โรคมะเร็งอัณฑะ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวนะคะ โดยเฉพาะกับคุณผู้ชายที่อยู่ในช่วงอายุ 20 – 40 ปี ที่สามารถเกิดโรคนี้ได้ ซึ่งในทางที่ดีควรตรวจไว้ด้วยนะคะ ไม่งั้นอาจจะหน้าซีดเหมือนกับคุณผู้ชายท่านนี้ได้ ที่ล่าสุดได้ทำการทดลองพิเรนทร์ขึ้น หนุ่มตรวจครรภ์ ขึ้น 2 ขีด งานนี้ถึงกับช็อก
เว็บไซต์ Mirror Media ได้รายงานข่าวถึงหนุ่มคนหนึ่ง ที่ได้ทดลองใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ของคุณผู้หญิง ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าจะเป็นอย่างไร โดยที่เจ้าตัวไม่ได้คาดคิดไว้ว่า ชุดตรวจจะแสดงผล 2 ขีดจาง ๆ ที่เป็นผลลัพธ์ของการแสดงผลการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ
งานนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับตลกไม่ออก จนเกิดความกังวลใจถึงขั้นต้องโพสต์ถามบนโซเชียลว่า “ด่วน! คำถามนี้จริงจังนะครับ เป็นเรื่องปกติไหมที่ผลตรวจครรภ์ของผู้ชายจะออกเป็นบวก” ซึ่งชาวเน็ตหลายคนตอบกลับผ่านการคอมเมนต์ตรงกันว่า “อาจเป็นมะเร็งอัณฑะ” พร้อมทั้งแนะนำให้ไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด!
หนุ่มตรวจครรภ์ ทำไมถึงเจอมะเร็งอัณฑะ
อ้างอิงข้อมูลจาก สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ American Cancer Society (ACS) ได้ให้ข้อมูลระบุไว้ว่า โรคมะเร็งอัณฑะ เป็นการป่วยที่หาได้ยาก สามารถพบได้ในผู้ชาย 1 ใน 250 คน โดยอายุเฉลี่ยของอาการ อยู่ที่ 33 ปี
ส่วนเรื่องที่สามารถ ใช้ชุดตรวจตั้งครรภ์ ในการตรวจหามะเร็งอัณฑะได้ ตามข้อมูลของเว็บไซต์ panscience ได้ระบุไว้ว่า “ชุดทดสอบการตั้งครรภ์” เป็นการตรวจเลือดหาฮอร์โมนตัวหนึ่ง ที่ใช้เป็นสารบ่งชี้โรคมะเร็งของรกภายในมดลูก ซึ่งก็เป็นหนึ่งในตัวบ่งชี้ของมะเร็งอัณฑะได้เช่นเดียวกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง : ผื่นที่เต้านม ผื่นแบบไหนเป็นสัญญาณมะเร็งเต้านมกันนะ ?
โรคมะเร็งอัณฑะ คืออะไร
มะเร็งอัณฑะ (Testicular cancer) คือ เนื้องอกร้ายที่เกิดจากเซลล์ในเนื้อเยื่ออัณฑะกลายเป็นมะเร็ง พบได้ประมาณ 2% ของมะเร็งทั้งหมด เป็นมะเร็งที่พบได้ไม่บ่อยนัก พบได้ในเพศชายทุกช่วงอายุ แต่ส่วนใหญ่พบในอายุ 15-35 ปี
เกิดจากการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของลูกอัณฑะ ซึ่งเป็นอวัยวะที่อยู่ภายในถุงอัณฑะ บริเวณด้านหลังอวัยวะเพศชายหรือองคชาต อาการบ่งชี้คือ มีก้อนนูนที่รู้สึกเจ็บบริเวณลูกอัณฑะ ลูกอัณฑะบวม เจ็บปวดหรือรู้สึกหนักภายในถุงอัณฑะ ซึ่งมะเร็งอาจเกิดขึ้นกับลูกอัณฑะเพียงข้างเดียว หรือทั้ง 2 ข้าง โดยเซลล์มะเร็งอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่นของร่างกายได้
ประเภทของมะเร็งอัณฑะ
1. มะเร็งอัณฑะชนิดเจิมเซลล์ (Germ Cell Tumors)
มะเร็งอัณฑะชนิดนี้เกิดขึ้นมาจากเจิมเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ร่างกายใช้ในการผลิตสเปิร์มโดย 95% ของผู้ป่วยมะเร็งอัณฑะชนิดนี้ ซึ่งยังแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่
- เซมิโนมา (Seminomas) : มะเร็งอัณฑะชนิดเจิมเซลล์ประเภทเซมิโนมามีอัตราการเติบโตหรือแพร่กระจายช้ากว่าประเภทนอนเซมิโนมา
- นอนเซมิโนมา (Non-seminomas) : มะเร็งอัณฑะชนิดเจิมเซลล์ประเภทนอนเซมิโนมามีแนวโน้มที่จะแพร่กระจายไปสู่เนื้อเยื่ออื่นเร็วกว่าประเภทเซมิโนมา โดยเฉพาะต่อมน้ำเหลือง อีกทั้งยังสามารถแพร่เข้าสู่กระแสเลือดไปยังเนื้อเยื่อส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ตับ ปอด สมอง
โดยส่วนใหญ่ในผู้ป่วยมะเร็งอัณฑะประเภทนี้ จะพบเซลล์มะเร็งอัณฑะหลายชนิดพร้อมกัน ซึ่งในบางครั้งอาจมีเซลล์มะเร็งอัณฑะชนิดเจิมเซลล์ประเภทเซมิโนมารวมอยู่ด้วย โดยเรียกมะเร็งอัณฑะที่มีเซลล์มะเร็งหลายชนิดว่ามะเร็งรูปผสม (Mixed Germ Cell Tomours) ซึ่งผู้ป่วยมะเร็งอัณฑะชนิดนี้จะได้รับการรักษาเช่นเดียวกัน
