ลูกป่วยคาวาซากิ แอดมิท 2 วัน ค่ารักษาปาไปเกือบแสนสาม ประกันเด็กสำคัญอย่าเมิน!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เรียกได้ว่าการป่วยของลูกน้อย เป็นเรื่องที่แม่หลายคนใจสลาย โดยเฉพาะหากเป็นโรคหายาก หรือเป็นโรคที่ต้องใช้การรักษานาน หรือใช้ยารักษาที่ต่างไปจากปกติ ดังเช่นคุณแม่ท่านนี้ ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์ ลูกป่วยคาวาซากิ แถมค่ารักษาปาไปเกือบแสนสาม!

 

เรื่องราวของแม่แพร จากเพจเฟซบุ๊ก “หลีกหน่อยแม่ แพรแพรจะรีวิว” ที่ได้เปิดประสบการณ์ ลูกป่วยคาวาซากิ ครั้งแรก ในวัย 11 เดือน นับเป็นการป่วยหนักที่มากกว่าตอนเป็นโควิด โดยแบ่งอาการป่วยทั้งหมดเป็น 10 วัน ไล่เป็นรายละเอียดและไทม์ไลน์ดังนี้

 

วันที่ 1-2 (ศ-ส) : มาตินมีไข้ต่ำ ๆ แพรก็คิดว่าลูกคงฟันกำลังขึ้น ตามปกติของเด็กวัยนี้ แถมน้ำลายเยอะกว่าปกติ เราก็เข้าใจว่าฟันกำลังขึ้นแน่ ๆ

 

วันที่ 3 (อา) : ไข้สูงมาก เกือบ 40 ได้ เราตกใจมาก เลยรีบพาไป รพ. ไม่เจอคุณหมอประจำที่ดูแลมาติน เลยได้เจอคุณหมออีกท่าน คุณหมอบอกว่าน่าจะไม่เป็นอะไรมาก เพราะไม่มีอาการบ่งชี้โรคใดใด อาทิ ไอ น้ำมูก เสมหะ คิดว่าอีกไม่เกิน 3วัน ผื่นน่าจะขึ้น (หัดกุหลาบ, ส่าไข้) ก็จะหายเอง ถ้าไม่ดีขึ้นให้กลับมาอีกที โดยคุณหมอก็นัดอีกทีในวันพุธ เพื่อเจอคุณหมอที่ดูแลมาตินเป็นประจำ

 

วันที่ 4-5 (จ-อ) : ไข้ยังขึ้นสูง แพรก็เช็ดตัว ให้กินยาเรื่อย ๆ คอยสังเกตผื่นลูกตลอด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

วันที่ 6 (พ) : ผื่นก็ยังไม่ขึ้น ไข้ก็ยังสูง และวันที่นัดคุณหมอพอดี เลยรีบออกรถไปหาคุณหมอ และคิดว่าจะต้องแอดมิท เพื่อตรวจหาโรค สรุปได้แอดมิทจริง ๆ และเจ้ากระบวนการตรวจเลือด เมื่อผลเลือดออก สรุปไม่เป็นไข้เลือดออก ไม่เป็นไทฟรอย ไม่เป็นโรคที่จะพบเจอทางเลือดได้ เลยตรวจสวอปทางจมูกเพื่อวินิจฉัยโรคอื่นต่อไป

 

วันที่ 7 (พฤ) : ยังมีไข้อยู่บ้าง ผลตรวจสวอป 22 โรคออกแล้ว ก็ไม่เป็นโรคใดใด ไม่เป็นโควิด ไม่เป็นไข้หวัดใหญ่ จึงสงสัยว่าเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่อาการบ่งชี้ของมาตินเริ่มออกคือ ปากแดง ลิ้นแดง มือเท้าเริ่มบวม หมอจึงสันนิษฐานว่าน่าจะเป็น โรคคาวาซากิ ซึ่งเป็นโรคชื่อไม่คุ้นหูเลย หมอจึงขอเพิ่มการรักษาโดยการเพิ่มคุณหมอทางหัวใจเด็กโดยเฉพาะอีกท่านนึง และขอตรวจเลือด และตรวจหัวใจเพิ่ม

