บทความที่เกี่ยวข้อง : พ่อเมาแอ๋ ทะเลาะเพื่อนแล้วพาล เชือดคอลูก แท้ๆ ดับสยอง!
การหย่าร้าง กระทบต่อลูกอย่างไรบ้าง ?
1.ลูกจะวิตกกังวล
การหย่าร้าง เป็นเรื่องใหม่ของเด็ก ๆ และเนื่องจากกิจวัตรในแต่ละวัน จะเป็นการปรับเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น ไม่มีคุณพ่ออยู่ด้วย หรือเวลาที่ถามถึงคุณพ่อ คุณแม่มีอาการที่เปลี่ยนไป รวมไปถึงอารมณ์ และ ความเครียดของคุณแม่เองก็จะส่งผลถึงลูกได้ด้วยเช่นกัน รวมถึงระหว่างการตัดสินใจหย่า ควรหลีกเลี่ยงอารมณ์ด้านลบทั้งหมด ไม่ให้ลูกเผชิญก็ จะยิ่งเป็นการป้องกันได้เหมือนกัน แต่อย่างไรก็ตามค่ะ เมื่อเด็ก ๆ ที่คุณพ่อ คุณแม่หย่าขาดจากกันโตขึ้นไป ก็มีแนวโน้มที่เด็ก ๆ อาจจะต้องเผชิญกับอาการวิตกกังวล เมื่อถึงเวลาที่พวกเขาจะมีคนรัก หรือไปเที่ยวกันสองต่อสอง ซึ่งจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ในอนาคตของเด็ก ๆ อีกด้วย
2.ลูกกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้าย
การที่ลูกอยู่ในเหตุการณ์การหย่าร้าง อาจจะส่งผลอย่างมากต่อเด็ก ๆ โดยเฉพาะกับเด็กเล็ก ๆ ที่ไม่เคยได้เจอประสบการณ์ที่หนักหน่วง และ เครียดมากขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องผลกระทบที่มีต่อเด็ก ๆ ในเรื่องของทัศนคติ ในเรื่องความสัมพันธ์ของเขาในอนาคตแน่นอน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ถ้าคุณพ่อ คุณแม่ปฏิบัติต่อกันด้วยความรัก การให้เกียรติกัน จะช่วยให้ลูกเรียนรู้ว่าความขัดแย้ง ในความสัมพันธ์ไม่ใช่สิ่งจำเป็น จะต้องจบด้วยการแยกทางเสมอไป
3.ลูกจะมีปัญหาในการเชื่อใจคนอื่น ๆ
ต้นตอของการหย่าร้าง มักจะมาจาก การทรยศ หักหลัง ไม่ปฏิบัติตนตามสัญญา หรือสิ่งที่ควรจะเป็นต่อชีวิตคู่ และ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เด็ก ๆ ไม่ควรจะมารับรู้รายละเอียดต่าง ๆ เหล่านี้ ดังนั้นเวลาที่คุณพ่อ คุณแม่ จะโต้เถียงกัน หรือพูดคุยถึงเรื่องราวเหล่านี้ จงแน่ใจว่าลูก ๆ จะไม่อยู่ในบริเวณนั้น หรืออย่างน้อย ก็รอให้ลูกหลับไปก่อน และ หากต้องอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้ลูก ๆ ฟัง ให้อธิบายด้วยเหตุผล อย่างตรงไหนตรงมาค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง : 5 ผลกระทบของการหย่า ที่ลูกได้รับไปเต็มๆ
4.ลูกจะมีปัญหาสังคม
เด็ก ๆ จำนวนไม่น้อย ที่มีนิสัยเปลี่ยนไป หลังจากการหย่าของพ่อ แม่ เด็ก ๆ จะหวาดระแวงตัวเองมากขึ้น กลายเป็นเด็กขี้อาย หรือ ประหม่าต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น เมื่อเด็กเข้าสู่วัยเรียน ก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้น เมื่อเทียบกับเด็กที่พ่อ แม่ไม่หย่าร้างกัน เด็กที่พ่อ แม่หย่ากันจึงแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน หรือ กลายเป็นเด็กที่ไม่มีเพื่อนสนิทได้ค่ะ
5.การหย่ากระทบต่อการเรียน
การหย่าส่งผลต่อการเรียน และ กิจกรรมของลูก เด็กที่พ่อแม่หย่ากัน หรือแยกกันอยู่ มีแนวโน้มในส่วนของผลการเรียน ที่จะร่วงลงอย่างเห็นได้ชัด หรือ กระทบต่อกิจกรรมอื่น ๆ ที่เด็กกำลังทำ เช่น เล่นดนตรีหรือเล่นกีฬา ในส่วนของเด็กเล็ก อาจจะเป็นเรื่องของการพัฒนาการที่หยุดชะงัก หรือพัฒนาการที่ถดถอย
ในเมื่อมีความเสี่ยงสูงขนาดนี้แล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรพิจารณาและปรึกษากันให้ดี ๆ ก่อนที่จะตกลงปลงใจ หย่าขาดจากกัน ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า หากยุติความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยา มาทำหน้าที่พ่อกับแม่อย่างเดียว ผลกระทบของเด็ก ๆ จะร้ายแรงแบบนี้หรือไม่ แต่ก็ขอให้ลองทบทวนดูดี ๆ อีกครั้งนะคะ ไม่ใช่เพื่อคนอื่น แต่เพื่อลูกอันเป็นที่รักของคุณพ่อคุณแม่นั้นเอง
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
ผัวง้อเมียไม่สำเร็จ คว้าปืน ยิงลูก และตัวเองตาย ประชดรัก
พ่อบุกยิงโรงแรม ชิงตัวลูกเมีย หนีกักตัวกลุ่มเสี่ยงที่กระบี่
อยากหย่าแต่สงสารลูก ทำยังไงดี ขอหย่าสามียังไง ให้กระทบลูกน้อยที่สุด
ที่มา : mgronline, thebangkokinsight
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!