2. มะเร็งอัณฑะชนิดสโทรมอล (Stromal Tomors)
มะเร็งอัณฑะชนิดนี้เกิดขึ้นมาจากสโทรมอลเซลล์ (Stromal Cell) หรือเซลล์เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ซึ่งมีหน้าที่ช่วยเหลือเซลล์หลักในร่างกาย ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมะเร็งอัณฑะชนิดสโทรมอล แบ่งออกเป็นประเภทหลัก ๆ ได้ 2 ประเภท ได้แก่
- มะเร็งเลย์ดิกเซลล์ : มะเร็งอัณฑะประเภทนี้เกิดขึ้นมาจากเซลล์ที่ใช้ในการผลิตฮอร์โมนเพศชาย หรือเลย์ดิกเซลล์
- มะเร็งเซอร์โทไลเซลล์ : มะเร็งอัณฑะประเภทนี้เกิดขึ้นมาจากเซอร์โทไลเซลล์ ซึ่งเป็นเซลล์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยเจิมเซลล์ในการผลิตสเปิร์ม
3. มะเร็งอัณฑะทุติยภูมิ (Secondary Testicular Cancer)
มะเร็งอัณฑะที่เซลล์มะเร็งไม่ได้มีต้นกำเนิดมาจากเซลล์ของอัณฑะ แต่เกิดขึ้นจากการลุกลามมาจากอวัยวะอื่น โดยจะเรียกชื่อตามแหล่งกำเนิดของเซลล์มะเร็ง เช่น
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง : เป็นมะเร็งอัณฑะทุติยภูมิที่พบได้บ่อย เกิดขึ้นจากการลุกลามของมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมายังอัณฑะ ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้เกิดขึ้นจากเซลล์ของอัณฑะเอง มักรักษาโดยการผ่าตัดอัณฑะ และใช้รังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
- มะเร็งเม็ดเลือดขาว : บางครั้งเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวอาจก่อให้เกิดมะเร็งในอัณฑะได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่เป็นเด็กชาย ซึ่งส่วนใหญ่มักรักษาโดยการผ่าตัดอัณฑะหรือการใช้รังสีรักษา ควบคู่ไปกับการใช้เคมีบำบัด
สาเหตุของมะเร็งอัณฑะ
ปัจจัยที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งอัณฑะ ได้แก่
- ภาวะลูกอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ (Undescended testis)
- การเจริญที่ผิดปกติของอัณฑะ หรือโรคพันธุกรรมที่ทำให้อัณฑะมีการฝ่อตัว เช่น ผู้ป่วยกลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์
- อายุ ช่วงอายุที่พบได้บ่อยคือ 15-35 ปี
- เชื้อชาติ พบได้ในคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ
- มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งอัณฑะ
อาการของมะเร็งอัณฑะ
- คลำได้ก้อนแข็งในถุงอัณฑะ มักไม่มีอาการเจ็บบริเวณก้อนหรือเจ็บเพียงเล็กน้อย
- ปวดหน่วงบริเวณท้องน้อย อวัยวะเพศชาย หรือขาหนีบด้านที่มีก้อน
- น้ำอสุจิมีเลือดปน
- มีปัญหามีบุตรยาก
- อาจมีเต้านมโตขึ้นหรือปวดหน่วงบริเวณเต้านม ในมะเร็งบางชนิดที่สร้างฮอร์โมน
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ทำให้หลาย ๆ คนสงสัย ว่าถ้าหากแท่งทดสอบการตั้งครรภ์ สามารถตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบตัวบ่งชี้ดังกล่าวได้ง่าย ๆ ทำไมจึงไม่ถูกนำมาใช้เพื่อตรวจหามะเร็งอัณฑะในเบื้องต้น ในเรื่องนี้ สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา ก็ได้ชี้ให้เห็นว่าการตรวจแบบ Beta-hCG มีผลต่อการค้นพบมะเร็งอัณฑะบางชนิดเท่านั้น และผู้ป่วยมะเร็งอัณฑะบางรายที่มี Beta-hCG สูง ก็อาจมีอาการเจ็บและขยายตัวของเต้านมได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่มะเร็งอัณฑะทั้งหมดที่จะมี Beta-hCG สูง ดังนั้นแนะนำว่าหากประชาชนรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติในร่างกาย ควรขอความช่วยเหลือจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
โรคมะเร็งปอด สาเหตุที่ทำให้คนไทยเสียชีวิต อาการป่วยที่ไม่สูบบุหรี่ก็เป็นได้ !
เด็ก 1 ขวบ วิ่งร้องไห้ตามหาพ่อข้างถนน พลเมืองดีเตือน อาจไม่โชคดีทุกครั้ง!
คลอดลูกสาว 4 คน สะใภ้จีนถึงกับน้ำตาตก เมื่อสามีขอหย่าตอนท้องคนที่ 5!
ที่มา : mirrormedia, Sanook