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

วันที่ 8 (ศ) : ยังมีไข้อยู่บ้าง และผลตรวจออกมาแล้วว่า ค่าเลือดที่หัวใจอักเสบ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นโรค คาวาซากิ หรือโรค mis c (ยังไม่สามารถระบุได้) แต่แนวทางการรักษาเหมือนกัน จึงต้องเริ่มรักษากันเลย เพื่อไม่ให้หัวใจอักเสบไปมากกว่านี้ ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมากจริง ๆ การรักษาคือต้องรีบให้ยาที่ชื่อว่า ivig และเวลาให้ยาต้องอยู่ในห้อง ICU เท่านั้น เพราะเป็นยาที่ค่อนข้างอันตราย หากเกิดอาการแพ้จะมีอาการค่อนข้างรุนแรงมาก ใจคนเป็นแม่แทบตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม แต่มันก็ต้องทำ เราก็ย้ายไปที่ห้อง icu ขอพูดตรงนี้ว่าหดหู่มาก มู้ดมันไม่ดีเลยอะ ร้องไห้นำลูกเลย ลูกงง ม๊าร้องไห้ทำไม

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วันที่ 9 (ส) : ได้กลับขึ้นมาที่ห้องพักปกติแล้ว ลูกการตอบสนองยาได้ดีมาก ไม่มีอาการแพ้ ไม่มีไข้แล้ว ไม่บวมแล้ว รอดูอาการต่อถึงวันอาทิตย์

 

วันที่ 10 (อา) : หมอให้กลับบ้านได้ เพราะอาการดีขึ้นมาก ๆ แล้ว และผลค่าอักเสบของมาตินจาก 2,000 กว่า ลดลงมาเหลือ 800 ถือว่าเป็นค่าที่ดีขึ้นมาก ๆ แค่ถ้าหายขาดเลยต้องเหลือสักหลักสิบ ฉะนั้นก็ให้ยากันต่อไป

 

ถือว่าเป็น 10 วันที่คนเป็นพ่อแม่เป็นแม่ทรมานมาก ๆ สงสารลูกที่สุด ทำไมลูกต้องมาเจออะไรแบบนี้ โดนเจาะเลือด ให้น้ำเกลือให้ยาจนไม่มีที่ให้เจาะ โดนไปเกือบ 10 รู ให้ยาจนเส้นพัง แขนขาที่เจาะมีแต่รอยเขียวรอยม่วงเต็มไปหมด รู้เลยว่าลูกเจ็บมาก ๆ แต่มาตินก็สู้มาก เข้มแข็งมาก อดทนมากนะลูก ไม่ว่าจะกินยา ฉีดยา เจาะเลือด ยังไงมาตินก็กลับมายิ้มให้ม๊ะม๊าได้เสมอ ขอบคุณมาก ๆ ที่เรายังยิ้มให้กันตลอด

 

และที่สำคัญค่ารักษาแพงมาก มากแบบตกใจ พูดตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีประกันก็คือหน้าแห้ง แค่2วัน ค่ารักษาปาไป เกือบแสนสาม เลยอยากจะบอกทุกคนว่าประกันเด็กสำคัญมากจริง ๆ เราไม่รู้เลยว่าลูกเราจะเจ็บป่วยตอนไหน ยิ่งตอนนี้คือโรคบ้าโรคบออะไรไม่รู้เยอะแยะมากจริง ๆ

บทความที่เกี่ยวข้อง : ประกันสุขภาพเด็ก ดีอย่างไร ? ทำไมคุณพ่อคุณแม่ควรทำ

 

พอมีประกันมันทำให้เราไม่ต้องมานั่งห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย คือเราเต็มที่กับการรักษาลูกได้สุด ๆ คุณหมออยากตรวจอะไร ตรวจเลยค่ะ เต็มที่ค่ะ มันทำให้เราสบายใจหมดห่วงในส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายไปได้มาก และอยากให้ดูให้ดีด้วยว่าประกันที่ทำที่เขียนว่าเหมาจ่าย เหมาจ่ายยังไง เหมาจ่ายไม่เกินครั้งละ20,000 หรือ เหมาจ่ายในวงเงิน 50,000 อะไรแบบนี้หรือเปล่า แพรทำของ AIA ให้มาติน เบี้ยแพงจริง พูดตรงนี้เลยว่าแพงกว่ายี่ห้ออื่น ๆ แต่เขียนชัดเจนเลยว่า เหมาจ่ายตามจริง! คือลูกเราทั้งคน เป็นอะไรนิดอะไรหน่อยคือ ประมาทไม่ได้เลย ตอนนี้คือหาหมอโล้ด ไวรัสและโรคต่าง ๆ มันไปไกลมากจริง ๆ

(คลิกอ่านโพสต์ต้นฉบับ)

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

โรคคาวาซากิ คืออะไร ?

โรคคาวาซากิเป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือดแดงในร่างกาย รวมไปถึงหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งมีหน้าที่นำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจด้วย และยังส่งผลให้เกิดการอักเสบของต่อมน้ำเหลือง ผิวหนัง และเยื่อบุในปาก จมูก และลำคอ มักพบในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด แต่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นโรคไม่ติดต่อ และจากงานวิจัยในปัจจุบันชี้ว่าอาจเกิดได้จากทั้งไวรัส แบคทีเรีย ปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ ที่ไปกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาทางระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ

 

อาการของโรคคาวาซากิ

1. ระยะแรก

  • ไข้สูงถึง 39 องศาเซลเซียส นานเกินกว่า 3 วัน
  • ตาแดงทั้งสองข้าง โดยไม่มีขี้ตา
  • ผื่นช่วงกลางลำตัวและอวัยวะสืบพันธุ์
  • ปากแดง แห้งแตก ลิ้นบวม หรือที่เรียกว่า Strawberry tongue
  • ผิวหนังบวมแดง โดยเฉพาะบริเวณฝ่ามือฝ่าเท้า
  • ต่อมน้ำเหลืองโต โดยเฉพาะบริเวณลำคอ

 

2. ระยะที่สอง

  • ผิวหนังบริเวณมือและเท้าลอกออกเป็นแผ่น
  • ปวดตามข้อ
  • ปวดท้อง ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายเหลว

 

 

3. ระยะที่สาม

เป็นระยะที่อาการค่อย ๆ ดีขึ้น หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ระยะนี้อาจนานถึง 8 สัปดาห์

 

แนวทางการรักษาโรคคาวาซากิ

การดูแลรักษาต้องอาศัยการดูแลร่วมกัน ระหว่างกุมารแพทย์ทั่วไปและกุมารแพทย์โรคหัวใจ โดยผู้ป่วยที่ให้การวินิจฉัยว่าเป็นโรคคาวาซากิควรได้รับ intravenous gammaglobulin (IVIG) ในขนาดสูงเพื่อลดโอกาสการเกิดหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจโป่งพอง ร่วมกับการให้ aspirin

บทความที่เกี่ยวข้อง : ชี้เป้า ประกันสุขภาพลูก ลดภาระทางการเงินเมื่อลูกเจ็บป่วย ช่วยให้ได้รับการรักษาอย่างดีที่สุด

 

ข้อดีของการทำประกันสุขภาพเด็ก

  1. หายห่วงเรื่องค่ารักษาพยาบาล เมื่อลูกเจ็บป่วยบ่อยครั้ง สิ่งที่ตามมาคือค่ารักษาที่บางทีพ่อแม่อาจไม่ได้สำรองไว้มากพอ
  2. มีโอกาสหายเร็วขึ้น เพราะได้รักษาในโรงพยาบาลที่ดี และมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง
  3. คุ้มครองโรคได้ครอบคลุม
  4. ได้ความสบายใจ

 

อย่างที่บอกค่ะว่าประกันสุขภาพเด็ก เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลย เพราะถ้าหากเจอค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกินกำลัง แต่ประกันจะช่วยให้ทุกอย่างเบาบางลง แน่นอนว่าหากไม่ได้ทำประกันเอาไว้ พ่อแม่ก็ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายแบบไม่ทันตั้งตัว บางครั้งจำเป็นต้องใช้เงินเก็บหรือหาตัวช่วยทางการเงินอย่างบัตรกดเงินสดเพื่อสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับลูกเอาไว้ ซึ่งแน่นอนว่าหากมีตัวช่วยหรือมีเงินเก็บมาจ่าย ค่ารักษาพยาบาลก็เบาใจได้ แต่ถ้าหากไม่มีตัวช่วยเอาไว้เลย การทำประกันสุขภาพก็เป็นทางเลือก ที่เบาใจได้นั่นเองค่ะ

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

เปิดคัมภีร์ ! อยากทำประกันสุขภาพ ต้องรู้อะไรบ้าง สำหรับมือใหม่อยากทำประกัน

ประกันสุขภาพที่ไหนดี !? ชี้จุดเด่นของแต่ละบริษัท เพื่อให้ทำประกันอย่างเหมาะสม

อยากทำ ประกันชีวิตให้ลูก พ่อแม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอะไร

ที่มา : facebookหลีกหน่อยแม่ แพรแพรจะรีวิว, bumrungrad

บทความโดย

Kanthamanee Phisitbannakorn